เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 459 อย่าปล่อยให้เขาหลุดมือ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 459 อย่าปล่อยให้เขาหลุดมือ
บทที่ 459 อย่าปล่อยให้เขาหลุดมือ
“เธอนึกว่าฉันไม่รู้หรือไง ถึงเธอจะซ่อนมันอย่างดี แต่ความรู้สึกของคนก็เหมือนท้องของคนตั้งครรภ์ ฉันรู้จักกับเธอมานาน เธอปิดบังฉันไม่ได้หรอก”
“.…..” หานมู่จื่อ มองเธออยู่อย่างนั้น
“เธอคิดมากไปแล้ว การคาดเดาไม่สามารถตัดสินทุกอย่างได้”
“คาดเดาเหรอ” เสี่ยวเหยียนสูดหายใจลึก จากนั้นก็กอดอกมอง หานมู่จื่อ อย่างพิจารณา
“งั้นทำไมเธอถึงไม่กล้ามองฉัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ก่อน เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอเซิร์ชข่าวของเย่โม่เซินตอนที่ไม่มีใครอยู่ เธอเซิร์ชชื่อใครเยอะที่สุด หรือว่าจะเป็นคนชื่อเหมือนงั้นเหรอ”
หานมู่จื่อ:“……”
ในใจของเธอกระตุกวูบ หัวใจของเธอเหมือนโดนหินกระแทก
“เธอคิดว่าฉันดูไม่ออกงั้นเหรอ คิดว่าตัวเองซ่อนได้อย่างดีแล้วงั้นเหรอ” เสี่ยวเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดออกมาอีก “อันที่จริงฉันเจอเขาระหว่างทางที่เรามาจากเมืองซูถึงเมืองเป่ย แต่ว่าฉันไม่ได้บอกเธอเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อ ก็เงยหน้าขึ้นมา “เธอว่าอะไรนะ”
บนทางด่วนงั้นเหรอ คิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่นั่น
เสี่ยวเหยียนเห็นท่าทีของเธอ ก็เลยเล่าเรื่องราวในวันนั้นให้เธอฟัง หลังจากที่พูดจบ หานมู่จื่อ เหมือนตั้งสติกลับมาได้ วันนั้นเสี่ยวเหยียนไปรับอาหารกลับมาก็มีอาการแปลกๆ แต่วันนั้นโดนเสี่ยวเหยียนหลอกเข้าให้แล้ว
แล้วตอนนี้ล่ะ
เมื่อคิดย้อนกลับไป เธอไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ
“ตกใจใช่ไหมล่ะ เพิ่งกลับมาก็เจอเขา บางครั้งฉันก็คิดนะว่าหรือพวกเธอมีโชคชะตาต่อกันอย่างแรงกล้า ไม่งั้นระยะทางจากเมืองซูถึงเมืองเป่ย พวกเธอจะเจอกันได้ยังไง แต่จะพูดว่ามีโชคชะตาต่อกันก็ไม่ได้นะ เพราะวันนั้นพวกเธอไม่ได้เจอกันหรือว่าเพราะฉันเป็นก้างขวางคอ มู่จื่อ ในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนเธอ ฉันคิดแบบเห็นแก่ตัวคือไม่อยากให้พวกเธอคบกันอีก เธอได้รับความเจ็บปวดก็เพราะเขา แต่ว่าเรื่องความรู้สึก ถ้าเธอยังรักเขาอยู่ ฉันก็สนับสนุนเธอนะ”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเหยียนก็เดินมาข้างหน้าแล้วโน้มตัวลงกอดเธอ
หานมู่จื่อ ตะลึงอยู่อย่างนั้น
จู่ๆ เธอก็รู้สึกชื้นๆ บริเวณขอบตาของตัวเอง
ที่แท้หลายปีมานี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เสี่ยวเหยียนรู้เรื่องทั้งหมด
