เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 421 เธอโกรธแค้นฉันใช่ไหม
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 421 เธอโกรธแค้นฉันใช่ไหม
บทที่ 421 เธอโกรธแค้นฉันใช่ไหม
ตรงด้านหน้ามีคนนำทาง แต่ทว่าหลังจากที่ได้พามาแค่ช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งเขาก็ได้หยุดลงมาแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ส่งเสียงพูดออกมา: “คุณShelly คุณชายเย่บอกให้นำคุณพามาถึงที่นี่ก็ได้แล้ว”
หานมู่จื่อมองไปยังทางตรงด้านหน้าทีหนึ่ง และหลังจากนั้นก็ได้พยักหน้า
“ค่ะ”
รอหลังจากที่คนไปเดินไปแล้ว แววตาของหานมู่จื่อกลับเปลี่ยนไปจนอึมครึมขึ้นมา
เขาคือจงใจงั้นเหรอ? ให้คนนำเธอพามาถึงที่นี่ก็ไป ไม่ใช่ว่าคือต้องการทบทวนความทรงจำเส้นทางนี้ของเธอ?
เมื่อก่อนหานมู่จื่อได้พักอยู่ที่นี่แล้วช่วงเวลาหนึ่ง แม้ว่าจะพูดได้ว่าไม่ได้นานขนาดนั้น แต่ว่า……ที่นี่ก็คือที่ที่เมื่อก่อนเธอได้ใช้ชีวิตอยู่ ก็เป็นพื้นที่กิจกรรมในทุกวันของเธอ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อมือด้านข้างทั้งคู่ที่ได้ตั้งตรงจึงอดไม่ได้ที่จะกำกำปั้นและได้กัดฟันไว้แน่น
เย่โม่เซิน ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาคือจงใจ!
หานมู่จื่อสูดลมหายใจเข้าลึกๆฟอดหนึ่ง โน้มน้าวตัวเองอยู่ในใจด้วยความตั้งใจให้สงบเยือกเย็นลงมา หลังจากนั้นถึงได้เป็นขั้นเริ่มก้าวเท้าเดินไปทางด้านหน้า
และในเวลานี้ตอนนี้ เย่โม่เซินได้มองหานมู่จื่อที่ได้เดินมาทางด้านหน้าทีละก้าวทีละก้าวไว้ และค่อยแกว่งไวน์แดงที่อยู่ในมือเบาๆ ริมฝีปากบางๆได้ยกขึ้นอย่างช้าๆ
ดูแล้วผู้หญิงคนนี้ จดจำสิ่งๆน้อยๆของที่นี่ได้อย่างคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ในไม่ช้า หานมู่จื่อก็เดินมาถึงหน้าประตูแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ได้ยกมือขึ้นเคาะประตู
มีน้ำเสียงของลำคอที่ต่ำและลึกของผู้ชายส่งมาจากทางด้านใน
“เข้ามา”
หานมู่จื่อได้ผลักประตูออกเดินเข้าไปด้วยแววตาที่ไร้คลื่น เพียงแวบตาเดียวก็ได้เห็นถึงผู้ชายที่นั่งดื่มไวน์อยู่บนโซฟาอย่างสบาย ประมาณว่าคือเพราะว่าสาเหตุของวันหยุดพักผ่อน ดังนั้นเย่โม่เซินสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตบางๆตัวหนึ่ง กระดุมก็ได้ติดไปกี่เม็ดอย่างลวกๆตามใจ ที่ด้านล่างก็ได้เข้าชุดกับกางเกงขายาวสีดำรูปแบบง่ายๆตัวหนึ่ง
แสงพระอาทิตย์ตกบนทะเลได้ส่องแสงเปล่งเข้ามาจากหน้าต่าง ส่องสว่างไปแล้วทั่วทั้งห้อง
แสงพระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณที่กำลังดี ทำให้ในห้องทั้งห้องได้ผ่านพ้นไปบนสีสันของความเกียจคร้านแล้วอีกชั้นหนึ่ง
ภายใต้สายตาของหานมู่จื่อได้แอบกะพริบถึงความประหลาดใจของความสวยงามไปแวบหนึ่ง
ต้องพูดว่าอวัยวะทั้งหน้าบนหน้าของเย่โม่เซินยังมีนิสัยเฉพาะตัวบนตัวคือไม่มีทางที่จะจับผิดได้เลย
ในไม่ช้า เธอก็ได้กลับคืนสู่อารมณ์เดิมได้แล้ว หลังจากนั้นก็ได้นำกระเป๋าของตัวเองเปิดออก
“คุณเย่โม่เซิน”
“ทานอาหารเช้าไปแล้วหรือยัง?”
