เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 469 ก่อเรื่อง
บทที่ 469 ก่อเรื่อง
“ช่วยเหรอ” หานมู่จื่อลังเลเล็กน้อย “พวกเธอ…”
“เธออย่ามาดูถูกพวกเราเชียว” เลิงเยาเยาตบไหล่ หานมู่จื่อ เบาๆ จากนั้นจึงมองไปยังคนที่อยู่ข้างๆ อย่าง หวังอาน “หวังอานเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ เขาช่วยเราได้”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อ จึงหันไปมอง หวังอาน
เลิงเยาเยามองว่าเขาเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ ทันใดนั้น หวังอาน มีความสุขจนราวกับมีฟองสีชมพูแห่งความรักออกมาจากดวงตาของเขา ชายหนุ่มรีบพยักหน้าตบอกตัวเองทันที “วางใจได้เลย ให้ผมจัดการเอง ผมขอไปแฮ็กระบบของอีกฝ่ายดูก่อน!”
พูดจบเขาก็นั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ ทุกคนต่างพากันมามุง
หานมู่จื่อ กลับรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เธอเม้มปากแล้วมองการกระทำของ หวังอาน ราวกับเลิงเยาเยารู้ความคิดของเธอ จึงพูดอธิบายขึ้นมาเบาๆ ว่า “เซียนคอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถแฮ็กระบบได้หรอก แต่ หวังอาน ไม่ใช่ บ้านของเขาทำรับทำการแฮ็กระบบ พวกเธอห้ามเอาออกไปพูดเชียวนะ!”
หานมู่จื่อ รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน คิดจะแฮ็กระบบหนึ่งระบบก็แฮกได้ง่ายอย่างนั้นได้ยังไง แถมการที่แฮ็กระบบคนอื่นก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไร แต่ว่าการหาแฮ็กเกอร์ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ทุกคนพากันรอด้วยความเบื่อหน่าย จู่ๆ หวังอาน ก็กดคีย์บอร์ดด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็ร้องออกมาอย่างตกตะลึง จนทำให้ทุกคนตกใจ
“มีอะไรเหรอ” เลิงเยาเยาถามอย่างเคร่งเครียด
“ระบบนี้…ถูกคนแฮ็กไปแล้ว”
“อะไรนะ” หานมู่จื่อ ประหลาดใจ “โดนแฮ็กไปแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่” หวังอาน พยักหน้า สีหน้าดูเคร่งเครียด “อีกอย่างฝีมือของอีกฝ่ายดีกว่าผมมาก เก่งสุดยอด ผมเดาว่าคงทำให้พวกเขาปวดหัวไปหลายวันเลยล่ะ”
หานมู่จื่อ:“…….”
เก่งขนาดนี้ ใครเป็นคนแฮ็กกันนะ
“หาตัวคนแฮ็กได้ไหม” เลิงเยาเยาถามสิ่งที่อยู่ในใจของเธอขึ้นอีกครั้ง หวังอาน กดคีย์บอร์ดเร็วขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาจึงพูดว่า “ไม่ได้ อีกฝ่ายเป็นคนฝีมือดี ผมไม่สามารถทำได้”
เลิงเยาเยา: “หวังอาน นายมีฝีมือแค่นี้เองเหรอ”
ถูกเลิงเยาเยาดูถูกเข้าให้แล้ว จู่ๆ หวังอาน ก็รู้สึกว่าไม่ดี แต่ทว่าตอนนี้เขาไม่มีวิธีอะไรเลยจริงๆ ทำได้เพียงกลุ้มใจเท่านั้น หลังจากกลับไปเขาต้องพยายามฝึกทักษะของตัวเอง
หานมู่จื่อ เดินกลับไปยังห้องทำงานอย่างเงียบๆ
