เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 484 ขาชาแล้ว
บทที่ 484 ขาชาแล้ว
หานมู่จื่อ “……”
ให้หมอนไปกับเขา เขาไม่นอน แต่ดันให้ตัวเองนั่งลงตรงนี้ที่เอาไว้เป็นเบาะรองให้เขานั่ง
เยี่ยมไปเลย คิดแล้วมันช่างงดงามจริง ๆ
หานมู่จื่อบ่นพึมพำในใจ แต่กลับไม่ได้มีการต่อต้านใด ๆ อย่างไรก็ตามก็มีหมอนนุ่มๆอยู่บนขา ที่ด้านหลังก็ยังมี เธอไม่อึดอัดเลยที่ต้องนั่งแบบนี้ เพียงแค่ให้เขาได้พึ่งพามัน
เย่โม่เซินไม่สบายใจที่ต้องพึ่งพาอาศัยแบบนี้ แต่ก็ยังดีกว่าการนั่งตัวตรง และระหว่างลมหายใจก็ล้วนแต่เป็นลมหายใจของผู้หญิงคนนี้
รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
ในห้องผู้ป่วยนั้นเงียบไปชั่วระยะหนึ่ง หานมู่จื่อก้มลงมองบนแผ่นหลังของผู้ชายหนุ่มวัยรุ่นที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ เขานอนคว่ำอยู่แบบนี้ ดังนั้นเธอจึงสามารถเห็นด้านหลังของเขาได้
นึกถึงบาดแผลที่ได้เห็นเมื่อตอนบ่าย หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะต้องปิดตา
อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย นอนเถอะ
เธอพร้อมที่จะให้เขาได้นอนหนุนขาอยู่ทั้งคืน ดังนั้นจึงได้เอนตัวพิงไปด้านหลัง เงยหน้าขึ้นแล้วหลับตาลง ในไม่ช้าก็หลับไป
อาจจะเป็นวันที่มีเรื่องที่น่ากลัวเกินไป ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานหานมู่จื่อก็ได้หลับไป ในความฝันนั้นเย่โม่เซินได้ช่วยปกป้องเธอจากน้ำกรด
อีกทั้งในฝันนั้น เย่โม่เซินยังเจ็บมากกว่าความเป็นจริง ทำให้หานมู่จื่อตกใจกลัวมาก เธอประหม่ามากจนเหงื่อออกไปทั้งตัว และลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก หานมู่จื่อพบว่าหลังของตนเองเปียกโชก แต่ในห้องผู้ป่วยเงียบสงัดมาก หานมู่จื่อก้มลงมอง ก็เพิ่งจะเห็นว่าเย่โม่เซินได้นอนหลับสนิทอยู่บนหมอนที่ขาของเธอ
หานมู่จื่อไม่กล้ารบกวนเขา หันศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองนาฬิกาบนข้อมือตนเอง ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาตีสามกว่าแล้ว เป็นเวลาเท่านี้แล้วหรือนี่ ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาเช้า
เธอมองลงไปยังเย่โม่เซินอีกครั้ง
จากมุมมองของเธอ สามารถมองเห็นขนตาอันยาวของเขาสะท้อนกับแสงไฟและเงารอบดวงตาของเขา เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บ จึงทำให้ใบหน้าของเขาดูซีดเล็กน้อย แม้แต่ริมฝีปากก็ไม่มีสีของเลือดฝาด นอนอยู่ที่ตรงนั้นเหมือนกับผู้ป่วยที่อ่อนแอมาก
เขาที่เป็นแบบนี้ มองดูแล้วเขาดูอ่อนแรงมากอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ และเขากลับใช้ความอ่อนแอนี้มารั้งเธอให้อยู่ที่นี่
