เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่11 กฎระเบียบที่เขาตั้ง
“ให้ฉันลองคิดดูก่อน”
สรุปสุดท้ายหานเส่โยวก็พาเสิ่นเฉียวกลับตระกูลเย่ไป
“เวลาสามวันก็ไม่นาน เฉียวเฉียว รีบตัดสินใจ คิดได้แล้วก็โทรบอกฉันนะ”
ในหูแว่วเสียงดังกึกก้องถึงคำพูดของหานเส่โยวที่ทิ้งไว้ก่อนเธอจะไป
“ถ้าอยากอยู่ที่ตระกูลเย่ต่อไป ก็ต้องกำจัดเด็กไปซะ”
“เฉียวเฉียว ลูกสาวของตระกูลเสิ่นทั้งสองคนจะพังทั้งคู่ไม่ได้!”
เสิ่นเฉียวมองตัวเองในกระจก
จะต้องทำยังไงดี ต้องเอาเด็กออกจริงๆหรอ
เมื่อคิดถึงมัน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านนอก เสิ่นเฉียวตื่นตัวขึ้นในทันที เธอดึงประตูห้องน้ำเปิดออก เป็นจังหวะเดียวกับที่เห็นเซียวซู่เข็นเย่โม่เซินเข้าไปในห้อง
สายตาลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ยังไม่ถึงหนึ่งวินาที เสิ่นเฉียวก็กลับมาได้สติ เธอเดินเข้าไปยังด้านในด้วยความประหม่า
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เสียงอันเยือกเย็นแว่วมา
ฝีเท้าของเสิ่นเฉียวหยุดลง ราวกับมีรากงอกยึดลงกับพื้น เคลื่อนย้ายไปไหนไม่ได้
“คิดดีแล้วเรอะ” รอยยิ้มอันเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเย่โม่เซิน สายตาเขาเป็นอันตรายดังเช่นเสือดาวซึ่งกำลังกระหายเลือดอย่างไรอย่างนั้น
นิ้วชี้ทั้งสองของเสิ่นเฉียวบิดเข้าหากัน เธอกัดริมฝีปากล่าง “บอกว่าสามวันไม่ใช่รึไง”
“คุณยังกล้ามาเรียกร้องสามวันกับผมอีกรึ”
เย่โม่เซินเสียงแข็งขึ้น สายตากลับมาเยือกเย็นขึ้นอีกหลายส่วน
เสิ่นเฉียวอดที่จะเบิกตาโตไม่ได้ “คุณพูดแล้วจะไม่รักษาคำพูดรึไง”
ดวงตางดงามทั้งคู่เบิกกว้าง เปี่ยมไปด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ เหมือนน้ำพุร้อนที่กำลังจะปะทุ เย่โม่เซินหรี่ตาแคบลง เสียงหัวเราะเยาะเย้ย “คุณอยากเล่นเกมส์ ได้ กฎกติกา ผมบอกคำไหนก็คำนั้น”
เล่นเกมส์รึ ริมฝีปากแดงของเสิ่นเฉียวสั่นไหว ชีวิตหนึ่งชีวิต เขากล้าพูดกับเธอว่ามันเป็นเกมส์อย่างนั้นรึ
“ถ้าหากว่าไม่เต็มใจ ไม่พอใจมาก ถ้าอย่างนั้นก็ดี เก็บข้าวของของคุณออกไป ไสหัวออกไปจากตระกูลเย่ซะ”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็กำกำปั้นแน่น
เขายั่วยุให้เธอออกไป นั่นแปลว่าเขาไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะอยู่ในตระกูลเย่ต่อ
อย่างไรก็ตามยังมีเวลา เสิ่นเฉียวขี้เกียจจะเถียงกับเขาอีก เธอคลายหมัดที่กำอยู่ออก และค่อยๆเอาผ้าปูเตียงออกมาปูเข้าไปตามมุมเตียง
เย่โม่เซินคิดว่าเธอคงจะเถียงกับเขา ใครจะรู้วินาทีก่อนหน้านี้เธอยังจ้องเขาตาเขม็ง ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความน้อยอกน้อยใจ แต่วินาทีต่อมาความคับอกคับใจนั้นกลับอันตรธานหายไป เธอหันไปไม่สนใจเขาอีกต่อไป
กับเขา ไม่ต้องมองเธอก็มั่นใจได้
ความรู้สึกทำตัวลอยเหมือนกับปุยฝ้ายนี้ ทำให้เย่โม่เซินไม่พอใจเป็นอย่างมาก!
