เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 486 กลัวว่าสมองของคุณจะไม่มีสติ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่ 486 กลัวว่าสมองของคุณจะไม่มีสติ
บทที่ 486 กลัวว่าสมองของคุณจะไม่มีสติ
“ไม่มี” หานมู่จื่อส่ายหน้า “คนที่บาดเจ็บไม่ใช่ฉัน”
ฟังจบ เลิงเยาเยาก็เบิกตากว้างด้วยความสงสัย “ฉันได้ยินเสี่ยวเหยียนพูดว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ได้ยินมาด้วยว่าสิ่งที่ หลินชิงชิงสาดออกมานั้นมันคือน้ำกรด ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ คนแบบนี้ต่อไปอย่าให้มาเป็นลูกค้าของพวกเรา”
“ลูกค้าหรือ” หานมู่จื่อน้ำคำสองคำนี้เบาๆ จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ คงไม่ได้แล้วล่ะ แม้ว่าเธอจะต้องเป็นลูกค้าของเราในอนาคต ก็คงจะไม่มีโอกาสแล้ว”
ครั้งนี้เธอใช้น้ำกรดมาเพื่อทำร้ายคน แม่ว่าจะทำร้ายเธอไม่ได้ แต่กลับไปกระทบโดนเย่โม่เซินจนบาดเจ็บ
ด้วยลักษณะนิสัยของเย่โม่เซิน ทำไมถึงได้ไม่ทำให้เธอต้องลำบากใจ นอกจากนี้ แม้ว่าเย่โม่เซินจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ หานมู่จื่อก็ไม่อาจปล่อยเขาไปได้
เมื่อคิดถึงแผ่นหลังของเย่โม่เซินที่บาดเจ็บเหมือนกับผี ความคิดในใจเธอก็ไม่โกรธอะไร
“พูดแบบนี้หมายความว่าอะไร เธอคิดวิธีการอะไรแล้วหรือ”
“เธอจงใจจะทำร้ายคน หากว่าถูกเข้าไปทักละก็ ไม่ต้องถึงมือฉัน ก็อาจจะมีคนจัดการเก็บเธอแล้ว” หานมู่จื่อพูดจบ เธอก็รู้สึกเจ็บเล็กน้อยตรงคิ้ว เธอจึงได้แต่ยื่นมือออกไปบิดตรงระหว่างคิ้ว
เมื่อเลิงเยาเยาได้เห็น ก็พูดกระซิบขึ้นว่า “เมื่อคืนนี้เธอยังนอนหลับไม่เต็มตื่นใช่ไหม ฉันมียาหม่องอยู่ เธอเอาไปถ้าหน้าผากสักหน่อย อาจจะช่วยให้ดีขึ้นนะ”
พูดจบ เลิงเยาเยาก็เปิดกระเป๋าของตัวเอง หยิบขวดยาหม่องออกมาจากข้างในออกมาแล้วยื่นให้กับหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อมองดูขวดยาหม่อง แล้วคิ้วก็ขมวดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เธอ…เธอไม่ค่อยจะชอบกลิ่นของน้ำมันยาชนิดนี้
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ ได้แต่ยิ้มให้กับเลิงเยาเยา “ขอบใจนะ แต่ฉันไม่เป็นอะไร พักสักประเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
เลิงเยาเยาเฝ้ามองเธออยู่สักพัก ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “เธอไม่ชอบกลิ่นแบบนี้หรือ ไม่ต้องกังวลไป ตอนแรกฉันเองก็ไม่ชอบหรอก แต่มันดีจนน่าทึ่งเลยนะ เดี๋ยวฉันช่วยทาให้เธอเอง” พูดจบเธอก็ได้เปิดฝายาหม่องนั้น จากนั้นก็ทาลงบนมือแล้วเดินไปด้านหน้าทาลงไปที่หน้าผากทั้งสองด้านของหานมู่จื่อ”
หานมู่จื่อรู้สึกหงุดหงิดรำคาญกับการกระทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเธอไม่คุ้นเคยกับเลิงเยาเยา แต่จริงๆแล้วเธอ..