ใช่ ถึงแม้ว่าเธอต้องแสร้งทำตัวปกติเมื่อเจอเย่โม่เซิน แต่หลายปีมานี้ภายในใจของเธอยังรักเขามาโดยตลอด ติดตามความเป็นอยู่และข่าวคราวของเขา
รวมไปถึงตอนที่เขาสามารถลุกขึ้นมาจากรถเข็นแล้วเดินได้เหมือนกับคนปกติ เขากลายเป็นผู้ถือครองบริษัทตระกูลเย่ เธอรู้เรื่องพวกนี้ทั้งหมด
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขารักษาขาอย่างไรกันแน่
แต่เมื่อเห็นว่าเขาสามารถเดินได้อีกครั้ง แน่นอนว่าเธอต้องรู้สึกดีใจแทนเขา
ถึงแม้ว่าเธอจะยังรักเขา แต่เธอก็ไม่อยากกลับไปเริ่มใหม่กับเขาอีกแล้ว
เรื่องในอดีตก็เหมือนควันผ่านตา ใครสร้างกฎว่าถ้ายังรักแล้วต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันล่ะ
“ไปเถอะ คุยกับเขาให้ชัดเจน ถามคำถามที่อยู่ในใจของเธอ ถ้าเธอยังรักเขาจริงๆ เธอก็อย่าปล่อยเขาไป” เสี่ยวเหยียนตบบ่าของเธอ เสียงอ่อนโยนที่แทบจะไม่ค่อยได้ยินสักเท่าใด
ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอเอามือลงแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงาน
หานมู่จื่อ ก้มหน้าลงมองรอยชื้นบริเวณไหล่ของตัวเอง
*
บ่ายสองโมง
รถยนต์คันคุ้นเคยจอดอยู่ใต้ตึก เซียวซู่กดมือถือโทรหา หานมู่จื่อ
“คุณShelly คุณชายเย่สั่งให้ผมมารับคุณ”
หานมู่จื่อ คุ้นเคยกับน้ำเสียงของเซียวซู่ เธอเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง เห็นเซียวซู่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถ เธอเม้มปากแล้วพูดว่า “ได้ รอฉันห้านาที”
หานมู่จื่อ เก็บเอกสาร จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเดินลงไปใต้ตึก
เพราะการปรากฏตัวของเซียวซู่ ทำให้คนที่ทำงานอยู่ในตึกต่างพากันมายืนอออยู่ที่หน้าต่าง
“ถ้าฉันจำไม่ผิด นั่นคือเซียวซู่ผู้ช่วยของเย่โม่เซินแห่งบริษัทตระกูลเย่ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“บริษัทของเรากับบริษัทเขาทำงานร่วมกันนิ เขาอาจจะมารับใครก็ได้”
“ถึงจะทำงานร่วมกัน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องมารับด้วยตัวเองหรอกมั้ง”
ซูกั่วเอ๋อ ยิ้มแบบราบเรียบ “หรือว่า อาจจะเป็นแผนของเธอ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จางยู่ ก็เลิกคิ้วขึ้น “คงจะเป็นแบบนั้น หานชิงเปิดบริษัทให้เธอ ผลก็คือได้ข้อมูลดีๆ มามากมาย แผนของผู้หญิงคนนี้ไม่ซ้ำกันเลยจริงๆ”
“ถึงเธอจะมีแผนการจริงๆ พวกเธออิจฉาไปก็ไม่ได้อะไรหรอก คนหนึ่งคือเย่โม่เซิน อีกคนคือหานชิง ชายที่ยากจะสั่นคลอนแห่งเมืองเป่ย ผู้หญิงกี่คนแล้วที่ไปถวายตัวให้พวกเขาแต่ก็ไม่เคยอยู่ในสายตา พวกเธอมายืนอิจฉาอยู่ตรงนี้ สู้ไปวาดภาพสักสองสามภาพจะดีกว่าไหม”
