เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่ 87 ในใจยังรู้สึกหวาดผวา
ปัง!
ประตูปิดลง ภายในห้องประชุมใหญ่ที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาสองคน
โดยเฉพาะเสิ่นเฉียว เมื่อสักครู่เธอตกใจ จึงทำให้หายใจไม่เสถียร
ทั้งสองคนอยู่ในท่าเดิมสักพัก เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงสั่นสะเทือนดังมาจากทรวงอกของเย่โม่เซิน คำพูดเย็นชาของเขาได้ทะลุเข้าหูของเธอ
“ เธอจะนั่งไปจนถึงเมื่อไหร่? ”
เสิ่นเฉียวชะงัก รีบตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว และเงยหน้าขึ้น
เย่โม่เซินจึงถือโอกาสก้มหัวลง
ทั้งตัวของเสิ่นเฉียวถูกเสื้อผ้าตัวใหญ่ของเขาคลุมไว้อยู่ด้านใน ตอนเงยหน้าขึ้นมาจึงโผล่แค่หน้าเล็กออกมา ขอบตายังแดงอยู่ ดูน่าสงสารมาก
ใจของเย่โม่เซินเหมือนถูกมือจับไว้แน่น เขาเม้มริมฝีปาก ผ่านไปสักพักก็พูดออมาเสียงเย็น: “ น่าดูไหม? ”
เสิ่นเฉียวรีบหันหน้ากลับอย่างรวดเร็ว ความโกรธก่อนหน้าได้ถูกคนพวกนั้นทำให้ตกใจจนไม่หลงเหลือแล้ว ตอนนี้ใจยังรู้สึกหวาดผวา กลัวว่าจะมีคนเปิดประตูห้องประชุมเข้ามาอีก
เย่โม่เซินเหมือนรู้ความคิดที่อยู่ในใจของเธอ จึงพูดขึ้นเสียงเบา: “ เซียวซู่เฝ้าอยู่ด้านนอก ถ้าเธอยังไม่ไปใส่เสื้อผ้า งั้นเราทำต่อ? ”
เสิ่นเฉียว: “ …… ”
เงียบไปสองวินาที เธอก็รีบดึงเสื้อสูทที่อยู่บนตัวเอาไว้แน่น หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมาจากบนตัวเขา เพราะต้องใช้มือข้างเดียวจับเสื้อสูทเอาไว้ ป้องกันไม่ให้ตัวเองโป๊ต่อหน้าเย่โม่เซิน เพราะฉะนั้นการกระทำของเธอจึงค่อนข้างงุ่มง่าม
มือเล็กที่อ่อนนุ่มกดไว้อยู่บนตัวของเขาสักพัก ถึงค่อยลุกขึ้นมา
หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับไป เท้าเล็กวิ่งไปที่หน้าประตู
เสื้อสูทของเย่โม่เซินได้สวมอยู่บนตัวของเธอ ดูแล้วเหมือนกับเด็กน้อยแอบเอาเสื้อผ้าของผู้ใหญ่มาใส่ ชายเสื้อยาวจนเกือบคลุมหัวเข่า ตอนเธอก้มตัวลงไปหยิบเสื้อผ้า ชุดแหวกออกเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะมอง
“ …… ” เย่โม่เซินหลับตาเล็กน้อย ยื่นมือมาบีบหัวคิ้วของตัวเอง
ให้ตายสิ วันนี้เขาเป็นอะไรไป?
เสิ่นเฉียวหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา ถึงได้พบว่าข้างในคือกระโปรงลายทางสีส้มอ่อน ลวดลายน่ารัก ประณีตสวยงาม แต่กลับไร้รสนิยม
เพียงแต่ ห้องประชุมใหญ่แห่งนี้ แม้แต่ที่กำบัง ก็ยังไม่มี เธอจะไปเปลี่ยนที่ไหนละ?
คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็ชะงักอยู่ที่เดิม
เสียงหงุดหงิดของเย่โม่เซินดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
“ ถ้าเธอยังชักช้าอีก ฉันจะเปิดประตูใหญ่ แล้วให้คนเข้ามามุงดูเธอ ”
เสิ่นเฉียวจับเสื้อผ้าในมือแน่น และกัดปาก
เป็นผู้ชายที่ชั่วร้ายจริงๆด้วย
เธอไม่สนใจอย่างอื่น ลุกขึ้นถอยห่างเย่โม่เซิน เธอหันหลังให้เขา และรีบใส่กระโปรงอย่างรวดเร็วอยู่ที่มุมห้อง
รอจนเธอเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ถึงได้กอดเสื้อสูทและเดินกลับไปที่ด้านหน้าของเย่โม่เซิน
“ คืนนาย ”
เย่โม่เซินยิ้มอย่างเย็นชา มองเธอด้วยสายตาเยือกเย็น: “ เสื้อสูทนี้ถูกเธอใส่แล้ว เธอคิดว่าฉันยังต้องการมันอีกหรอ? ”
ได้ฟังดังนั้น เสิ่นเฉียวก็จับเสื้อสูทในมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว เธอกัดปากพูด: “ บนตัวของฉันไม่ได้สกปรกสักหน่อย ”
“ เธอยังอยากพูดว่าเธอสะอาด? ” เย่โม่เซินยังเคืองเรื่องที่เธอไปกับเย่หลิ่นหาน บนตัวยังใส่ชุดที่เขาซื้อให้อีกต่างหาก
แต่ตอนนี้เห็นเธอเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงชุดใหม่ สีส้มอ่อนขับผิวของเธอให้สวยงาม ดูขาวเนียนนุ่มมาก อีกทั้งชุดกระโปรงทรงเก็บเอว เก็บเอวเล็กของเธอให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
เย่โม่เซินมองจนคอหอยแน่น เขาแอบด่าตัวเองในใจ หลังจากนั้นก็หมุนรถเข็นไปทางด้านนอก ก่อนไปได้ทิ้งคำพูดไว้อย่างกลุ้มใจ: “ ผู้หญิงที่ไม่ได้เรื่อง ”
เสิ่นเฉียวหน้าแดง หมุนตัวกลับไปจ้องแผ่นหลังของเขา
“ ฉันไม่ได้เรื่องสักหน่อย! ”
เขาไม่สนใจเธอ
เสิ่นเฉียวพูดขึ้นอีกครั้ง: “ นายไม่เอาเสื้อสูทจริงๆหรอ? ”
“ ทิ้งไปเถอะ! ”
คำพูดเย็นชากระทุ้งเข้ามาเหมือนน้ำแข็ง ประตูห้องประชุมเปิดออก เซียวซู่ที่ยืนอยู่หน้าประตู เดินมาเข็นเย่โม่เซ็นออกไป
ภายในห้องประชุมเหลือแค่เสิ่นเฉียวคนเดียว เธอก้มลงมองเสื้อสูทในมือ แรงบนมือได้เพิ่มขึ้นหลายเท่า
เสื้อสูทชุดนี้ดูมีราคาแพงมาก แต่เขาบอกว่าไม่ต้องการก็ไม่เอาแล้ว
สาเหตุเพราะ……ถูกเธอใส่แล้ว
เขารังเกียจว่าเธอสกปรก? เสิ่นเฉียวหน้าซีด
ถ้าเขารังเกียจว่าเธอสกปรกจริง แล้วเมื่อก่อนทำไมเขาต้อง……
คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็ได้หยุดความคิดของตัวเองลง
“ เสิ่นเฉียว เธออย่าไปนึกถึงผู้ชายชั่วร้ายคนนี้เลย เขาแค่ต้องการแกล้งเธอเท่านั้นเอง! ”
ในเมื่อไม่ต้องการเสื้อสูทชุดนี้แล้ว งั้นจะเอาไปทิ้งตามที่เขาต้องการก็แล้วกัน ”
เสิ่นเฉียวโมโห เอาเสื้อสูทไปทิ้งลงในถังขยะที่วางอยู่ข้างๆ
ถังขยะในห้องประชุมทิ้งแค่กระดาษ เพราะฉะนั้นถือว่าไม่สกปรก
เสิ่นเฉียวใส่รองเท้าและเดินออกไปจากในห้องประชุม
สิบห้านาทีต่อมา ร่างเล็กก็กลับมาอีกครั้ง เธอก้าวเท้าไปด้านหน้าถังขยะอย่างลังเล เสิ่นเฉียวมองเสื้อสูทที่ถูกทิ้งไว้ด้านใน เงียบไปสักพักถึงค่อยก้มลงไปเก็บเสื้อสูทขึ้นมาใหม่
ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขาไม่ให้เธอถูกคนอื่นมอง จะเก็บรักษาแทนเขาก็ได้
เสิ่นเฉียวกอดเสื้อสูทเดินออกไปจากห้องประชุม
ขณะนี้ เย่โม่เซินเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จากในกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของตัวเอง ขอบตาก็เย็นยะเยือกขึ้น
เซียวซู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาได้พูดแทนเสิ่นเฉียว: “ ดูไปดูมาผู้ช่วยเสิ่นก็เหมือนจะหวงเสื้อสูทของคุณชายเย่เหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าจะทิ้งไปแล้ว แต่ก็กลับมาเก็บไปอีก ”
เย่โม่เซินไม่ได้ตอบอะไร
“ คุณชายเย่ เสื้อสูทชุดนั้นมีแค่ชุดเดียว คุณไม่เอาแล้วจริงๆหรอครับ? ”
ปลายนิ้วของเย่โม่เซินขยับเล็กน้อย เขาพูดออกมาเสียงเย็น: “ สกปรกจะตาย ใครจะเอา? ”
เซียวซู่: “ ถังขยะในห้องประชุมถูกทำความสะอาดทุกวัน อีกอย่าง ใส่แค่กระดาษ ไม่ถือว่าสกปรกหรอกครับ? ”
“ สมควรตาย ถังขยะก็คือถังขยะ ถังขยะมีไม่สกปรกด้วยหรอ? ”
เซียวซู่: “ …… ”
คุณชายเย่พูดยังไงก็เป็นไปตามนั่นแหละ
แต่ว่าก็จริง คนรักความสะอาดอย่างคุณชายเย่ เสื้อสูทถูกทิ้งลงในถังขยะแล้ว จะเอามาใส่อีกได้ยังไง?
แต่ฝั่งนี้ เสิ่นเฉียวกอดเสื้อสูทเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง หลังจากนั้นก็เปิดตู้ เอาถุงออกมาจากในนั้น พับเสื้อสูทและวางใส่เข้าไป รังเกียจว่าเธอสกปรก ซักให้ใหม่ก็จบแล้ว ถึงตอนนั้นแล้วค่อยเอามาคืนเขา ดูสิเขาจะพูดว่ายังไง
เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนเลิกงาน เสิ่นเฉียวถือถุงลงมาจากตึก ตอนลุกขึ้นได้เจอเข้ากับโม่เย่เซินที่เพิ่งเดินออกมาจากในห้องทำงาน คงเพราะกลัวเขารู้ เธอจึงเอาถุงไปหลบที่ด้านหลังอย่างไม่รู้ตัว
การกระทำเหล่านั้น โม่เย่เซินได้เห็นหมดแล้ว เขามองเธอย่างเยือกเย็นและเก็บสายตาลง
“ ผู้ช่วยเสิ่น เลิกงานแล้วหรอ? ” มันสมองของเซียวซู่ราวกับขาดเส้นเอ็นไปหนึ่งเส้น เขาทักทายเสิ่นเฉียวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เธอทำเขาไม่ลง อีกอย่าง เซียวซู่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเธอด้วย
เสิ่นเฉียวเห็นเขายิ้มแย้ม ก็ได้ยกมุมปากขึ้น และพยักหน้า
“ ลงลิฟท์ไปพร้อมกันสิ ” เซียวซู่พูดขึ้นอีกครั้ง
เย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นขมวดคิ้ว เซียวซู่มันกินยาผิดหรอ? หรือมันลืมเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปแล้ว?
“ ไม่ ไม่ต้อง ฉัน…… ”
“ ไปเถอะผู้ช่วยเสิ่น ถ้าคุณไม่มา รอจนพวกเราลงไปแล้ว คุณยังต้องรออีกสักพักเลยนะ ”
ความห่วงใยยากที่จะปฏิเสธ เสิ่นเฉียวทำได้แค่เดินไปข้างหน้า และเดินตามหลังพวกเขาเข้าไปในลิฟต์
หลังจากที่ประตูลิฟท์ปิดลง เสิ่นเฉียวยืนอยู่ที่มุมลิฟท์คนเดียว และเอาถุงไปแอบไว้ที่ด้านหลังอย่างสุดชีวิต เสียงต่ำที่เย็นยะเยือกของเย่โม่เซินได้ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน: “ ไม่ใช่ว่าฉันให้เธอทิ้งเสื้อสูทไปแล้วหรอ? ”