เย่โม่เซินได้ทำให้คำพูดของเธอหยุด สายตาทั้งหมดได้ตกไปอยู่บนโต๊ะที่อยู่ทางด้านหน้าของเขา: “กินก่อนสักหน่อย?”
ล้อเล่น เธอก็ไม่ใช่ว่าเข้ามาเพื่อกินข้าว
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย และได้นำกระเป๋าเปิดออก หยิบสายวัดตัวที่ตัวเองได้พกติดตัวออกมา “คุณเย่โม่เซิน อีกเดี๋ยวฉันยังมีเรื่องอื่นที่ต้องไปทำ ดังนั้นพวกเราก็มาจัดการแก้ไขปัญญาภายในระยะเวลาอันสั้นเถอะ”
การพูดความหมายของประโยคนี้ก็คือหวังว่าเย่โม่เซินจะลุกยืนขึ้นมา แต่เย่โม่เซินที่เดิมทีได้นั่งอยู่ตรงจุดนั้นก็ไม่ได้ขยับตัวเลยทั้งสิ้น
“คุณเย่โม่เซิน?” หานมู่จื่อได้ขมวดคิ้วที่งดงามไว้และก็ได้ตะโกนขึ้นมาหนึ่งเสียง
เย่โม่เซินได้ยกริมฝีปากขึ้น: “จัดการแก้ไขปัญญาภายในระยะเวลาอันสั้น? คุณShellyรีบร้อนเช่นนี้คือรีบเร่งไปเดท?”
“……ไม่ใช่”
“ถ้าเช่นนั้นก็นั่งลงมากินอาหารเช้าเป็นเพื่อนฉัน”
หานมู่จื่อ: “คุณเย่โม่เซิน”
“ทำไม?” แววตาปีศาจที่ก่อกวนเรื่องราวของเย่โม่เซินก็ได้ยกขึ้นตกไปอยู่บนใบหน้าของเธอตรงๆ: “เวลากินอาหารเช้าก็ไม่มี? มิเช่นนั้นฉันไปจัดการเรื่องที่เธอต้องการไปทำเป็นเพื่อนเธอ?”
ให้เขาตามไปที่โรงเรียนเพื่อไปหาเสี่ยวหมี่โต้ว เธอบ้าแล้วถึงจะตอบตกลงได้
สุดท้ายหานมู่จื่อทำได้เพียงประนีประนอม นำสายวัดตัวเก็บกลับไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้นั่งลงมาตรงข้ามกับเย่โม่เซิน
อาหารเช้ากลับคือได้เตรียมพร้อมอยู่เต็มโต๊ะ เหมือนกับคือรู้ว่าเธอต้องการที่จะเข้ามายังไงยังงั้น
เพียงแต่ว่าหานมู่จื่อได้กินข้าวเช้าจากในบ้านมาแล้ว แต่เธอรู้ว่าเรื่องที่เย่โม่เซินคนนี้ต้องการจะทำก็จะต้องทำให้ได้ ดังนั้นเธอก็ขี้เกียจจะไปโต้เถียงแล้ว และได้หยิบแซนด์วิชชิ้นหนึ่งกัดคำเล็กๆไว้
หวังแต่เพียงว่ารอหลังจากที่ได้กินอาหารเช้ามื้อนี้ไป ก็จะสามารถจัดการแก้ไขปัญญาภายในระยะเวลาอันสั้นได้ หลังจากนั้นก็กลับไป
เดิมทีเวลาที่เธอจะอยู่เป็นเพื่อนกับเสี่ยวหมี่โต้วก็น้อยแล้ว แต่ได้ถูกเย่โม่เซินก่อกวนความยุ่งยากเช่นนี้ความรู้สึกก็ล้วนไม่มีแล้ว