เย่โม่เซิน นายคิดจะทำอะไรกันแน่
ใช้วิธีการแบบนี้เพื่อรั้งให้เธออยู่ เพียงแค่ให้ได้นอนหลับใกล้ๆเธอ การแสดงออกก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ไม่รู้ว่า ยังรู้สึกเขายังมีความรักให้กับตัวเองมากเท่าใด
แต่ หากเขาชอบเธอมากจริง แล้วทำไมเมื่อห้าปีก่อนเขาถึงทิ้งสัญญาการหย่าร้างให้เธอแบบนั้น จากนั้นเขาก็ไม่ยินดีจะพบกับเธออีกเลยแม้สักครั้ง
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ดูเหมือนว่าจะยังคงติดอยู่ให้ห้วงความทรงจำอันเจ็บปวดนั้น
ทั้งชีวิตนี้ เธอไม่อยากจะสัมผัสมันเป็นครั้งที่สองอีกแล้วจริง ๆ
*
เมื่อแสงแดดแรกยามเช้าตรู่ได้ปรากฏขึ้น เย่โม่เซินได้ตื่นขึ้นมาแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้ขยับตัว เขายังคงนอนอยู่บนหน้าตักของหานมู่จื่อเหมือนดังเช่นเมื่อคืน
เมื่อตอนที่ตื่นขึ้นมากลางดึกก็พบว่าเธอกำลังนอนหลับสนิทอยู่ตรงนั้น เขาจึงลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเองสักพัก เฝ้าดูการหลับอันสงบนิ่งของผู้หญิงคนนั้นอยู่ตลอดเวลา
น่าแปลกมาก แม้ว่าผ่านมาแล้วห้าปี แต่ผู้หญิงที่หน้าสดคนนี้ไม่ได้ด้อยลงไปกว่าเมื่อห้าปีก่อนเลย ตรงกันข้ามเธอกลับมีความมั่นใจในตัวเองมากกว่าแต่ก่อน ดังนั้นระหว่างคิ้วและดวงตานั้นจึงมีสไตล์เป็นของตัวเอง ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล
จากนั้นเย่โม่เซินก็แอบจูบลงบนมุมปากของเธอ
เพียงแต่ว่าเป็นเพราะแผลของเขานั้นสาหัสรุนแรง ดังนั้นเขาจึงไม่รนหาที่ตายอีกต่อไป
รอจนท้องฟ้าสว่าง เขาก็เอนกายคว่ำหน้ากลับลงไปยังหมอนบนขาของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง เอนกายใกล้ชิดอยู่ตรงนั้น
หากว่าในเวลาปกติเธอเงียบสงบได้เหมือนกับตอนหลับก็คงจะดี เขาก็ไม่อยากจะปวดหัวแบบนั้นอีกแล้ว
น่าเสียดาย มันเป็นไปไม่ได้
ระหว่างที่กำลังเพลินกับความคิด หานมู่จื่อก็ขยับตัว จากนั้นเธอก็ตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย
“ตื่นแล้วหรือ” เสียงอันเบาและต่ำของเย่โม่เซินก็ดังขึ้น
หานมู่จื่อก้มหน้าลง พบว่าใบหน้าของเย่โม่เซินมองมายังเธอ สายตานั้นดูอ่อนโยนและลึกซึ้ง จนเกือบจะจมดิ่งลงไป หานมู่จื่อหายใจไม่ออก พยักหน้าอยู่นิ่งๆ
แต่ในไม่ช้าเธอก็ตอบสนองขึ้นมา รีบหลบเลี่ยงสายตาของเย่โม่เซิน พูดเบาๆ “ลุกขึ้นสิ”
เย่โม่เซินยังไม่ได้ลุกขึ้น แต่กลับยังคงนอนแบบนั้นอยู่อีกพักหนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้น
“นอนแบบนี้มันไม่สบายเลย” เขาอดไม่ได้ที่จะบ่น
ได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็ขมวดคิ้ว “นายนอนหลับไม่สบาย นายคิดว่าฉันสบายไหมล่ะ!”