คนที่พูดประโยคดังกล่าวก็คือเลิงเยาเยา เธอโยนเอกสารลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วเอามือกอดอก ปรายตามองจางยู่ กับ ซูกั่วเอ๋อ
ผู้หญิงทั้งสองคนนี้ขวางหูขวางตาเธอมาตั้งแต่แรกแล้ว
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน คิดไม่ถึงว่าจะยิ่งมองยิ่งหงุดหงิด
“ชิ หาได้ยากอะไรกัน รวบผู้ชายทั้งสองคนง่ายๆ แบบไม่เปลืองแรง หล่อนสุดยอดจริงๆ ที่เธอมาช่วยหล่อนพูด หรือว่าเธอก็อยากเป็นแบบหล่อนเหรอ” จางยู่ ส่งเสียงหึในลำคอแล้วพูดโต้ตอบกลับไป
ซูกั่วเอ๋อ เอามือกอดอกแล้วพูดว่า “น่าเสียดายที่ไม่มีใครชอบเธอ”
“ใช่” เลิงเยาเยาเอามือเท้าสะเอว “พวกเขาไม่ชอบฉันแล้วก็ไม่ชอบพวกเธอเหมือนกัน พวกเธอได้ใจอะไรกัน อีกอย่าง ฉันรู้สึกว่าฉันมีเรื่องจำเป็นต้องบอกพวกเธออีกเรื่องหนึ่งนะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เลิงเยาเยาก็ทำหน้าได้ใจ
ในห้องทำงานนี้มีเธอเพียงคนเดียวที่รู้เรื่องจริง เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอก็พูดออกมาว่า “พวกเธอใช้สายตาสกปรกๆ มองมู่จื่อมาโดยตลอด แต่พวกเธอคงคิดไม่ถึงสินะว่ามู่จื่อไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับหานชิง มู่จื่อนามสกุลหาน”
จางยู่ ยังจับใจความในประโยคนั้นไม่ได้ เธอกะพริบตาปริบๆ “หล่อนนามสกุลหาน แล้วมันยังไง”
ซูกั่วเอ๋อ คิดอย่างละเอียด จากนั้นก็จ้องเลิงเยาเยาด้วยความจริงจัง
“ที่เธอพูดหมายความว่าอะไร”
“หมายความว่าอะไรงั้นเหรอ พวกเธอก็ไปคิดดูเอาเองละกัน อีกอย่างสมองสกปรกๆ ของพวกเธอก็คงจะรับสิ่งบริสุทธิ์ไม่ได้ ฉันไม่อยากพูดมากแล้ว”
เลิงเยาเยาไม่สนใจพวกเธอ แล้วเดินอ้อมโต๊ะออกไปข้างนอก หวังอาน เห็นเหตุการณ์ก็รีบเดินตามเธอไป “เลิงเยาเยา คุณจะไปไหน ผมไปเป็นเพื่อน”
“หลีกไป” เลิงเยาเยาบ่นใส่เขาไปหนึ่งที “ฉันจะไปห้องน้ำ นายจะไปด้วยเหรอ ประสาทหรือเปล่า”
หวังอาน ที่โดนเธอด่า เอามือลูบหัวแล้วยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “งั้นผมรอคุณตรงนี้นะ”
หลังจากที่เลิงเยาเยาออกไป คนอื่นๆ ต่างก็พากันสงสัย
“ที่เธอพูดเมื่อกี้มันหมายความว่าอะไร มู่จื่อนามสกุลหาน แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับหานชิงอีก” จางยู่ ยังคิดไม่ออก แถมยังถามอยู่อย่างนั้น
ส่วน ซูกั่วเอ๋อ คิดไปคิดมาแล้วเหมือนจะเดาอะไรได้บางส่วน หน้าของเธอซีดเซียวแต่ไม่ได้พูดมันออกมา
อีกด้านหนึ่ง หานมู่จื่อ นั่งอยู่ภายในรถของเซียวซู่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป ภายในรถก็เงียบอย่างแปลกประหลาด
เมื่อเห็นว่ารถไม่ได้เคลื่อนตัวไปยังตัวเมือง หานมู่จื่อ ก็ขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะเจอกันที่บริษัท”