เย่โม่เซินเป็นคนก่อเรื่องครั้งนี้ ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น เธอคงไม่โดนถ่ายภาพแล้วก็คงไม่โดนขุดคุ้ยจนมาถึงบริษัทอีกด้วย
ยิ่งคิดยิ่งโมโห หานมู่จื่อ หยิบมือถือออกมา เธออยากโทรไปด่าเย่โม่เซินสักยก
แต่คิดดูแล้ว ถ้าโทรไปหาเขาในตอนนี้ ไม่แน่อาจจะทำให้เขาคิดอะไรเพ้อเจ้อ คิดไปคิด หานมู่จื่อ จึงกดเข้าโปรแกรมวีแชท เพราะว่าเย่โม่เซินเพิ่มเพื่อนเธอในวันแถลงข่าว แถมยังกำชับไม่ให้เธอบล็อกเขาอีก
หานมู่จื่อ หารายชื่อของเย่โม่เซิน จากนั้นจึงกดส่งข้อความไปให้เขา
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการด่าทอความผิดของเขา จากนั้นจึงพูดเกี่ยวกับกระแสบนอินเทอร์เน็ตที่เปิดโปงข้อมูลส่วนตัวของเธอ ให้เขาไปจัดการ
เวลาในตอนนี้เป็นเวลาทำงาน การที่เธอส่งข้อความไปก็ไม่ได้หวังให้เขาตอบกลับมาในตอนนี้
แต่ว่าเธอส่งข้อความไปได้ไม่นานก็มีการตอบกลับมา เธออ่านข้อความที่เขาส่งกลับมาอย่างเต็มไปด้วยความมึนงง
{ให้ผมจัดการเอง}
แค่ประโยคเดียว แต่กลับทำให้คนมีพละกำลังที่มั่นคงอย่างบอกไม่ถูก
ให้เขาจัดการ หมายความว่าเขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดเหรอ เขาจะจัดการยังไงล่ะ
ขณะที่กำลังคิดอยู่ มือถือในมือก็สั่นขึ้นมา หานมู่จื่อ ก้มลงอ่านข้อความในมือถือแล้วยกยิ้มอย่างอดไม่ได้
ข้อความครั้งนี้ดูจะมากกว่าครั้งที่แล้ว แต่ทว่าเนื้อหามันช่างเพ้อเจ้อเหลือเกิน
{ห้ามบล็อกผม!}
ประโยคนี้เขาพูดต่อหน้าเธอหลายครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมความหงุดหงิดเมื่อครู่มันจางหายลงไปไม่น้อย ตอนนี้เย่โม่เซินต่างไปจากเมื่อก่อนมาก
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าอย่างไรเธอคงคิดไม่ถึงว่าเขาจะส่งข้อความแบบนี้มา
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพูดคำพูดเหล่านั้นต่อหน้าของเธอ
เธอไม่ได้ตอบกลับข้อความของเย่โม่เซิน เพราะเขาบอกว่าให้เขาจัดการเอง งั้นเธอก็จะรออย่างเงียบๆ รอดูว่าเขาจะจัดการมันอย่างไร
เธอไม่อยากให้ไฟครั้งนี้มันเผาไหม้ตัวเธอกับเสี่ยวหมี่โต้ว
เธอไม่ได้ตอบกลับข้อความของเย่โม่เซิน ฝ่ายนั้นเห็นว่าเธอเงียบไป จึงโทรหาเธออย่างรวดเร็ว
หานมู่จื่อ: “คุณมีเรื่องอะไร”
“คุณบล็อกผมเหรอ”
หานมู่จื่อ: “ฉันบล็อกคุณแล้วจะส่งข้อความหาคุณได้ยังไง”
“งั้นทำไมคุณไม่ตอบข้อความผม” น้ำเสียงของเย่โม่เซินฟังแล้วเหมือนกำลังตำหนิอยู่
“ฉันเห็นข้อความแล้ว ไม่ตอบกลับมันก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่เหรอไง”
“ปกติมางั้นเหรอ งั้นถ้าผมเห็นข้อความของคุณแล้วไม่ตอบ คุณจะกระวนกระวายไหม”
หานมู่จื่อ:“นี่มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอ”
เย่โม่เซินหัวเราะหึ น้ำเสียงทุ้มลึกจนทำให้คนหลงใหล “เกี่ยวสิ เพราะว่าผมใส่ใจกับการตอบกลับของคุณมาก”