เธอพูดจบก็คิดจะลุกขึ้นไปห้องน้ำ สุดท้ายเมื่อกำลังจะลุกขึ้น ก็พบว่าตัวเองลุกไม่ขึ้น ขาทั้งสองข้างได้ชาไปแล้ว
สีหน้าของหานมู่จื่อเริ่มเปลี่ยนไป ขยับริมฝีปากสีชมพู ท้ายที่สุดเธอก็ดูเหมือนจะขำเล็กน้อย จึงได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
“เป็นอะไรหรือ” เย่โม่เซินขมวดคิ้วพลางถามออกไป
“นายยังจะมาถามอีกหรือ” เธอตอบกลับด้วยความโกรธ “นายนอนอยู่บนตักฉันทั้งคืน ขาของฉันทั้งสองข้างขยับไม่ได้เลย”
เมื่อคืนนี้เย่โม่เซินเพียงแค่อยากจะได้นอนอยู่ใกล้ชิดเธอ ไม่เคยได้คิดถึงปัญหานี้เลย ตอนนี้เธอได้แต่นั่งอยู่ตรงนั้นแม้จะลุกขึ้นยืนอย่างไรก็ยืนไม่ได้ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นอย่างสงสาร “ขอโทษนะ ผมควรจะคิดได้นานแล้ว”
เมื่อได้เห็นท่าทางที่รู้สึกผิดของเขา หานมู่จื่อก็รู้สึกไม่อาจฝืนทนได้ ได้แต่เพียงพูดออกไป “ไม่เกี่ยวกับนายหรอก นายบาดเจ็บแทนฉัน ฉันต่างหากล่ะที่เป็นหนี้นาย”
ได้ยินคำพูดนี้ เย่โม่เซินกลับไม่รู้สึกดีใจ ยิ่งขมวดคิ้วแน่น
“อย่างนั้นที่คุณมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนผมหนึ่งคืน ก็เป็นเพราะรู้สึกว่าคุณเป็นหนี้ผมอย่างนั้นหรือ”
“ก็ไม่ใช่หรือ” หานมู่จื่อรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพูดจบก็รู้สึกได้ว่าเริ่มมีบางสิ่งผิดปกติ เธอรีบเงยหน้าขึ้นทันที
นึกไม่ถึงว่า สายตาของเย่โม่เซินและการแสดงออกล้วนเปลี่ยนเป็นความผิดหวัง
หานมู่จื่อพูดบางสิ่งที่ไม่ค่อยดีออกไป ได้แต่เพียงรีบอธิบายให้เขาเข้าใจ “ฉันไม่ได้จะตำหนินาย ฉันหมายถึง ตอนนี้นายกำลังบาดเจ็บ ฉันก็ต้องมาคอยดูแลนาย”
เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เขาเข้าขวางแทนตัวเองอีก เกรงว่าคนคนนี้จะหยิบเอาเรื่องนี้มาก่อเรื่องวุ่นวายอีก
ดังนั้นจึงได้แต่หยุดพูดไป
ให้เขารักษาแผลให้หายก่อนค่อยพูดอีกครั้ง
แต่เย่โม่เซินกลับไม่พูดไม่จา ได้แต่เพียงจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นด้วยความแผ่วเบา
“ฉันให้นายนอนหนุนอยู่บนขาทั้งคืน นอนหนุนจนชา เวลานี้นายยังจะมาหงุดหงิดโมโหใส่ฉันอีกหรือ”
เย่โม่เซินนิ่งไปชั่วขณะ เมื่อเห็นสีหน้าน้อยใจอย่างทำอะไรไม่ได้ของหานมู่จื่อที่แสดงออกมา จึงรู้ได้ทันทีว่าตนเองทำเกินไป จึงได้ระงับอารมณ์เอาไว้ “ไม่มีสักหน่อย”
จากนั้นก็ยกมือขึ้น วางลงบนตักของหานมู่จื่อ คิดอยากจะนวดให้เธอ
สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบยื่นมือออกมาห้ามเขา “นายคิดจะทำอะไร”
“แล้วคุณคิดว่าอย่างไร” เย่โม่เซินใช้มืออีกข้างหนึ่งจับเธอไว้ จากนั้นก็ยกมือของเธอออก ใช้อีกมือหนึ่งนวดให้เธอที่ขา
ขาของเธอถูกนอนหนุนจนชา ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการติดขัดของเลือด ดังนั้นเมื่อตอนนี้เขานวดให้กับเธอ ไม่นานก็อาจจะหายดี
เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น แต่กำลังช่วยนวดขาให้กับเธออย่างจริงจัง หานมู่จื่อรู้สึกเก้อเขิน คิดอยากจะหลบหลีก แต่การแสดงออกที่ดูจริงจังบนใบหน้าของเย่โม่เซินทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองคิดมากเกินไป
ทันใดนั้น หานมู่จื่อก็อุทานขึ้นเหมือนกับจะคิดบางสิ่งขึ้นมาได้
“การบาดเจ็บของนาย…หมอบอกว่าไม่ควรจะไปทำอะไรที่จะเป็นการดึงแผลให้ฉีกขาดไม่ใช่หรือ”