เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 41 เธอชอบเขาแล้ว
ไปทำอะไรมา?เสิ่นเฉียวเหนื่อยหอบจนลิ้นพันกัน“ฉัน……”
ไม่ได้ เย่โม่เซินรู้แค่ว่าเธอออกไปข้างนอก แต่ไม่แน่ว่ารู้ว่าเธอออกไปทำอะไร เธอจะปริปากบอกออกไปไม่ได้
คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวสูดลมหายใจเข้าสงบสติตัวเองลง พูดเบา ๆ ว่า:“ฉันออกไปซื้อของกินมานิดหน่อย”
“ออกจากออฟฟิศไปซื้อของกินในเวลางานโดยพลการ ควรลงโทษยังไงดี?”
เสิ่นเฉียวริมฝีปากสั่น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง
เซียวซู่มองไปที่เธอ แล้วอธิบายว่า:“บริษัทตระกูลเย่มีกฎอยู่หนึ่งข้อ ห้ามออกไปไหนมาไหนในช่วงเวลางานโดยไม่ได้รับอนุญาต หากจะไปต้องได้รับการอนุญาตจากหัวหน้าก่อน ผู้ช่วยเสิ่นหัวหน้าของคุณคือคุณชายเย่แต่คุณไม่ได้รับการอนุญาตจากคุณชายเย่แล้วออกจากออฟฟิศไปโดยพลการแบบนี้ ต้องถูกหักเงินเดือนหนึ่งเดือนเป็นการเตือน”
ได้ฟังดังนั้น เสิ่นเฉียวตาโตขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“หักเงินเดือนหนึ่งเดือน?”แต่ว่า เธอเพิ่งจะทำงานได้ไม่กี่วันเองนะ
อยู่ ๆ ก็มาโดนหักเงินเดือนไปหนึ่งเดือนแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอจะไม่ได้รับเงินเดือนอีกนานเลยใช่มั้ย?
“ใช่แล้วผู้ช่วยเสิ่นนี่คือกฎของบริษัท”
เสิ่นเฉียวมองไปทางเย่โม่เซิน ริมฝีปากขยับเบา ๆ:“ขอโทษนะคะ คือฉันไม่รู้……ถ้าจะขอ……”
“ไม่ได้!”เย่โม่เซินตัดบทอย่างไร้เยื่อใย แทบไม่ให้โอกาสเธอแม้แต่น้อย
โอเค เธอผิดเองจริง ๆ นั่นล่ะ เธอออกนอกออฟฟิศไปโดยไม่บอกไม่กล่าว และนี่ก็เป็นกฎของบริษัท พนักงานในบริษัททุกคนต้องปฏิบัติตามกฎอย่างเท่าเทียมกัน ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาบ่นอิด ๆ ออด ๆ
หลังจากคิดได้ดังนั้น เสิ่นเฉียวก็ก้มมองเท้าของตัวเอง และไม่ได้พูดแก้ตัวให้ตัวเองอีก
ภายในลิฟต์นั้นเงียบลงทันใด แม้แต่เสียงของลมหายใจที่แต่ละคนเปล่งออก มาก็ได้ยินหมด เธอไม่ได้พูดแก้ตัวให้ตัวเองอีกนั่นทำให้เย่โม่เซินค่อนข้างประหลาดใจ แต่หลังจากที่คิดได้ก็เข้าใจได้ว่า
ผู้หญิงที่หยิ่งยโสหัวสูงแบบนั้น จะมาสนใจอะไรกับแค่เงินเดือนเดือนเดียว?
เหอะ
ไม่พูดตรง ๆ ก็มักจะมีตอนที่พูดตรง ๆ
หลังจากออก มาจากลิฟต์ เสิ่นเฉียวส่งเซียวซู่ที่เดินตามเย่โม่เซินออกไปด้วยสายตา จากนั้นก็ไปที่ประตูบริษัทที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก มองจากไกล ๆ ก็เห็นหานเส่โยวจอดรถรอเธออยู่ที่นั่นแล้ว สีหน้าเธอมีความสุขขึ้นมา รีบเดินไปอย่างไว
เพิ่งจะเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถ ตอนที่เสิ่นเฉียวรัดเข็มขัดก็ได้ยินหานเส่โยวถาม
“นั่นใช่รถของสามีเธอรึเปล่า?”
