เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 453 ทำไมเย่โม่เซินถึงมาอยู่ที่นี่
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 453 ทำไมเย่โม่เซินถึงมาอยู่ที่นี่
บทที่ 453 ทำไมเย่โม่เซินถึงมาอยู่ที่นี่
หลินซิงหั่ว เหมือนถูกเสียงของ หานมู่จื่อ จี้จุดเอาไว้ เธอยังยืนอยู่ท่าเดิมไม่ขยับไปไหน แต่ทว่าเธอยังไม่ทันยืดตัวตรง ตอนนี้ท่าทางของเธอดูครึ่งๆ กลางๆ มันค่อนข้างตลกเล็กน้อย
คนอื่นๆ อยากจะหัวเราะ แต่ หานมู่จื่อ กลับเดินเข้าไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เธอมองดูรอบๆ จากนั้นก็หยิบกระดาษทิชชูเปียกมาสองสามแผ่นแล้วก็จับมือของ หลินซิงหั่ว ขึ้นมาแล้วใช้กระดาษทิชชูเปียกเช็ดคราบมันบนมือของเธอ เมื่อ หลินซิงหั่วเห็นการกระทำของเธอ ก็รู้สึกใจหวิวเป็นอย่างมาก
กระโปรงที่เทพธิดาให้เธอ นี่ต้องเป็นของที่เทพธิดาทะนุถนอมเป็นอย่างมาก
แต่ขณะนั้นเองเธอลืมตัวเพราะรู้สึกดีใจจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จู่ๆ หลินซิงหั่ว ก็รู้สึกผิดขึ้นมา ดังนั้นแม้ว่าเธอจะลำบากใจ แต่เธอก็เก็บมันเอาไว้
จนกระทั่งเมื่อหานมู่จื่อถอยออกไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เสร็จแล้ว”
ได้ยินดังนั้น หลินซิงหั่ว เธอถึงเอามือลง เฉินเฟย รีบก้าวเข้ามา “ดูเธอสิ บอกแล้วว่าอย่ากิน ไม่ยอมฟังเลย”
หลินซิงหั่ว มอง หานมู่จื่อ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ขอโทษนะ Shelly เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เธอไม่โกรธฉันใช่ไหม ฉันก็แค่เห็นเธอแล้วดีใจไปหน่อย เลยคิดอยากจะเดินเข้าไปหาเธอเท่านั้นเอง”
“ไม่โกรธหรอก” หานมู่จื่อ ส่ายหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตอนที่ฉันออกแบบกระโปรงตัวนี้ ฉันยังไม่รู้จักเธอ ดังนั้นฉันเลยไม่รู้ขนาดตัวของเธอ แต่แค่คิดไม่ถึงว่าขนาดของมันจะใหญ่ไปไม่มากเท่าไร แต่ว่าถ้าเธอยังกินต่อไปแบบนี้ กระโปรงอาจจะปริก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของ หลินซิงหั่ว ก็เปลี่ยนไป เธอรีบเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ตรงนั้น
“ใครเป็นคนส่งอาหารมาให้ฉันกิน ฉันยังไม่ได้พูดเลยว่าฉันจะกินอันนี้ พวกเธอยังไม่เอาอาหารพวกนี้ออกไปอีกเหรอ”
เธอรีบเลื่อนหม้อออกไป จากนั้นก็จับมือของ หานมู่จื่อ แล้วยิ้มจนตาหยี
หานมู่จื่อ ถอยหลังไปเพื่อไม่ให้เธอเข้าใกล้ รอยยิ้มบนใบหน้าของ หลินซิงหั่ว ชะงักไป “Shelly?”
