เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่136 ทนไม่ไหวอีกแล้ว
เสิ่นเฉียวเดินตามเย่โม่เซินเข้าไปในห้องประชุมด้วยความน้อยใจ
เย่หลิ่นหานก็อยู่ในนั้นด้วย ตอนที่สายตาของเขามองเห็นเสิ่นเฉียว เขายังมอบรอยยิ้มอบอุ่นใจดีให้กับเธอ ต่อให้เสิ่นเฉียวอารมณ์ไม่ดี แต่ว่ารอยยิ้มของอีกฝ่ายมันอบอุ่นราวกับเป็นลมในฤดูใบไม้ผลิอย่างนี้ ก็ยากที่จะทนทาน ความรู้สึกน้อยใจภายในใจเมื่อกี้ก็ลดลงไปเล็กน้อย ส่งยิ้มกลับไปให้เย่หลิ่นหาน
การกระทำเล็กๆที่ส่งไปมาให้กันของคนทั้งคู่ ก็ถูกเย่โม่เซินเห็นครบทุกฉากทุกตอนไปโดนปริยาย
เพราะอย่างนี้ บรรยากาศเยือกเย็นที่อยู่รอบๆตัวเขาก็แผ่กระจายออกมามากกว่าเดิมอีก
หานชิงกับซูจิ่วมาถึงแล้ว เป็นเย่หลิ่นที่เป็นรองประธานไปรับพวกเขาด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นตอนที่เสิ่นเฉียวเจอเย่หลิ่นหาน เธอก็สามารถเห็นหานชิงกับซูจิ่วที่นั่งข้างๆเขาไปด้วย
เหมือนกับเมื่อวาน หานชิงยังคงนั่งอยู่ตรงนี้เงียบๆเหมือนเดิม สายตาของเขาราวกับว่ามองไม่เห็นใครเลย
เขาก้มอ่านเอกสารที่วางอยู่ด้านหน้า จนถึงตอนที่เสิ่นเฉียวมองมา เขาก็ราวกับรับรู้ได้ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับเสิ่นเฉียวครู่หนึ่ง แล้วก้มหัวให้เสิ่นเฉียวเบาๆ
เสิ่นเฉียวเองก็หันไปก้มหัวให้เขาเช่นกัน แล้วก็แบบเดียวกันกับซูจิ่ว
ในเวลานี้ไอความเย็นที่แผ่มาจากเย่โม่เซินยังเจือความร้ายกาจออกมาด้วย
เหอะ เป็นผู้หญิงที่มีแต่คนให้ความสนใจจริงๆ
ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็มีแต่คนทักทายเธอ ในใจของเธอคงจะรู้สึกดีมากแน่ๆ
พอนั่งลงกับที่ นิ้วเรียวยาวของเย่โม่เซินก็เคาะลงบนโต๊ะ “กาแฟ”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า “ฉันจะไปเตรียมค่ะ”
พูดจบ เธอก็ก้าวเดินออกไปด้านนอก กาแฟของทุกคนในห้องประชุมมีเธอเป็นคนเตรียมทั้งหมด แถมยังไม่มีใครมาช่วยเธอเลยสักคน เสิ่นเฉียวเองก็ถือว่าเหนื่อยใช่ย่อย
ตอนที่เธอถือถาดกาแฟขนาดใหญ่เดินเข้าไปในห้องประชุม การประชุมก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ภายในห้องประชุมกำลังมีคนนำเสนองานอยู่ เสิ่นเฉียวไม่สามารถทำเสียงดังได้ เธอวางแก้วกาแฟเอาไว้หน้าท่านประธาน ผู้ร่วมถือหุ้น และก็ผู้จัดการแต่ละคนอย่างเบามือ
เย่หลิ่นหานเห็นว่าเธอคงเหนื่อยไม่น้อย ตอนที่เธอกำลังมาก็เลยช่วยเธอเข็น เสิ่นเฉียวรู้สึกซาบซึ้งจนต้องเงยหน้ามองเขา แล้วก็เดินไปวางกาแฟไว้ตรงหน้าของหานชิง
หานชิงมองมือขาวเนียนและนิ้วเรียวยาวของมือทั้งสองข้าง แต่ละนิ้วราวกับหยกมิปาน
ในความทรงจำของเขา ตอนที่เขายังเด็กมากๆ มือของแม่ของเขาก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ช่วยพลิกหนังสือให้เขาทีละหน้าๆ ช่วยเล่าเรื่องต่างๆให้เขาฟังอย่างไม่เบื่อหน่ายและไม่รำคาญ
สุดท้ายยังใช้มือทั้งสองข้างช่วยนวดหัวให้เขา น้ำเสียงอ่อนหวาน
“หานชิง ถ้าเกิดมีโอกาสที่หาน้องจนเจอ จะต้องดูแลเธอให้ดีๆนะ”
หลังจากที่แม่ตายไป หานชิงสามารถบอกได้ว่าเขาใช้เรื่องเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตและความพยายาม
เมื่อสองปีที่แล้ว ในที่สุดเขาก็หาน้องสาวที่ได้ยินว่าพลัดพรากจากกันตั้งแต่เด็กจนเจอ แต่ว่า…..ภายในใจของเขากลับรู้สึกโหวงๆ เขามักจะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้ทำตามคำขอขอแม่ให้สำเร็จ
ทุกวันนี้การปรากฏตัวของเสิ่นเฉียวทำให้ความรู้สึกขาดหายในใจของเขามันเพิ่มมากขึ้น
เพราะว่าเสิ่นเฉียวมักจะทำตัวเหมือนกับคนในความทรงจำทั้งอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ มันทำให้เขาเข้าใจผิด
เขาพยายามหาน้องสาวคนนั้นของเขามาตลอด
ดูไปแล้ว หลังจากการประชุมในครั้งนี้จบลง คงต้องให้ซูจิ่วลองไปค้นประวัติของเสิ่นเฉียวดูเสียหน่อย
ซูจิ่วมองเสิ่นเฉียวด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าแค่เธอคนเดียวต้องทำงานเยอะขนาดนี้ แล้วลองมองไปที่เย่โม่เซินที่นั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะว่อกแว่กอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ซูจิ่วนึกถึงภาพที่ร้านอาหารเมื่อวาน
ในใจก็คิด ผู้ชายคนนี้นี่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจจริงๆ!