“เซียวซู่ คุณออกไป”
เมื่อได้ยิน เซียวซู่ก็ประหลาดใจ “แต่ว่าคุณชายเย่ วันนี้ฉันยังไม่ได้ช่วยคุณ…”
“หล่อนอยากเป็นคุณนายน้อยไม่ใช่รึ งั้นพวกนี้วันหลังก็ให้หล่อนทำก็แล้วกัน”
เสิ่นเฉียวซึ่งกำลังจัดการกับผ้าปูเตียงอยู่ทางด้านหน้า เธอหยุดการเคลื่อนไหวชั่วขณะ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”
“บอกหล่อนสิว่าคุณนายเย่ต้องทำอะไรบ้าง”
เซียวซู่มองเย่โม่เซินอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ทำถามที่เขาว่าโดยการที่บอกกับเสิ่นเฉียว
“คุณชายเย่ขาแข้งไม่ค่อยดี ตอนที่เขาอาบน้ำคุณต้องคอยเฝ้าอยู่ข้างๆ ทางที่ดีที่สุดคือเรียกเมื่อไหร่ก็ต้องขานรับเมื่อนั้น คุณชายเย่ให้คุณทำอะไรคุณก็ทำตามนั้น” พูดจบ เซียวซู่ก็ยังไม่วางใจ เธอยังเดินไปที่ข้างๆเสิ่นเฉียวกระซิบอีกสองสามคำ
เสิ่นเฉียวตอนแรกก็ตั้งอกตั้งใจฟังเพื่อที่จะจำให้มั่น แต่เมื่อได้ยินแล้ว ใบหน้าขาวรูปไข่นั้นก็แดงระเรื่อขึ้น เธอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ “ต้องทำอย่างนี้ด้วยเรอะ”
เซียวซู่เป็นคนหยาบคายหน่อยๆ เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆ “ก็แน่สิ ทำดีๆล่ะ ระวังคุณชายเย่โมโหจนต้องโยนเธอออกมาล่ะ”
เสิ่นเฉียวถูกเขาทำเอาจนตกใจหดหัวลง พร้อมพยักหน้า “ฉันทราบแล้ว”
หลังจากที่กำชับเสร็จเรียบร้อย เซียวซู่ก็กลับไปรายงานเย่โม่เซิน “คุณชายเย่ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนล่ะ”
“อื้อ”
หลังจากที่เซียวซู่ออกจากห้องไป เธอยังคงไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่ที่หน้าประตูเอาหูแนบกับกำแพงเพื่อฟังเสียงภายใน
ในห้องมีเหลือเพียงเย่โม่เซินและเธอสองคนเท่านั้น
เสิ่นเฉียวนึกถึงคำพูดที่เซียวซู่บอกกล่าวเธอพวกนั้น หน้าเธอก็แดงระเรื่อขึ้นมาสองสามส่วน
“ยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะ มานี่สิ!” เย่โม่เซินอยู่ๆก็เอ็ดขึ้นเสียงแข็ง
เสิ่นเฉียวถูกเขาทำเอาตกใจ ร่างเล็กกะทัดรัดเดินงุ่มง่ามเข้าไปหาเขาอย่างสั่นสะท้าน
“สั่นทำไม” เย่โม่เซินเห็นท่าทางหวาดกลัวของเธอ เขาจึงพ่นลมอย่างไม่พอใจ และกล่าวตำหนิเธอ “เข็นผมเข้าไปห้องน้ำ”
ดังนั้นเสิ่นเฉียวจึงได้แต่ทำตามที่เขาบอก เข็นเขาเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ห้องอาบน้ำของตระกูลเย่นั้นใหญ่โตโอ่อ่า อาจจะเพราะคำนึงถึงเรื่องที่ขาของเย่โม่เซินนั้นใช้การไม่ค่อยสะดวก ห้องน้ำจึงถูกออกแบบสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่หลังจากที่เข็นเขาเข้าไปข้างในแล้ว ลมหายใจอันเย็นยะเยือกของเย่โม่เซินก็แผ่ซ่านกระจายไปทั่วทุกบริเวณในห้องอาบน้ำ
เมื่อผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง จู่ๆห้องน้ำก็เหมือนจะเล็กลงไป
ตามที่เซียวซู่บอกไว้ เสิ่นเฉียวกระซิบถาม “เสื้อผ้าของคุณอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหยิบเสื้อผ้ามาให้คุณก่อน”
“ชุดนอนอยู่ในตู้แรก เอาชุดสีน้ำเงินมา”