พอได้ยิน เสิ่นเฉียวก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วมองตามสายตาของเธอไป เห็นเป็นรถของเย่โม่เซินขับออกมาจากลานจอดรถ แล้วก็พยักหน้า“อื้ม แต่ เขาไม่ใช่สามีของฉัน”
“ว่าไงนะ แต่งงานกันแล้วยังไม่ใช่สามีอีกเหรอ”
“เธอเองก็รู้ไม่ใช่เหรอเรื่องงานหมั้นเมื่อครึ่งปีก่อนนั้น มันก็เป็นแค่เรื่องของผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น”
ได้ฟังอย่างนั้น หานเส่โยวก็ยื่นไปจับที่แก้ม “งานแต่งเพื่อผลทางธุรกิจ ฉันได้ยินมาว่า คุณชายสองตระกูลเย่คนนี้ดูเหมือน……จะไม่ค่อยไหวนะ”
ท่าทางในมือของเสิ่นเฉียวหยุดลง มองไปที่หานเส่โยว
“ทำอะไรน่ะ?เธอน่าจะเข้าใจความหมายของฉันสิ?”
เสิ่นเฉียว:“.…..”
หานเส่โยวรวบรวมสติ:“พวกเธอแต่งงานกันมาจนถึงตอนนี้ เคยทำเรื่องอย่างว่ามั้ยล่ะ?”
เสิ่นเฉียวหน้าแดง กัดริมฝีปากแน่น:“เป็นไปได้ยังไง?”
“ฉันก็บอกแล้วไง คนลือจากข้างนอกเป็นเรื่องจริง”
“เส่โยว อย่าพูดมั่ว ๆ นะ ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?ทุกอย่างมีเหตุและผลของมัน พวกเธอก็แต่งงานกันแล้ว ถ้าเขาไม่ได้มีปัญหาตรงส่วนนั้นจริงๆ จะปล่อยให้เธอรอมาจนถึงตอนนี้เหรอ?”
“ก็มีเหตุผล”เสิ่นเฉียวสายตามองต่ำ ทำให้คนไม่รู้อารมณ์ของเธอ“เขาก็ไม่ได้ชอบฉันมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่แตะเนื้อต้องตัวเลยถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเขาจะทำไม่ได้”
“เฉียวเฉียว เธอจะพูดแก้ต่างให้เขาทำไมเนี่ย?”หานเส่โยวผายมือออกอย่างหมดปัญญา:“เธอชอบเขาแล้วละสิ?”
ได้ฟังแล้ว เสิ่นเฉียวทำตาโตทันที“เป็นไปไม่ได้!”
เธอจะชอบคนที่ปากคอเราะรายแบบนั้นลงได้ยังไง พอมีโอกาสก็หัวเราะเยาะเย้ยแฟนของเธอ!
“แล้วเธอจะแก้ต่างให้เขาทำไม นกเขาเขาไม่ขันก็นับว่าเป็นเรื่องดีกับเธอนะ แบบนี้เธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียตัวแล้ว จริงสิ เรื่องที่เธอขอ ให้ฉันหากระดุมเม็ดนั้นเหมือนจะได้เรื่องแล้วล่ะ”
“ทำไมเร็วจัง?”เสิ่นเฉียวค่อนข้างประหลาดใจ
หานเส่โยวยิ้มมุมปากอย่างมั่นอกมั่นใจ:“เธอคิดว่าตระกูลหานเป็นที่แบบไหน?แน่นอนว่าเรื่องซุบซิบนินทาเล็ก ๆ น้อย ๆแบบนี้มีการพูดถึง”
“แล้วเธอได้ความมาว่ายังไงบ้าง?”
“อันที่จริงกระดุมพบเห็นได้บ่อยมาก ในตอนแรกที่พี่ชายได้ยินว่าสิ่งที่ฉันต้องการหาคือกระดุมเขาก็ด่าฉันยกใหญ่ เพราะคิดว่าการจะใช้เบาะแสนี้ในการตามหาคนมันไม่น่าเชื่อถือแต่แรกอยู่แล้ว แต่หลังจากที่เห็นแบบของกระดุมเม็ดนั้นแล้ว พี่ชายฉันก็พบว่าวัสดุที่ใช้ในการทำกระดุมเม็ดนั้นมันดีมาก เสื้อผ้าธรรมดาทั่วไปไม่มีทางติดกระดุมแบบนี้แน่นอน”
พูดถึงตรงนี้ หานเส่โยวก็ส่งยิ้มให้เสิ่นเฉียวอย่างมีเลศนัย จากนั้นสายตาก็มองไปที่เธอของเธอ
“เฉียวเฉียว เด็กในท้องของเธอ พ่อของเขาจะต้องเป็นคนที่มีเงินมากแน่ๆ”
ได้ฟังดังนั้น หนังตาเสิ่นเฉียวก็กระตุก
“ตอนนี้ข่าวคราวที่ฉันได้มาก็มีเท่านี้ล่ะ ส่วนเรื่องอื่นๆนั้น……พี่ชายฉันบอกมาว่า เธอต้องเอากระดุมเม็ดนั้นไปหาเขายืนยันถึงจะได้ ถึงอย่างไรรูปภาพก็ไม่ค่อยสมจริง เขาต้องการเห็นกระดุมเม็ดนั้นด้วยตาของเขาเองถึงจะหาข้อมูลที่ละเอียดมากกว่านี้ได้ เธอได้พกติดตัวไว้มั้ย?”