หานมู่จื่อด้านหนึ่งได้คิดเรื่องราว อีกด้านหนึ่งก็ได้กินแซนด์วิชคำเล็กๆ และสายตาทั้งหมดของเย่โม่เซินที่อยู่ตรงข้ามก็ได้เหนียวติดไปอยู่บนใบหน้าของเธอ เดิมทีเส้นสายตาก็ไม่เคลื่อนย้ายออกไปเลย
เธอเปลี่ยนไปมากเกินไป มากเกินไปแล้วจริงๆ
เธอในตอนนี้ได้สงบเยือกเย็นเย็นชากว่าเมื่อก่อนมาก อีกทั้งลักษณะบุคลิกก็สวยงามมาก
ราวกับว่าได้ลอกคราบใหม่
หานมู่จื่อที่เป็นแบบนี้สำหรับเขาแล้วละก็ คือความประหลาดใจที่ไม่ต้องสงสัย
แต่ก็คือได้ทำให้เขาปวดหัว
หานมู่จื่อกำลังไตร่ตรองเรื่องราวอยู่ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีเส้นสายตาที่ร้อนแรงหนึ่งตกอยู่บนตัวเธอ เธอได้ชะงักงันไปแล้วชั่วครู่ หลังจากนั้นก็ได้เงยหัวขึ้นมา ซึ่งก็พอเหมาะพอดีที่ได้ชนเข้าไปในภายใต้สายตาที่มืดมิดของเย่โม่เซิน
ได้ปะทะแววตาซึ่งกันและกัน เย่โม่เซินไม่มีความรู้สึกอึดอัดเก้อเขินเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งยกสายตาเพิ่มมองเธอไว้ตรงๆ แววตานั้นได้เปิดเผยโจ่งแจ้งเป็นพิเศษ มันร้อนแรงจนทำให้คนตกใจ
ในใจของหานมู่จื่อมีเสียงกึกๆดังขึ้น ทันใดนั้นก็ไม่มีความคิดในการกินของแล้ว
ภายหลังเธอได้วางแซนด์วิชในมือลง จากนั้นก็ได้พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ฉันกินอิ่มแล้ว คุณเย่โม่เซิน ตอนนี้พวกเราสามารถเริ่มได้แล้วหรือยัง?”
“ได้ตลอดเวลา” เป็นภาพท่าทางที่เย่โม่เซินได้บ่งบอกว่าเชิญเธอตามสบาย
แต่ว่า เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าคือต้องการให้เธอเข้าไปด้วยตัวเอง?
คิ้วที่ละเอียดงดงามของหานมู่จื่อได้ขมวดขึ้นมา จากนั้นก็ได้หยิบสายวัดตัวออกมาใหม่ เข้าไปด้วยตัวเองก็เข้าไป ถึงอย่างไรภายหลังที่ได้หยิบข้อมูลตัวเองของร่างกายเขาแล้ว เธอก็จะไปโดยตรง
เธอเดินขึ้นไปด้านหน้า จากนั้นก็ได้เปิดปากร้องขออย่างยากลำบาก: “คุณเย่โม่เซิน เชิญคุณลุกขึ้นมาครู่หนึ่งจะได้ไหม?”
