เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 456 ห้ามบล็อกผมอีก
บทที่ 456 ห้ามบล็อกผมอีก
ช่างมันเถอะ วันนี้เกิดเรื่องขึ้นมากมายจริงๆ สำหรับเลิงเยาเยาแล้วราวกับความฝันอย่างไรอย่างนั้น
เธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับเชิญมางานในวันนี้ หลังจากที่เธอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความกลุ้มใจก่อนกับเรื่องสินค้าที่ถูกทำลายจนพังก่อนหน้านี้ก็หายแวบไปในพริบตา
เธอจะถ่ายรูปเพิ่มอีกสักสองสามรูปก็ยังทัน
อีกอย่างเธอยังได้เห็นเย่โม่เซินกับดาราดังอย่าง จ้าวยี่หรู กับ หลินซิงหั่ว อีกด้วย
แต่ก่อนตอนที่เธอเป็นดีไซเนอร์ที่ไม่ได้มีชื่อเสียง ถึงแม้ว่าผลงานของเธอจะดีเลิศแค่ไหน แต่จะเอาปัญญาที่ไหนไปเทียบกับบริษัทระดับต้นๆ ได้ล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่จะมีโอกาสแบบนี้เลย
หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ จู่ๆ ก็มีคนสายตาเฉียบแหลมเห็นกระโปรงที่อยู่บนตัวของ หลินซิงหั่ว ว่ามันมีความพิเศษเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยปากถาม
“คุณหลิน วันนี้กระโปรงที่คุณสวมดูพิเศษมากเลย ถ้าฉันจำไม่ผิด นี่คือผลงานของดีไซเนอร์ชาวต่างประเทศที่ชื่อ Shelly ใช่ไหม”
เดิมทีเธอกำลังจะลงจากเวทีแล้ว แต่เมื่อเจอคำถามเช่นนี้ หลินซิงหั่วจึงชะงักฝีเท้าลง จ้าวยี่หรู ก็เช่นกัน เธอมองหลินซิงหั่ว อย่างสงสัย
หลินซิงหั่ว ยิ้มบางๆ “คุณนี่รู้จักผลงานดีจริงๆ เลยนะคะ ใช่ค่ะ นี่คือผลงานของ Shelly”
“ผลงานการออกแบบนี้ ฉันเคยเห็นตอนที่ไปร่วมงานที่ต่างประเทศ ได้ยินมาว่าผลงานนี้เพิ่งออกวางขายครั้งแรกก็ถูกบุคคลลึกลับซื้อไปในราคาที่สูงมาก หลังจากนั้นก็ไม่ออกวางขายอีก สำหรับคนจำนวนมากมันเป็นสินค้าที่หาได้ยาก แต่ว่า คุณShelly ไม่ออกแบบผลงานแบบนี้อีกแล้ว ไม่ทราบว่า คุณหลิน ได้ผลงานชิ้นนี้มาได้อย่างไร หรือว่าคนที่ซื้อผลงานในราคาสูงคนนั้นคือคุณเหรอ”
หลินซิงหั่วกะพริบตาปริบๆ สายตาของเธอมองไปยังตำแหน่งของ หานมู่จื่อ ที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งผู้ชม หานมู่จื่อ ส่ายหน้าให้เธอเบาๆ หลินซิงหั่ว รู้ทันที เธอจึงพูดออกมาเบาๆ ว่า “เรื่องนี้เหรอ พวกคุณลองเดาดูละกัน”
เดิมทีเธอคิดจะดึง หานมู่จื่อ ขึ้นมาบนเวที แต่เธอเคารพความสมัครใจของ หานมู่จื่อ ในเมื่อเธอไม่ยินยอม หลินซิงหั่ว ก็ทำตามความคิดของตัวเองด้วยการทำให้ผู้คนสับสนกับคำตอบของเธอ
ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
จากนั้นเธอก็โบกมือไปมา ยกกระโปรงแล้วก็เดินหมุนไปรอบๆ
“โอเค งานของฉันสิ้นสุดลงแล้ว คุณพี่สื่อและนักข่าวทั้งหลาย ไว้เจอกันใหม่นะคะ”
พูดจบเธอก็ยกกระโปรงแล้วเดินลงจากเวที
เมื่อสื่อและนักข่าวเห็นดังนั้น ก็รีบยกกล้องขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้น เพื่อที่จะตามไปรอเธอหลังเวที
จ้าวยี่หรู ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวก็โมโหมาก แต่เธอโดนผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างๆ รั้งเอาไว้
“นี่เป็นงานแถลงข่าวนะ อย่าให้โดนถ่ายรูป รีบไปกันเถอะ”
“เหอะ ผลงานที่ดีไซเนอร์ออกแบบแล้วมันยังไงล่ะ Shelly นั่นมันเป็นใครงั้นเหรอ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ท่าทางตกอกตกใจของคนพวกนั้น ฉันก็ไม่อยากเห็นเหมือนกัน”
พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินไป ตอนที่เธอเห็นกระโปรงที่ตัวเองสวมอยู่ก็คิดถึงหานชิงขึ้นมา รอยยิ้มได้ใจเผยขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
รอให้เธอเป็นคุณนายน้อยของบริษัทตระกูลหานก่อนเถอะ เธอจะเหยียบคนพวกนั้นให้จมดิน!
