เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 60 กลับไปที่เจ้าของเดิม
ป้าเฉินเห็นสีหน้าเสิ่นเฉียวของดูผิดหวัง ก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองปลอบประโลมนั้นไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงแค่พูดเบา ๆ อีกครั้งว่า “คุณนายน้อยสองอย่าเพิ่งท้อใจ ถึงอย่างไรคุณก็เพิ่งแต่งงานเข้าตระกูลเย่จำเป็นที่จะต้องปลูกฝังความรู้สึกกับคุณชายสอง ป้าเฉินดูออกว่าคุณชายสอง ปฏิบัติต่อคุณนายน้อยสองไม่ธรรมดา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสิ่นเฉียวก็เงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่เธออย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณ ป้าเฉิน”
หลังเสิ่นเฉียวทานโจ๊กเสร็จก็เข้านอน ป้าเฉินบอกว่าตัวเองจะอยู่ดูแลที่นี่ในตอนกลางคืน จากนั้นเสิ่นเฉียวก็บอกให้ป้าเฉินไปนอนพักผ่อนที่เตียงผู้ป่วยข้าง ๆ พอดีที่ห้องผู้ป่วยนี้มีเพียงเธอคนเดียว ด้วยเหตุนี้จึงป้าเฉินตอบรับ
เสิ่นเฉียว นั่งอยู่สักพัก จากนั้นก็ส่งข้อความไปอธิบายต่อหานเส่โยวถึงสถานการณ์ของตัวเอง แล้วก็ไปนอน
วันต่อมา หานเส่โยวก็มาที่มาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล
“ขอบคุณคุณน้าที่ดูแลเฉียวเฉียวตลอดทั้งคืน วันนี้ฉันจะมาดูแลเธอเอง คุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ หานเส่โยวกระตือรือร้นจับแขนของป้าเฉินและพูดสิ่งที่ดีมากมาย ทำให้ป้าเฉิน เบิกบานด้วยความยินดี ไม่นานก็กลับไป”
หลังจากรอให้ป้าเฉินกลับไป หานเส่โยวก็รีบเดินออกไปส่งที่ประตูห้องผู้ป่วย ก่อนเดินกลับมา
“เป็นอะไรเหรอ? ทำไมถึงดูลับ ๆ ล่อ ๆ” เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะถามออกมา
เมื่อได้ยินอย่างนี้ หานเส่โยวก็จ้องมองเธอ “คุณยังจะพูดอย่างนี้กับฉันเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยคุณตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ฉันจะลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างนี้เหรอ?”
ตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ?เสิ่นเฉียว คิดถึงกระดุมนั่น “ได้เรื่องเหรอยัง?”
หานเส่โยวเปิดกระเป๋าออก แล้วหยิบกระดุมออกมา กระดุมสีทองส่องแสง “กลับไปที่เจ้าของเดิม”
เสิ่นเฉียวยื่นมือไปรับเอามา แล้วถามด้วยความสงสัย “ไม่ต้องใช้สิ่งนี้ค้นหาเบาะแสเหรอ? ทำไมถึงไม่ใช้แล้ว?”
“ดูให้แน่ใจก็พอแล้ว จำเป็นต้องพกติดตัวตลอดเวลาด้วยเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือสิ่งของที่มีค่าสำหรับคุณ และจะต้องส่งคืนให้คุณ” พูดจบ หานเส่โยว ก็ยิ้มให้เธอ “เฉียวเฉียว คุณช่างโชคดีจริง ๆ”
เสิ่นเฉียว “???”
“พี่ชายฉันพูดแล้ว กระดุมแบบนี้มีไม่เยอะในตลาด ดังนั้นส่วนประกอบที่ใช้หายากมาก ตอนนี้ให้คนไปตรวจสอบแหล่งที่มาแล้ว รอให้หาต้นตอพบ อยากจะรู้ว่าเป็นใครก็ไม่ยากแล้ว”
เดิมทีเสิ่นเฉียวคิดว่าการพึ่งพากระดุมนี้เพื่อค้นหาคนจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่คิดไม่ถึงว่าหานเส่โยว จะช่วยเธอจัดการได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว เธอรู้สึกซาบซึ้้้้ง “เส่โยว ขอบคุณ”
“ยัยโง่ คุณจะมาพูดขอบคุณอะไรกับฉัน พวกเราเป็นอะไรกัน?” หานเส่โยวเม้มริมฝีปาก แล้วคิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง “ถ้าหากว่าหาคนเจอแล้ว คุณคิดจะทำอย่างไรเหรอ? หย่ากับเย่โม่เซินเหรอ?”