“ลุกขึ้นมา?” เย่โม่เซินได้ยกคิ้วขึ้น
หานมู่จื่อได้ยิ้มเล็กน้อย: “นาทีเดียวก็ได้แล้ว”
หลังจากที่เธอพูดจบก็ได้รอคอยไว้ด้วยความอดทน
วินาทีถัดไป เย่โม่เซินได้วางแก้วลง ขาคู่ที่แน่นตรงดิ่งในที่สุดก็ได้ยืนขึ้นมาแล้ว เดิมทีหานมู่จื่อคือได้ห่างจากเขามีระยะห่างช่วงหนึ่ง แต่ว่าตอนที่เย่โม่เซินได้ยืนขึ้นมาก็เหมือนกับคือได้จงใจยังไงยังงั้น และได้เคลื่อนย้ายโดยมีระยะห่างไม่น้อยไปทางด้านข้างเธอ จนเกือบจะใกล้ชิดเธอแล้ว
เย่โม่เซินที่มือยาวขายาวได้ยืนอยู่ตรงหน้าของหานมู่จื่อ กลิ่นอายของเพศชายทั้งหมดที่เป็นของเขาก็ได้กดลงมาอย่างไม่ได้สงวนรักษาไว้แบบนี้เลยสักนิด นำเธอปกคลุมอยู่ภายใน
กลิ่นอายเช่นนี้……ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีเช่นนี้แล้ว แต่ใจของหานมู่จื่อยังคงได้ตื่นตกใจเล็กน้อย
ลูกตาดำของเธอได้ขดตัวลงแล้วครู่หนึ่ง กำลังเตรียมที่จะก้าวถอยไปทางด้านหลังกี่ก้าวตอนที่ได้รักษาระยะห่างกับเขา มือข้างหนึ่งกลับได้บีบเอวที่ละเอียดของเธอเอาไว้
หานมู่จื่อได้ยกลูกตาดำด้วยความงงงัน: “นายทำอะไร?”
ดวงตาที่ลึกซึ้งเหมือนกับท้องทะเลของเย่โม่เซิน ได้ตกไปอยู่บนใบหน้าของเธอซึ่งได้เหมือนกับคือมีแรงดึงดูดยังไงยังงั้น น้ำเสียงที่ลึกต่ำของเขา เหมือนกับเสียงของเชลโล่ที่ได้ดึงลากขึ้นช้าๆ
“ยืนไกลขนาดนั้น จะวัดขนาดได้ยังไง?”
ตอนนี้พูดประโยคพูดนี้ เย่โม่เซินยังคงคือเอียงตัวมาพูดอยู่ที่ด้านข้างหูของเธอ
ก็ไม่รู้ว่าเธอได้เข้าใจผิดแล้วใช่ไหม หานมู่จื่อมักรู้สึกว่าเย่โม่เซินได้ตั้งใจที่จะเป่าลมมุ่งใส่ในใบหูของเธอ
การกระทำเช่นนี้สำหรับหานมู่จื่อแล้วละก็ ไม่ต้องสงสัยคือมีนิสัยของความตื่นเต้นกระตุ้นเร้าใจ หลังจากเธอได้ยินถึงเสียงหัวใจของตัวเองเริ่มที่จะเต้นเผ่นอย่างไม่ยอมถอยขึ้นมา เพียงแต่นอกเหนือจากนี้เธอยังคงมีความรู้สึกอัปยศหนึ่งที่หนักหนาอย่างมาก
ผู้ชายที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง แต่กลับมักใช้การกระทำที่ไม่มีความมั่นคงสุขุมประเภทนี้ในการปฏิบัติต่อเธอ
หานมู่จื่อปิดตาลง และได้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “นายปล่อยมือของฉัน”
ลมหายใจบนตัวเธอแทบจะเย็นลงไปในชั่วพริบตา เย่โม่เซินยังไม่เข้าใจว่ามันคือเรื่องอะไรกัน หานมู่จื่อได้หยิบสายวัดตัวออกมาและใช้มัดพันไปอยู่บนแขนของเขาแล้ว ถัดไปหลังจากนั้นร่างกายก็ได้เคลื่อนย้ายไปถึงอีกทางด้านหนึ่งแล้ว
เวลานี้ที่ได้ห่างจากเขา ก็ได้มีระยะห่างช่วงสั้นๆช่วงหนึ่ง
หานมู่จื่อเต็มไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาในการทำการวัดขนาดความสั้นยาวแทนเขา
เดิมทีเรื่องพวกนี้สามารถไม่ต้องให้เธอทำได้ แต่หานมู่จื่อรู้ว่า หากว่าเย่โม่เซินคือพุ่งเข้าใส่ตัวเองมาแล้วละก็ ก็แม้ว่าเธอจะนำนักออกแบบพวกนั้นเรียกเข้ามา ก็เกรงกลัวว่าความอัปยศที่พวกเขาได้รับทั้งหมดก็จะไม่น้อยไปกว่าตัวเอง
ใบรายการเป็นตัวเองที่รับ ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะแบกรับภาระความกดดันไว้
“ตอนนี้เธอโกรธแค้นฉันใช่ไหม?”