เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 479 ผู้ชายที่ใจแคบ
บทที่ 479 ผู้ชายที่ใจแคบ
ดวงตาของเย่โม่เซินเยือนเย็น ทำให้พยาบาลอดไม่ได้ที่จะสั่นสะดุ้งเล็กน้อย สงสัยว่าเมื่อกี้ตัวเองมองผิดไปหรือเปล่า
แต่เมื่อมองดูดีๆ หลังจากที่พบว่าเย่โม่เซินจับมือผู้หญิงข้างๆไว้แน่น เธอก็เข้าใจในทันที
มีแฟนอยู่เคียงข้างหลังได้รับบาดเจ็บ ไม่แอบดีใจถึงจะแปลก
พยาบาลก็เลยแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง หันไปจัดการกับเรื่องอื่นแล้ว
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เย่โม่เซินถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เพราะบาดแผลที่หลังของเขาสาหัสเกินไป จึงต้องเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน
ส่วนห้องฉุกเฉินนั้น หานมู่จื่อไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นหลังจากที่เย่โม่เซิน เข้าไป เขาก็จำเป็นต้องปล่อยมือเธอ
ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองเธอ พูดสะกดทีละคำ “รอฉัน”
หานมู่จื่อไม่ได้ตอบกลับเขา เขาก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้ว
ปัง!
ประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลง
หานมู่จื่อยืนอยู่สักพัก ก็ค่อยๆหันเดินออกไปข้างนอก
ในเวลานี้ บริษัทต้องตกอยู่ในความวุ่นวายแน่นอน และเรื่องทางหลินชิงชิงก็ต้องจัดการ เย่โม่เซินมาถึงโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ให้หมอทำบาดของเขาก่อน
เธออยู่ที่นี่ ก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นหานมู่จื่อจึงรีบกลับไปที่บริษัท ตำรวจมาถึงแล้ว เสี่ยวเหยียนกำลังเล่าสถานการณ์กับพวกเขา หลังจากที่หานมู่จื่อมาถึง ก็ได้แจ้งเหตุการณ์ที่ตัวเองเห็นในเวลานั้น ให้กับตำรวจอย่างคร่าวๆ
“คุณหาน สถานการณ์โดยรวมเราเข้าใจแล้ว แต่ยังต้องรบกวนคุณกับผู้บาดเจ็บไปที่สถานีตำรวจทำบันทึกประจำวัน หากผู้บาดเจ็บอาการสาหัสเกินไป เราสามารถรอผู้บาดเจ็บฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยคุยกัน สำหรับผู้ร้ายที่จงใจทำร้ายคนที่คุณพูดถึง พวกเราจะไปดูกล้องวงจรปิด แล้วติดตามต่อไป”
สีหน้าของหานมู่จื่อไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “กล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน แต่ฉันก็ยังจะขอให้ควบคุมตัวเธอตอนนี้เลย เธอมีน้ำกรดอยู่ในมือ ฉันกังวลว่าเธอจะทำร้ายคนอื่นอีก”
พูดอย่างนี้ ก็หมายความว่า หลินชิงชิงเป็นตัวอันตราย พวกตำรวจมองหน้ากันแล้วพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“ได้เลย พวกเรารู้แล้ว”
“ขอขอบคุณ”
หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำบันทึกประจำวัน เมื่อออกมาก็เห็นหานชิงและเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนยืนอยู่ข้างๆหานชิง พูดอย่างอึดอัดเล็กน้อย “เรื่องนี้ใหญ่มากเกินไป ดังนั้นฉันคิดไปคิดมา เลยบอกพี่ชายของคุณ”
หานมู่จื่อ “……”
ปวดหัว เธออาจจะต้องโดนดุอีกแล้ว
เป็นไปตามคาด หานชิงมองเธอด้วยสายตาเย็นชา “เป็นเพราะเขาใช่ไหม?”
หานมู่จื่อ “พี่ชาย”
“อยากเลิกเกี่ยวกับเขาอีก คุณบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้กลับถูกเขาทำให้หนี้เสน่ห์มาหาถึงบ้าน ยังเกือบจะโดนสาดน้ำกรด”
“คนที่โดนสาดน้ำกรดไม่ใช่ฉัน คือตัวเขาเอง ตอนนี้เขาอยู่ในโรงพยาบาลแล้ว”
“นั่นคือเขาสมควรได้รับ” หานชิงพูดอย่างไม่เคารพ “เขาก่อหนี้ด้วยตัวเอง ก็ต้องใช้คืนด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่คุณล่ะ? คุณไม่รู้อะไรเลย มู่จื่อ อย่ายุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”
หานมู่จื่อครุ่นคิดสักครู่ กะพริบตาและพูดว่า “พี่ชาย ตอนนี้เขาอยู่ในโรงพยาบาล ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
“นั่นเป็นเรื่องของเขา” หานชิงพูดด้วยเสียงเคร่ง แล้วจับมือของเธอกะทันหัน “กลับบ้านกับฉัน”
“พี่ชาย!” หานมู่จื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ตอนนี้ฉันกลับไปกับคุณไม่ได้”
หานชิงดึงเธอเดินออกมา ได้ยินเช่นนี้ หันหน้ากลับไปทันที แววตามีความข่มขู่ “ทำไม? หรือว่าคุณยังอยากจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมเขาอีก?”
“ใช่!”