แต่ แม้ว่าหานมู่จื่อจะแสนเบื่อหน่าย แต่ยังไม่แสดงออกมาทางสีหน้า เธอรู้ว่าก็มีความปรารถนาดีที่ห่วงใยเธอ ถ้าหากเธอแสดงอารมณ์ที่ไม่อดกลั้นออกไปเพียงเล็กน้อย แบบนั้นคงเป็นการทำร้ายใจคนมาก
จนกระทั่งเลิงเยาเยาถอยกลับไป เธอจึงยิ้มให้เธอ “เธอลองดูนะ อีกสักพักก็คงดีขึ้น”
หานมู่จื่อก็ยิ้มกลับให้เธอ “ขอบใจนะ”
เลิงเยาเยาเขินอายเล็กน้อย คิดถึงอะไรบางอย่าง แล้วพูดด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ “ฉัน ฉันไม่ได้ห่วงเธอ แต่ฉันแค่…แค่กลัวว่าสมองของเธอจะไม่ปลอดโปร่ง แล้วจะทำงานออกมาไม่ดีต่างหาก”
ขณะเดียวกันเสียงติ้งของลิฟต์ก็ดังขึ้นประตูก็เปิดออก เลิงเยาเยาก็รีบเข้าไป
หานมู่จื่อ”……”
เมื่อเธอกลับไปถึงสำนักงาน เสี่ยวเหยียนก็กำลังจัดการกับสิ่งต่าง ๆบนโต๊ะทำงานของเธอ เมื่อเห็นว่าเธอกลับมาแล้วจึงได้ลุกขึ้นยืน “พระเจ้า ฉันก็คิดว่าเธอจะอยู่โรงพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมงเสียอีก หรือว่าเธอรู้แล้วเลยกลับมาใช่ไหม”
เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของเธอ หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองเธอ “อะไรนะ ฉันต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด24 ชั่วโมงเธอไม่รู้สึกทุกข์ใจบ้างเลยหรือ ยังจะมาเยาะเย้ยฉันอีกอย่างนั้นหรือ”
“ทำไมจะไม่ได้ละ” เสี่ยวเหยียนยิ้มหรี่ตา “เธอไปอยู่โรงพยาบาล และยังไม่ใช่ตนเองที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วทำไมฉันต้องไปทุกข์ร้อนกับเธอด้วยล่ะ”
“โอ้ ฉันไม่ได้เจ็บปวด หรือฉันจะเหนื่อยไม่ได้หรือไง” พูดจบ หานมู่จื่อก็ยื่นมือออกมาบีบคอและไหล่ของตัวเอง เมื่อคืนวานนี้ก็นอนอยู่ท่านั้นบนเก้าอี้ เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว
“เอาล่ะ ฉันก็แค่ล้อเล่นกับเธอเอง ถ้าฉันไม่เป็นทุกข์ร้อนกับเธอ ฉันก็คงจะไม่เข้ามาอยู่ในสำนักงานของเธอช่วยจัดการงานแทนเธอหรอก วันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะ เรื่องทั้งหมดส่งมอบมาให้ฉันก่อน พักผ่อนให้เต็มที่ ฉันรู้ว่าเย็นนี้เธอยังต้องกลับไปที่โรงพยาบาลอีก”
หานมู่จื่อ “……”
ทำไมเธอกำลังรู้สึกเหมือนตกอยู่ในหลุมพราง เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หานมู่จื่อก็ได้เอามือล้วงกระเป๋า เหล่ตามองไปยังเสี่ยวเหยียน
เสี่ยวเหยียนยิ้มหรี่ตามองกลับมา “อะไรหรือ หรือว่าฉันพูดอะไรผิดไป ฉันบอกว่าเขาคนนั้นยอมมาบาดเจ็บแทนเธอแล้ว เมื่อไรเธอถึงจะยอมรับเขาคนนั้นอีกครั้งล่ะ…”
“เสี่ยวเหยียน!”