“เธอต้องระวังกระโปรงของตัวเองให้ดี นั่งนิ่งๆ ก่อนที่จะขึ้นเวทีเถอะ อย่าให้กระโปรงไปเกี่ยวโดนอะไร” ชุดที่หานมู่จื่อ สวมในวันนี้เป็นชุดที่มีซิป นี่เป็นเหตุให้เธอถอยห่างจาก หลินซิงหั่ว
“งั้นก็ได้ ฉันสัญญากับเธอว่าจะไม่วุ่นวายแล้ว ฉันจะนั่งรอตรงนี้ รอจนกว่าจะถึงเวลาขึ้นเวที” หลินซิงหั่ว พูดจบก็รีบวิ่งไปนั่งบนโซฟา ส่วนของกินบนโต๊ะก็ถูกกวาดออกไปหมดแล้ว ไม่นานภายในห้องก็มีเพียงความว่างเปล่า
เฉินเฟย เห็นภาพนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกระแอมออกมาเบาๆ คิดไม่ถึงว่ายัยเด็กคนนี้จะเชื่อฟัง หานมู่จื่อ ขนาดนี้
ตัวเธอเป็นไอดอลของคนจำนวนมากแท้ๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าไอดอลกลับเป็นแฟนคลับของคนอื่นซะอย่างนั้น
ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจินตนาการได้จริงๆ
*
หานมู่จื่อช่วยเธอดูความเรียบร้อยของชุด เมื่อดูไม่มีปัญหาอะไร เธอจึงพูดขึ้นมาว่า “โอเคแล้ว รออีกเดี๋ยวก็ถึงคิวเธอขึ้นเวทีแล้ว ตั้งใจแสดงออกให้ดีล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินซิงหั่ว ก็พยักหน้าอย่างตั้งใจ “เธอวางใจเถอะ ฉันจะไม่ทำให้เธอขายหน้า อ้อ รู้เรื่องของ จ้าวยี่หรู หรือยัง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไปดวงดีมาจากไหน คิดไม่ถึงว่าจะมีคนซื้อชุดแบรนด์ KL ให้เธอ”
หานมู่จื่อ ชะงักไป เธอหันไปมอง หลินซิงหั่ว โดยอัตโนมัติ
“เธอพูดว่าอะไรนะ”
“เธอก็ตกใจมากใช่ไหมล่ะ คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะโชคดีขนาดนี้” หลินซิงหั่ว ยักไหล่แล้วไม่พูดอะไร “จริงๆ หล่อนเป็นปัญหาในวงการบันเทิงของพวกเรา อาศัยการที่ตัวเองเป็นนักแสดงนำหญิง จองชุดราตรีแต่ไม่จ่ายเงินมัดจำ แค่สัญญาแบบปากเปล่า นิสัยและการกระทำของเธอแย่ แต่แบรนด์สินค้าเล็กๆ ก็ไม่กล้าไปล่วงเกินเธอ แต่ว่าแบรนด์ KL เป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าเขาไม่ไว้เธอหรอก เมื่อมีคนใช้เงินเต็มจำนวนมาซื้อเขาก็ต้องขายให้แน่นอน ตอนแรกพวกเรานึกว่าครั้งนี้ จ้าวยี่หรู จะเจออุปสรรคใหญ่เข้าให้แล้ว ที่ไหนได้ชุดนั้นโดนผู้ชายคนหนึ่งซื้อไป แถมยังเอามาให้เธออีก หลังจากที่ฉันรู้เรื่องนี้ ฉันเกือบจะกระอักเลือดออกมา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลินซิงหั่วก็หงุดหงิด “ผู้หญิงที่สวยแต่ไม่มีสมอง ทำไมถึงได้รับอะไรแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นชุดราตรีนั่นก็สวยมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะไปอยู่บนตัวของผู้หญิงคนนั้น ผู้ชายที่ซื้อให้ก็ตาบอดไปแล้วมั้ง”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์และโมโห
แต่ทว่า หานมู่จื่อ มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เมื่อกี้เสี่ยวเหยียนเพิ่งบอกเธอว่าให้หานชิงไปซื้อชุดนี้มาแล้วนิ แต่ทำไมถึงมีคำพูดเช่นนี้ออกมาอีกล่ะ
หรือว่าคนที่ส่งชุดให้ จ้าวยี่หรู คือหานชิงงั้นเหรอ
ไม่
เป็นไปไม่ได้หรอก
ตามนิสัยของหานชิงแล้ว เขาไม่ทำเรื่องที่น่าเบื่อแบบนี้หรอก
อีกอย่างในสายตาของเขา น้องสาวคนนี้สำคัญที่สุด ถ้าเสี่ยวเหยียนไปบอกว่าชุดนี้เหมาะกับเธอ เป็นไปไม่ได้ที่หานชิงจะเอาชุดนี้ไปให้คนอื่น