หานมู่จื่อ: “……”
จู่ๆ เธอรู้สึกหน้าร้อนอย่างประหลาด แต่ก็โมโหมากเช่นกัน เธอพูดออกไปว่ายุ่งมาก ไม่มีเวลามาเล่นกับคุณจากนั้นจึงกดตัดสายทันที
เย่โม่เซินได้ยินเสียงลุกลี้ลุกลนจากปลายสาย หลังจากที่ได้ยินเสียงของเธอ ราวกับเห็นท่าทางที่กำลังหงุดหงิดของเธออย่างไรอย่างนั้น เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ไม่เป็นไร ค่อยเป็นค่อยไป
อีกอย่างตอนนี้นอกจากเขาแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีผู้ชายคนอื่นอยู่ข้างกายเธอ
*
เรื่องวุ่นวายมาเร็วเหลือเกิน เย่โม่เซินบอกว่าจะจัดการ วันต่อมาก็ไม่เห็นข่าวที่เกี่ยวกับเธออีก บริษัทโฆษณาเงียบกริบ แม้ว่าชาวเน็ตจะถามแต่บริษัทโฆษณาก็ยังเงียบ เป็นธรรมดาที่ชาวเน็ตจะไม่มีเบาะแสอื่นๆ
แต่ทว่าจัดการความวุ่นวายบนอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ไม่ได้แปลว่าจะโล่งใจได้
ตอนที่ หานมู่จื่อ มาทำงาน ได้ยินว่า หลินชิงชิง มารอเธออยู่ในห้องทำงาน
มาเช้าขนาดนี้เลยเหรอ
หานมู่จื่อ เลิกคิ้วขึ้นอย่างอดไม่ได้ เป็นไปตามคาดว่าเรื่องวุ่นวายมันมักจะเข้ามาพร้อมกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น หานมู่จื่อ เดินไปยังห้องทำงาน เสี่ยวเหยียนสะกิดแขนของเธอ “เธอระวังหน่อยนะ สีหน้าของหล่อนดูไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ใครไปทำอะไรให้โมโห”
เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าเย่โม่เซินกับ หลินชิงชิง กำลังเดทกัน ดังนั้นไม่แปลกที่เธอจะคิดเช่นนี้
เลิงเยาเยาไม่รู้เช่นกัน เธอเอามือกอดอก “ไม่มีเจตนาดีแน่ๆ ถูกทำให้โมโหจนต้องมาทำหน้าไม่สบอารมณ์ในบริษัทของเราเลยเหรอ ”
สองคนนี้ไม่รู้เหตุการณ์ที่แท้จริง หานมู่จื่อ กะว่าจะไม่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังภายในช่วงนี้ก่อน จึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอฉันไปดูก่อน”
“งั้นเธอระวังหน่อยละกัน” เสี่ยวเหยียนยังคงกำชับอย่างไม่วางใจ
หานมู่จื่อ ผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เป็นไปตามคาด เธอเห็น หลินชิงชิง นั่งอยู่บนโซฟา เมื่อเดินเข้าไปจึงรับรู้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นลูกค้า ดังนั้น หานมู่จื่อ จำเป็นต้องยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท
“คุณหลิน วันนี้ทำไมถึงมาเช้าจังคะ ครั้งหน้าถ้าคุณจะมี คุณบอกฉันล่วงหน้าก่อนก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องนั่งคอยนาน”
เมื่อได้ยินเสียง หลินชิงชิง มองมาทางเธอ แววตาแฝงไว้ด้วยการเยาะเย้ยและความหงุดหงิด ไม่รอให้เธอพูดอะไร หลินชิงชิง เอาเอกสารในมือขว้างไปทางเธออย่างรุนแรง
“นี่คือผลงานอันดีเลิศที่เธอส่งให้ฉันเหรอ นี่เรียกว่าผลงานการออกแบบได้ด้วยเหรอ”