เมื่อกล่าวถึงเย่โม่เซิน การแสดงออกของก็เสิ่นเฉียวเปลี่ยนเป็นซับซ้อน
“ทำไมอยู่ดี ๆ ก็ไม่พูดอะไรออกมา” หานเส่โยวเหลือบมองไปที่เธอ” เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันเอง ก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ไม่รู้อะไร มีเรื่องอะไรก็พูดกับฉัน ฉันจะวิเคราะห์ให้คุณ”
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นใบหน้าที่กระตือรือร้นของ หานเส่โยว ริมฝีปากของเธอก็ขยับ จากนั้นก็บอกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้แก่เธอ หลังเสิ่นเฉียวพูดอธิบายจนจบ หานเส่โยวก็จับมือทั้งสองของเธอ และมองเหมือนผีสางเทวดา: “ฟังคุณแล้ว นับว่าเย่โม่เซินนั้นไม่เลวสำหรับคุณ”
ไม่เลวอย่างนั้นเหรอ? เสิ่นเฉียวเองก็รู้สึกอย่างนี้ แต่เมื่อนึกถึงภาพคำพูดเย็นชาของเขากับตัวเอง ก็รู้สึกว่านี่อาจเป็นภาพลวงตาของเธอเอง
“แต่เขาอารมณ์เสียเล็กน้อย อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ขา ฉันได้ยินมาว่าคนที่มีความบกพร่องทางร่างกาย มักมีอารมณ์ที่แปรปรวนง่ายและยากที่จะควบคุม อีกทั้งเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ถ้าหากจะเป็นคนไร้มนุษยธรรม มันคงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาแน่ ๆ ”
เสิ่นเฉียวคิดถึงวันที่เธอเข้าตระกูลเย่ในวันแรก เพื่อที่จะอยู่ต่อไปเธอพูดคำพูดที่ไร้ยางอายต่อ เย่โม่เซิน ต่อมาเขาลากเธอไปบนตัก แล้วปล่อยให้เธอรับความรู้สึก
หากเย่โม่เซินไม่มีมนุษยธรรมล่ะก็ แล้ววันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับเธอเหรอ?
“คิดอะไรอยู่เหรอ?หน้าแดงหมดแล้ว”
ขณะที่กำลังคิดจนวิญญาณจะออกมา คำพูดของหานเส่โยว ดึงสติของเธอกลับมา เสิ่นเฉียวจ้องมองที่ หานเส่โยว อุณหภูมิบนในหน้าของเธอก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เปล่งเสียงออกมาว่า “ฉันคิดว่า เป็นการดีที่จะไม่พูดคุยเรื่องนี้”
“ทำไม คุณเป็นทุกข์หรือเปล่า?”
“เปล่า”
“ถ้าอย่างนั้น คุณบอกฉันว่าเมื่อสักครู่คิดอะไร?ทำไมเมื่อฉันพูดเรื่องด้านนั้นของเขา คุณต้องหน้าแดง?หรือว่าคุณทดลองมันแล้ว?” สีหน้าของหานเส่โยวยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย,คิดขึ้นมาได้ก็พูดว่า “ไม่สิคุณชายสองแห่งตระกูลเย่นั้นไร้ความสามารถนี่ ไม่สามารถทำให้คุณหน้าแดงได้ ถึงจะถูกสิ”
“เส่โยว คุณไม่ต้องพูดแล้ว” เสิ่นเฉียวทนไม่ไหวกับเธอ มันแย่มาก
“ฉันไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าคุณหน้าแดงไปเอง ฉันก็แค่ถามเท่านั้นเอง”
เสิ่นเฉียว “……”
ก๊อก ก๊อก
ทันใดนั้นประตูก็ถูกกระแทก จากนั้นลูกบิดประตูก็บิด แต่ก็ไม่สามารถเปิดได้ ดังนั้นเสียงที่น่าสงสัย จึงดังมาจากนอกประตู
“ผู้ช่วยเสิ่น?”