แล้วตอนนี้จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ ชุดนั้นไปอยู่ในมือของใครแล้วทำไมถึงส่งไปให้ จ้าวยี่หรู ได้ล่ะ
สิ่งที่เสี่ยวเหยียนทำทั้งหมดมันจะสูญเปล่าหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อ ก็รีบลุกขึ้นมา
“ฉันมาที่นี่นานพอแล้ว ต้องกลับไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินซิงหั่ว กะพริบตาปริบๆ “ทำไมเร็วจัง ฉันนึกว่าเธอจะอยู่เป็นเพื่อนฉันอีกสักพักเสียอีก โอเค พี่เฟย ไปส่งเธอหน่อย”
“ไม่ต้องละ” หานมู่จื่อ ส่ายหน้า “ฉันไม่ใช่คนขี้ลืมทางซะหน่อย ฉันรู้ว่ากลับไปยังไง เย็นนี้เธอก็สู้ๆ ละกัน”
“วางใจเถอะ ฉันจะทำให้เต็มที่ เพื่อฆ่า จ้าวยี่หรู ภายในวินาทีเดียว”
หลังจากบอกลากับ หลินซิงหั่ว เรียบร้อย หานมู่จื่อ ก็เดินกลับมา ตอนที่เธอกลับเข้ามาในงานแถลงข่าว ก็พบว่าแสงไฟไม่ได้มืดเหมือนเมื่อกี้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ปิดไฟที่นั่งคนดู เพื่อให้เช็คงานเท่านั้น
เพราะฉะนั้นตอนนี้เมื่อเธอเดิน เธอก็สามารถมองเห็นทุกอย่าง หานมู่จื่อ เดินไปยังที่นั่งของตัวเอง ตอนที่ใกล้จะถึงที่นั่งเธอกชะงักฝีเท้าลง
คนที่นั่งอยู่ข้างที่นั่งอันว่างเปล่า ฝั่งซ้ายคือเสี่ยวเหยียนกับเลิงเยาเยาผู้หญิงที่เธอรู้จักทั้งสองคน
แต่ทว่าฝั่งขวากลับเป็นผู้ชายร่างสูงขายาว
และผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เย่โม่เซินคนที่เธอไม่นึกว่าเขาจะปรากฏตัวที่นี่!
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่กันนะ แถมยังนั่งอยู่ข้างเธอด้วย
หานมู่จื่อ ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เธออึ้งเล็กน้อย
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในความมืด เธอรู้สึกคุ้นเคยกับรูปร่างของอีกฝ่าย หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่า
“นี่เธอทำอะไรน่ะ มายืนบังเราหรือไง”
คนที่นั่งอยู่ข้างหลังบ่นออกมาจนทำให้สติของหานมู่จื่อกลับมา เธอทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าด้วยความกล้ำกลืนฝืนใจ ถ้าจะไปนั่งที่ของตัวเองก็จำเป็นต้องเดินผ่านเย่โม่เซิน
ตอนนี้เธอเห็นชัดแล้วว่าเขาคือใคร เธอนึกว่าเย่โม่เซินจะขยับเท้าให้ตอนที่เธอเดินผ่าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่ขยับเท้าเลย
หานมู่จื่อ อดทนแล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณเย่โม่เซิน รบกวนขยับหน่อได้ไหมคะ”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเธอ เขาไม่พูดอะไรแล้วขยับเท้าออกให้เธอ หานมู่จื่อ ก้าวเท้าเดินเข้าไป
เสี่ยวเหยียนที่นั่งอยู่ข้างในก็มองภาพนั้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ตอนที่ไฟสว่างแล้วเธอเห็นว่าเย่โม่เซินอยู่ที่นี่ เธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก
รู้สึกว่าเขายังหลงเหลือความคิดที่ไม่ดี ขณะเดียวกันเธออยากจะส่งข้อความหา หานมู่จื่อ แต่ทว่าเมื่อเธอจะหยิบมือถือขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่แหลมคม เสี่ยวเหยียนตกใจจนต้องเก็บมือถือลง
เดิมที หานมู่จื่อ นึกว่าตัวเองจะเดินผ่านไปอย่างราบรื่น แต่ใครจะไปคิดว่าส้นรองเท้าจะหัก เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จนล้มลงไปกองกับพื้น