เมื่อ หานมู่จื่อ ชมกิจกรรมได้พอสมควรแล้ว เธอกะว่าจะลุกขึ้นแล้วพาเลิงเยาเยากับเสี่ยวเหยียนกลับ ใครจะไปคิดว่าเมื่อเธอลุกขึ้นยืน ก็รู้สึกถึงแรงที่ข้อมือ เธอโดนคนดึงให้นั่งลงไปที่เดิม
เธอหันหน้าไปเห็นเย่โม่เซินกำลังจับมือเธออยู่ เขาจ้องเธอเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ” หานมู่จื่อ พูดอย่างไม่สบอารมณ์
เย่โม่เซินหรี่ตาลง “เปลี่ยนสีหน้าได้เร็วขนาดนั้นเชียว”
เลิงเยาเยากับเสี่ยวเหยียนเห็นภาพนั้นก็กะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ลงไปนั่งที่เดิม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
คนที่อยู่รอบๆ จำนวนไม่น้อยต่างก็มองมาที่พวกเขา หานมู่จื่อ รู้สึกทำตัวไม่ถูกเธออยากจะหลบสายตาพวกนั้น หญิงสาวทำได้เพียงกดเสียงต่ำแล้วพูดว่า “คุณรีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ คนกำลังมองอยู่ นี่เป็นงานแถลงข่าว คุณอยากให้คนจำได้หรือไง”
“จำได้แล้วยังไง” เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น
ก็จริง เย่โม่เซินไปไหนก็ไม่ได้ทำตัวโจ่งแจ้ง เขาจะกังวลเรื่องโดนคนจำได้ไปทำไม
จำได้ก็ยิ่งดีสิ โอกาสเหมาะพอดี
“ไม่ยังไง” หานมู่จื่อ สูดหายใจลึก จากนั้นก็พูดด้วยเสียงต่ำ “ปล่อยฉันก่อนได้ไหม ฉันจะกลับแล้ว”
“ได้สิ” เย่โม่เซินมองเธอเหมือนหาเรื่อง “จะให้ผมปล่อยคุณก็ได้ แต่ต้องเพิ่มวีแชทผม”
หานมู่จื่อ:“……”
เธอนึกว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เขาขวางเธอไว้ก็เพื่อที่จะให้เธอเพิ่มวีแชทเขางั้นเหรอ นี่มันอะไรกัน
หานมู่จื่อ กะพริบตาปริบๆ “คุณว่าอะไรนะ”
“ครั้งก่อนคุณบล็อกผม” ตอนที่พูดประโยคนี้ดูเหมือนเขาจะไม่พอใจมาก เพราะว่าเรื่องนี้เขาจำมันมาถึงทุกวันนี้ เขาหวังว่า หานมู่จื่อ จะเพิ่มเพื่อนเขาในวีแชท
เพราะฉะนั้นโอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ
พูดจบ เย่โม่เซินก็หยิบมือถือขึ้นมา แล้วเปิดหน้าแอพลิเคชั่นวีแชท
หานมู่จื่อ:“ถ้าเพิ่มเพื่อนแล้วคุณจะปล่อยฉันไปเหรอ”
เมื่อถามจบ หานมู่จื่อ รู้สึกว่าสมองของเธอช็อตไปแล้ว เธอจะถามคำถามแบบนั้นไปทำไม
“น่าจะเป็นอย่างนั้น” เย่โม่เซินพูดเร่งเธอ “รีบเอามือถือออกมาสิ”