หานเส่โยวมองดูเสิ่นเฉียวก็พบว่าใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“คนที่บ้านคุณเหรอ?” หานเส่โยวเดาตัวตนของคนที่จะมาถึง
“คุณชายเย่ประตูล็อค”
หน้าของเสิ่นเฉียวขาวซีด เขามาจริง ๆ ด้วย
เมื่อวานมาแล้วก็ไปไม่ใช่เหรอ? ทำไมวันนี้ถึงมาอีก? สุดท้ายแล้วเขาจะทำอะไรกันแน่?
“อย่ากังวล” เมื่อเสิ่นเฉียวรู้สึกเป็นกังวลมากเกินไป มือของหานเส่โยว กอดเธอไว้ แล้วเธอก็กะพริบตา “มีฉันอยู่”
พูดจบก็ไม่รอให้เสิ่นเฉียวตอบ หานเส่โยวก็ลุกขึ้นไปเปิดประตู
เซียวซู่กำลังเตรียมที่จะใช้มาตรการ ประตูก็ถูกเปิดออก จากนั้นก็มีหญิงแปลกหน้าปรากฏตัวออกมาหน้าประตู เซียวซู่นิ่งอยู่สักครู่ และกำลังคิดว่าพวกเรามาผิดห้อง แต่เมื่อมองดูรอบ ๆ ก็พบว่าถูกต้องแล้ว
“พวกคุณมาหาเสิ่นเฉียวเหรอ?” ยังไม่ทันที่จะรอให้เซียวซู่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน หานเส่โยวก็เริ่มสอบถาม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวซู่ก็มองเข้าไปในห้องผู้ป่วย เมื่อเห็นเสิ่นเฉียวนั่งอยู่บนเตียง เขาตอบโต้และพยักหน้า
“อืม”
“เข้ามาสิ” หานเส่โยว หันไปด้านข้าง เซียวซู่เดินไปเข็นเย่โม่เซินจากด้านหลัง
ในตอนนี้หานเส่โยว เพิ่งจะมองเห็นเย่โม่เซินได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่อย่างไรก็ตาม ออร่าที่ทรงพลังยังคงอยู่บนใบหน้า และคุณสมบัติที่สวยงามบนใบหน้าที่หล่อเหลาดึงดูดสายตาของหานเส่โยวในทันที
สายตาของเขาเย็นชา เขามองไปที่เธอเพียงครู่เดียว ก็หันกลับมา
หานเส่โยวดูเซียวซู่เข็นเขาเข้าไปในห้องผู้ป่วย เธอมีปฏิกิริยาออกมาเล็กน้อย นั่น คนนั้น คือทายาทตระกูลอันดับแรกตระกูลเย่ของเมืองเป่ยเย่โม่เซินหรือ?
แต่ เขาไม่ได้พิการอย่างนั้นเหรอ? เดิมที่คิดว่าคนที่นั่งบนรถเข็นนานแรมปี คงจะอ้วน ผิวเหลือง ผมมัน ตาสีขาวและเป็นผู้ชายที่น่าเกลียด
คิดไม่ถึงว่าเขาจะหล่อขนาดนี้
ก่อนที่จะพึ่งพาจินตนาการของหานเส่โยว เธอยังเป็นทุกข์จากการถูกบังคับให้แต่งงานกับ เสิ่นเฉียวตอนนี้ …
หานเส่โยวกลืนน้ำลาย คิ้วที่ดูดีของ เย่โม่เซิน นั้นปรากฏขึ้นในหัวสมองที่คลุมเครือ จนรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เธอค่อย ๆ หันหน้ากลับไปช้า ๆ เมื่อมองเห็นท้ายทอยที่ดูสมบูรณ์แบบของผู้ชาย ก็ราวกับว่าหัวใจนั้นถูกจับด้วยมือใหญ่ ๆ