เสิ่นเฉียวส่ายหัว
กระดุมเม็ดนั้น……ยังอยู่ที่ใต้เตียงของเย่โม่เซิน
“ไม่จริงน่ะ?ของสำคัญแบบนี้แต่เธอไม่พกไว้ติดตัว?”
“ฉันก็เพิ่งจะมาหาเจอเมื่อคืนนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันกลับไปจะหยิบมาด้วย พรุ่งนี้จะเอาให้เธอ”
“อื้ม โอเค งั้นพรุ่งนี้เธอต้องจำให้แม่นๆนะว่าต้องพกออกมาด้วย รอให้ฉันหาพ่อให้เจ้าเด็กนี้แทนเธอให้เจอก่อน พอถึงตอนนั้นพวกเราจะเล่นนายเย่โม่เซินนั่นให้หนักเลย ดูซิว่าเขาจะยังกำแหงได้อีกมั้ย”
“อันที่จริง— —เย่โม่เซินก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เธอ……”เสิ่นเฉียวหยุดไว้แค่นั้น และไม่ได้พูดอะไรต่อ
“ฉันรู้ว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี แต่สำหรับเธอแล้วเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขารู้ว่าเธอไม่ใช่เสิ่นโย่ว และยังรู้ว่าเธอมีสามีมาก่อน และยังรู้อีกว่าในท้องของเธอมีเจ้าตัวน้อยอยู่ สำหรับเธอ เขาก็เป็นคนที่อันตรายที่สุดแล้ว เข้าใจมั้ย?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า:“ฉันเข้าใจ”
“เธอต้องระวังตัวให้มากๆ ต้องปกป้องตัวเองและลูกให้ดีๆ ส่วนทางฉันจะช่วยเธอหาเบาะแสให้เร็วที่สุด จากนั้นจะรีบบอกเธอในทันที”
“เส่โยว ขอบใจเธอมากนะ”
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากเบาๆ“ดีจริงๆที่ได้เจอเธอ”
ได้ยินแบบนั้น หานเส่โยว:“เธอเลิกเสแสร้งได้ละ สะอิดสะเอียนย่ะ!”
เสิ่นเฉียวเข้าไปกอดเธอ
“เอาล่ะ ฉันไปส่งเธอกลับก่อน”
“อื้ม”
ด้วยเหตุนี้หานเส่โยวจึงพาเสิ่นเฉียวไปส่งถึงที่หน้าประตูใหญ่ของตระกูลเย่ หลังจากเสิ่นเฉียวลงรถก็ตรงเข้าบ้านเดินขึ้นชั้นบนไป
ระหว่างทางที่เดินกลับเธอคิดถึงคำพูดพวกนั้นของหานเส่โยวมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเดินค่อนข้างระมัดระวัง ตอนที่เดินมาถึงประตูห้องเธอก็พบว่ามีคนใช้กำลังทำความสะอาดอยู่ ทำความสะอาดเสร็จพอดีก็เดินผ่านข้างตัวเธอไป
เสิ่นเฉียวไม่ได้สนใจ หลังจากเข้าไปแล้วก็พบว่าเย่โม่เซินยังไม่ได้กลับมา ฉะนั้นเธอจึงเอากระเป๋าวางลงอย่างรีบเร่งแล้วหมอบลงไปมองดูที่ข้างเตียง
เสิ่นเฉียวตกใจจนแทบจิตหลุด
กระดุมที่ตอนเช้าอยู่ใต้เตียงแต่อยู่ๆกลับไม่เห็นแม้แต่ร่องรอย!
เสิ่นเฉียวคิดขึ้นมาได้ว่าเมื่อกี้ตอนที่เธอเดินเข้ามามีคนใช้เดินสวนเธอออกไป เธอมาทำความสะอาดห้อง เป็นไปได้มั้ยว่าเธอเป็นคนหยิบไป?
คิดได้ดังนั้น เสิ่นเฉียวรีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปนอกห้องอย่างไว
และถัดไปไม่ไกลมีคนใช้สองคนกำลังพูดคุยกันอยู่
“กระดุมเม็ดนี้เจอตอนที่ไปทำความสะอาดห้องคุณชายสอง เธอช่วยเอาไปถามคุณชายสองให้ฉันหน่อยได้มั้ยว่าใช่ของเขาหรือเปล่า?”