“คุณ!” หานชิงหรี่ตาอย่างอันตราย “คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่? คนคนนั้น……”
“ฉันไม่สนใจความคิดของพี่ชายในตอนนี้ แต่เขาได้รับบาดเจ็บเพราะฉัน ฉันไม่สามารถทิ้งเขาไว้ในโรงพยาบาล โดยไม่สนใจไยดี เป็นคน……ก็ไม่สามารถใจร้ายไม่มีคุณธรรมอย่างนี้” หลังจากพูดจบ หานมู่จื่อสะบัดมือของหานชิงออกอย่างแรง “พี่ชาย ฉันรู้ว่าพี่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว แม้ว่าพี่จะต้องการชดเชยสิ่งที่พี่ติดค้างฉันไว้ในตอนเด็ก ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พี่ก็ได้ทำมามากพอแล้ว ตอนนี้สิ่งที่พี่ควรคิด คือเรื่องของคุณเอง ส่วนฉัน ฉันจัดการเองได้”
“เกือบจะถูกน้ำกรดสาด นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าสามารถจัดการได้เองหรือ?” แม้ว่าหานชิงจะถูกเธอสะบัดมือออก แต่ร่างที่สูงใหญ่ ราวกับภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ยืนบังอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ขยับแม้แต่น้อย
เสี่ยวเหยียนมองบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมากะทันหันอยู่ด้านข้าง กระวนกระวายไปทั้งคน
ทำยังไงดี?
ตอนนี้เธอแค่คิดว่า หานชิงออกมาแก้ปัญหาจะดีมากกว่า แต่ไม่คาดคิดว่า จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องยิ่งแย่ลง!
“พวกคุณ พวกคุณอย่าทะเลาะกันเลย ใจเย็นหน่อย” เสี่ยวเหยียนพูดได้เพียงประโยคหนึ่งอย่างอ่อนแอ
แต่แล้ว พี่น้องคู่นั้น ฟังไม่เข้าไปเลยสักนิด
“ฉันมีวิธีจัดการของฉันเอง และตอนนี้ฉันก็ยังไม่โดนสาดด้วย ต่อให้ฉันจะโดนสาดน้ำกรดจริงๆ นั่นก็เป็นวิธีจัดการของฉันเอง!” เป็นครั้งแรก ที่หานมู่จื่อโต้เถียงกับพี่ชายของตัวเองอย่างนี้
หานชิงไม่ได้พูดอีกต่อไป ดวงตาสีดำจ้องมองเธอเป็นเวลานาน สุดท้ายทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง แล้วแต่คุณ ก็เดินจากไปอย่างสง่าเลย
“คุณหาน!” เสี่ยวเหยียนเรียกตะโกน อยากจะตามไป แต่ก็เป็นห่วงหานมู่จื่อ เลยได้แต่จ้องมองไปมาทั้งสองฝั่ง
กลับเป็นหานมู่จื่อ ที่สีหน้าดูสงบมาก เธอดูเสี่ยวเหยียนที่ท่าทางลังเล เลยตัดสินใจแทนเธอ
“ฉันจะไปโรงพยาบาลเยี่ยมเขา คุณกลับไปกับพี่ชายฉันก่อนเถอะ”
“แต่ว่า มู่จื่อ คุณตัวคนเดียวไหวไหม? ฉันเป็นห่วงคุณ……” เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างไว้ ลังเลอย่างมาก
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรที่ไม่ไหว คนที่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่ฉันสักหน่อย รีบไปเถอะ”
ในที่สุด เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างไว้ หลังจากบอกให้หานมู่จื่อดูแลตัวเองให้ดี ก็ตามหานชิงออกไปเลย
เมื่อเห็นฉากนี้ หานมู่จื่อก็โล่งใจในที่สุด
ในความเป็นจริง ถ้าเสี่ยวเหยียนอยู่เป็นเพื่อนเธอในเวลานี้ เธออาจจะกดดันมากขึ้น เพราะเธอยังต้องไปโรงพยาบาลอีกครั้ง และหานชิงกำลังโกรธอยู่ ถ้าให้เสี่ยวเหยียนกลับไปกับเขา อาจจะมีคนช่วยพูดให้เธอด้วย
หลังจากคิดเสร็จ หานมู่จื่อก็สะบัดอารมณ์ทิ้ง แล้วขึ้นรถเลย
โรงพยาบาล
หลังจากที่หานมู่จื่อไปจัดการธุระกลับมา ก็เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้ว ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกแล้ว หานมู่จื่อจึงไปถามที่หน้าเคาน์เตอร์ ว่าเขาถูกส่งไปที่ห้องไหนต่อ
หลังจากที่พยาบาลบอกหมายเลขห้องกับเธอ หานมู่จื่อก็ตามหมายเลขห้องไปหาเขา
ห้องผู้ป่วยที่เงียบเหงา มีเพียงเย่โม่เซินคนเดียว
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตู หานมู่จื่อก็ได้เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าที่เย็นชา
ใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งซ่อนไว้ภายใต้แสงไฟ ดูเหมือนว่าจะมีความมืดมนบางอย่าง?
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นก็ไอเบาๆแล้วเดินเข้าไป
เมื่อได้ยินเสียง ขนตาของเย่โม่เซินก็สั่นเล็กน้อย จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองมาทางเธอ สุดท้ายสายตาก็จับจ้องไปที่ร่างบางของเธอ
“ฉันบอกแล้วใช่ไหม ว่าให้คุณอย่าไป?”
หานมู่จื่อ “……”
ผู้ชายคนนี้ ช่างใจแคบจริงๆ ในเวลานี้ยังจำเรื่องแบบนี้ได้
เธอจึงต้องเดินไปข้างหน้า แล้วอธิบายว่า “บริษัทยุ่งเกินไป และหลินชิงชิงทำร้ายคน ฉันต้องไปที่สถานีตำรวจเพื่อทำบันทึกประจำวัน ดังนั้น……”
“พวกนี้สำคัญกว่าฉันหมดเลยเหรอ?”
เหมือนอย่างกับงอน เย่โม่เซินถามขึ้นทันที
หานมู่จื่อนิ่งอึ้งอยู่กับที่