“ได้” เสิ่นเฉียวหันกายไปเพื่อไปหยิบชุดนอนสีน้ำเงิน เมื่อเธอกลับมาเธอพบว่าเย่โม่เซินได้ถอดเสื้อผ้าของเขาออกแล้ว ร่างกายส่วนบนอันเปลือยเปล่าทำเอาเสิ่นเฉียวตกอกตกใจ เธอกรีดร้องและหันไปพร้อมปิดตาตัวเอง
“ร้องโวยวายทำบ้าอะไร” เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
“คุณจะถอดเสื้อผ้าทำไมล่ะ”
พอได้ยิน ดวงตาของเย่โม่เซินก็ฉายแววไม่พอใจ เขาหันศีรษะไปจ้องผู้หญิงที่ยืนทื่ออยู่หน้าประตูหันหลังให้เขาไม่กล้าเข้ามาใกล้ เขาก้มลงมองเหลือบมองตัวเอง จากนั้นก็มีรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปาก
“ทำไม จะแสร้งทำเป็นสาวบริสุทธิ์กับผมอย่างนั้นรึ”
เสิ่นเฉียวอยากจะให้เขาสวมใส่เสื้อผ้าซะ แต่พอคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปากเธอกลับต้อนกลืนมันกลับลงไป ก็ถูกของเขา ถ้าไม่ถอดเสื้อผ้าแล้วจะอาบน้ำยังไง
เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเฉียวก็หลับตาลง และหายใจเข้าลึกๆ
เธอสะกดจิตตัวเอง พวกเธอเป็นสามีภรรยากันแล้ว! ก่อนแต่งงานเธอก็คิดใคร่ครวญเรื่องนี้มาดีแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดแปลกใจอะไร
ครุ่นคิดแล้ว เสิ่นเฉียวก็หันกลับไป สีหน้ามีอาการสงบนิ่งลง
“เอาเสื้อผ้ามาสิคะ ฉันจะช่วยเก็บให้คุณ คุณยังต้องการอะไรอีกมั๊ยคะ”
“ถอดเสื้อผ้า”
เสิ่นเฉียวกระแอมเสียงหนึ่ง ก่อนจะเดินขึ้นหน้าไป
“มาช่วยแก้เข็มขัดก่อน”
แก้เข็มขัดเรอะ
สายตาเสิ่นเฉียวจับจ้องไปทางเย่โม่เซิน เขาเป็นคนขาพิการ เวลาปกติไม่น่าจะได้ออกกำลังกาย เสิ่นเฉียวคิดว่าเขาคงจะอ้วนพุงพลุ้ยมาก แต่ว่าไม่คาดคิดหน้าอกเขากลับแข็งแกร่ง หน้าท้องก็แบนเรียบ
“ทำบื้ออะไรอยู่ แก้เข็มขัดสิไม่ได้ยินหรือไง” เสียงอันเย็นเยือก เสียงของเย่โม่เซินดังขึ้นมา
เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับสายตาอันเฉียบคมของเขา เธอพยักหน้าด้วยความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันมือทั้งคู่ก็แก้เข็มขัดให้เขาอย่างลนลาน
แต่ว่าเธอไม่เคยเจอกับเจ้าสิ่งนี้มาก่อน ทำยังไงก็แก้ไม่ออก….
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
ดวงตาเขาจับจ้องไปยังหน้าผากของหญิงสาวเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ดูเหมือนว่าเธอจะร้อนรนและตื่นตระหนกเอาจริงๆ
“คุณผู้หญิง นี่คุณตั้งใจรึเปล่าเนี่ย”
“ห๊ะ” เสิ่นเฉียวยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่ เธอยิ่งรน ไม่รู้ว่าจะหาทางคลายมันออกได้ยังไง ตื่นเต้นลนลาน น้ำเสียงเธอพูดกับเย่โม่เซินราวกับจะร้องไห้ “ฉัน ฉันทำไม่เป็น…”
หญิงสาวมืออ่อนราวกับไร้กระดูก ด้วยหัวใจอันอบอุ่น สายตาเย่โม่เซินค่อยๆมืดทึบ นัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นดูเหมือนว่ากำลังมีพายุกำลังก่อตัวอยู่
“คุณ คุณทำเองแล้วกัน ตามนั้นนะ!”
เสิ่นเฉียวยังไม่ทันได้พูดให้จบ ข้อมือเธอก็ถูกเย่โม่เซินจับเอาไว้ ก่อนจะถูกเขาดึงเข้าไปในอ้อมแขน