หานมู่จื่อ อึ้งเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองเลิงเยาเยากับเสี่ยวเหยียน
เลิงเยาเยากะพริบตา พูดด้วยหน้าตาใสซื่อว่า “แค่เพิ่มเพื่อนเอง ไม่เสียหายอะไรหรอก เพิ่มไปเถอะ”
เสี่ยวเหยียนเห็นดังนั้นก็รีบพยักหน้าเสริม “ใช่ รีบเพิ่มเพื่อนเถอะมู่จื่อ”
คนทรยศทั้งสองคน
หานมู่จื่อ เหลือบมองทั้งสองคน สุดท้ายเธอก็หยิบมือถือออกมา ก่อนหน้านี้เธอบล็อกเย่โม่เซิน ดังนั้นตอนนี้เธอทำได้เพียงกดเข้าไปในรายชื่อแบล็กลิสต์แล้วลากเข้าออกมาจากรายชื่อนั้น
“โอเคหรือยัง”
“ยังไม่ได้เพิ่มเพื่อน” เย่โม่เซินส่งคำเชิญเพื่อนมา จากนั้นเขาก็เอนร่างสูงของตัวเองเข้ามา กลิ่นผู้ชายโชยมาจากตัวเขา “รีบกดรับสิ”
ท่าทางแบบนั้น ราวกับเด็กที่อยากได้ลูกอมอย่างไรอย่างนั้น หานมู่จื่อ เหนื่อยใจ เธอจึงรีบกดยืนยัน
“ครั้งนี้น่าจะโอเคแล้วนะ”
เมื่อเย่โม่เซินเห็นว่าหน้าจอปรากฏว่าได้เพิ่มเพื่อนเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มสวยของเย่โม่เซินก็ปรากฏออกมาอย่างไม่รู้ตัว หลังจากนั้นเหมือนว่าเขานึกอะไรได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า “กลับไปอย่าลบเพื่อนผมอีก!”
หานมู่จื่อ: “คุณ…”
เธอกำลังจะพูดออกไปว่าคุณรู้ได้ยังไง แต่ว่าคิดไปคิดมามันก็ไม่จำเป็น เธอทำได้เพียงพยักหน้า
“โอเค ฉันจะไม่ลบเพื่อนคุณ พวกเราไปได้แล้วใช่ไหม”
เย่โม่เซินหลบให้พวกเธอเดินไปอย่างพออกพอใจ หานมู่จื่อ ถอนหายใจเฮือก เธอลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไป
ผลก็คือเมื่อเธอลุกขึ้นแล้วพบว่าส้นรองเท้าหัก เมื่อครู่เถียงกับเขาจนลืมเรื่องนี้ไปเลย
“โอ้ มู่จื่อ ส้นรองเท้าเธอหักแล้ว ทำยังไงดี” เสี่ยวเหยียนพูดอย่างตกใจ
หานมู่จื่อ ลงไปนั่งแล้วมองส้นรองเท้าของตัวเอง เธอกลุ้มใจเล็กน้อย
สุดท้ายเธอตัดใจถอดรองเท้าอีกข้างหนึ่ง จากนั้นจึงหิ้วมันขึ้นมา เท้าขาวเนียนเหยียบลงไปบนพื้นอันเย็นเฉียบ “เราเดินออกไปแบบนี้ก่อน”
เย่โม่เซินที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ เขารู้สึกว่าเท้าขาวเนียนนั่นมันขัดตาเหลือเกิน เขาหรี่ตาลงอย่างอันตราย
วินาทีต่อจากนั้น ชายร่างสูงก็ลุกขึ้น เขาจับเอวของ หานมู่จื่อ ที่อยู่ในสภาพเท้าเปล่าแล้วอุ้มเธอขึ้นมา