เธอยังไม่ทันพูดให้จบ ก็ถูกหานมู่จื่อขัดจังหวะอย่างเสียงดัง
เสี่ยวเหยียนแลบลิ้น และไม่ได้พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เอาล่ะ เรื่องทางนี้ฉันจัดการได้ เสี่ยวหมี่โต้วฉันก็ดูแลให้ได้อย่างดี เธอรีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เมื่อวานนี้ฉันได้เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยแล้ว เธอแค่กลับไปแล้วก็อาบน้ำพักผ่อนก็ได้แล้ว” พูดจบเสี่ยวเหยียนก็เดินมายื่นกุญแจให้กับเธอ “นี่คือกุญแจที่ติดตั้งใหม่ก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ให้เธอไว้ เธอเก็บรักษาไว้ชุดหนึ่ง เดี๋ยวรหัสผ่านเข้าประตูฉันจะส่งให้เธอทางวีแชท เธอดูเสร็จแล้วก็ค่อยลบทิ้งแล้วกัน”
หานมู๋จื่อพยักหน้า “โอเค วันนี้ตำรวจมาแล้วหรือยัง”
“ยังเลยนะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย แต่เมื่อคืนวานพวกเขาคงโทรไปบอกนายหานแล้วล่ะ พูดอะไรกัน ฉันก็ไม่แน่ใจ แต่…ฉันเชื่อว่าคนที่แซ่หลินน่าจะมีจุดจบไม่ดีเท่าไร”
หานมู่จื่อ “……”
“อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะอาบน้ำให้สดชื่นแล้วจะพักผ่อนสักหน่อย ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันก็แล้วกัน”
“วางใจเถอะ”
หลังจากที่หานมู่จื่อมอบภาระงานเสร็จสิ้น ก็ได้ออกจากบริษัท เดิมทีเธอคิดจะกลับไปตระกูลหาน แต่ตอนนี้เธอมีห้องเป็นของตัวเองแล้ว อีกทั้งหานชิงตอนนี้ก็อาจจะยังบึ้งตึงอยู่ ดังนั้นจึงมุ่งกลับไปยังห้องใหม่ของตนเอง
ด้านในของห้องใหม่นี้สงบเงียบมาก เป็นเพราะไม่มีตนรับใช้ ห้องทั้งห้องมีเพียงเธอเพียงคนเดียว
หานมู่จื่อจึงเดินขึ้นไปชั้นบนไปยังห้องของตนเองจากนั้นก็เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนและเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
หลังจากได้อาบน้ำอุ่น เธอก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดทั่วทั้งตัวนั้นบรรเทาลงไปไม่น้อย เธอที่มือหนึ่งกำลังถือผ้าขนหนูและอีกมือกำลังเช็ดผมอยู่นั้น กลับพบว่าโทรศัพท์ของตนเองสั่นขึ้นมา
มองไปยังโทรศัพท์ที่โทรเข้ามา ก็พบว่าเป็นหลินซิงหั่ว
เจ้าเด็กคนนี้จะโทรหาเธอทำไมกัน
เมื่อคิดดังนี้ หานมู่จื่อจึงได้รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล”
“เอ๊ะ แม่เทพธิดาในที่สุดก็รับโทรศัพท์แล้ว!” เจ้าหลินซิงหั่วพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
หานมู่จื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย และเช็ดผมต่อไป “มีอะไรหรือ”
หลินซิงหั่วพูดอย่างเป็นกังวล “ฉันรู้เรื่องที่หลินชิงชิงทำแล้ว เธอไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม”
“ไม่มี” หานมู่จื่อปฏิเสธไปตามตรง
ฟังจบ หลินซิงหั่ว ก็รู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็กังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันโทรหาลูกพี่ลูกน้องของฉันแล้วเธอยังไม่รับสายเลย วันนั้นฉันบอกกับเธอแล้วว่าหล่อนไม่ใช่คนดีอะไร ให้เธอระวังเอาไว้ด้วย”
“อื้ม ฉันรู้แล้ว”
หลินซิงหั่ว ยังคงอธิบายต่อไป “ขอโทษนะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่คิดว่าระหว่างเธอกับหล่อนจะมีความแค้นกันแบบนี้ เรื่องนี้ต้องโทษฉัน ถ้าไม่ได้เอาหล่อนมาเป็นลูกค้าของเธอก็ดี”
ฟังจบ หานมู่จื่อก็ได้ครุ่นคิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า จากนั้นก็พูดไปเบา ๆ “ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก แม้ว่าจะไม่มีเธอ ตราบใดที่หล่อนยังใกล้ชิดเย่โม่เซิน มันก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่จะต้องได้เจอกับฉัน”
ลักษณะนิสัยของคน ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างกะทันหัน