ปัง!
ตอนที่เสิ่นเฉียวยกกาแฟเข้ามาอีกรอบ เย่หลิ่นหานก็ทนมองต่อไปไม่ได้ ตอนที่เขากำลังจะลุกขึ้น หานชิงก็ส่งสายตามายังตัวเอง
ซูจิ่วทำงานกับหานชิงมาหลายปี ก็เข้าใจได้ในทันที เขารีบชิงลุกตัดหน้าเย่หลิ่นหานไปช่วยเสิ่นเชียวยกกาแฟ พูดขึ้นเสียงเบา “ให้ฉันช่วยนะคะ”
เสิ่นเฉียวนิ่ง “ขะ ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้นซูจิ่วกับเสิ่นเฉียวก็ช่วยกันยกกาแฟไปเสิร์ฟไว้ด้านหน้าทุกคน ตอนที่อยู่ตรงหน้าของเย่โม่เซิน อยู่ๆเขาก็หัวเราะแกนๆขึ้นมา “เลขาของประธานหานมีน้ำใจจังเลยนะครับ”
เสียงที่พูดแทรกขึ้นมา สามารถขัดจังหวะการประชุมลงได้ในทันที
หลายๆคนมีสีหน้าตกใจ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
สายตาเย็นชาของหานชิงหยุดมองอยู่ที่เขา เสียงแข็งเอ่ยขึ้น “คนของบริษัทคุณไม่พอ? อย่างนี้ทำให้ผมสงสัยว่าต่อไปถ้าเราร่วมงานกัน บริษัทของคุณจะสามารถตามทันบริษัทตระกูลหานของเราได้หรือเปล่า?”
เย่โม่เซินส่งเสียงหึในลำคอ “ในฐานะบริษัทอันดับหนึ่งในเมืองเป่ย พวกเราเน้นที่คุณภาพ ไม่ใช่ที่ปริมาณ”
เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ด้านข้างได้ยิน ก็ถึงกับเลิกคิ้ว
เอาอีกแล้ว เย่โม่เซินนี่ไม่ยอมปล่อยผ่านอีกแล้ว ชัดเจนอยู่แล้วว่ากำลังจะมีโปรเจกต์ร่วมกับบริษัทตระกูลหาน สุดท้ายก็ยังโต้กลับไปอีก ไม่รู้จักอดทนบ้างหรือยังไง?
เสิ่นเฉียวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้งๆที่ตัวเองโดนเย่โม่เซินทำให้อับอายขนาดนี้ แต่เธอก็ยังคิดแทนตระกูลเย่อีก
หรือเป็นเพราะว่าตัวอยู่ที่ไหน ก็อยู่กับฝั่งนั้นอย่างนี้เหรอ?
ไม่ว่าทุกคนจะหัวช้าแค่ไหน แต่ว่าก็พอจะมองออกว่าอะไรเป็นอะไร การประชุมในครั้งนี้เริ่มมาได้ครึ่งทางแล้ว จู่ๆก็เกิดเรื่องประหลาดแบบนี้ขึ้น
นี่ประธานหานกับคุณชายจะทะเลาะกันหรือยังไง? เพราะอะไร?
“ใช่เหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมก็รอดูผลงานบริษัทของคุณแล้วกัน”
การประชุมในครั้งนี้จบก่อนเวลากำหนด แต่ว่าเรื่องที่ทำให้คนอื่นๆประหลาดใจก็คือ การคุยโปรเจกต์ตกลงกันได้สำเร็จ เย่โม่เซินกับหานชิงไม่ได้เขม่นกันเพราะคำพูดสองประโยคนั้น ตอนที่เซ็นสัญญา ทั้งสองฝ่ายยังจับมือกันอีกด้วย
ตอนที่การประชุมจบลงแล้ว เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงท่านผู้อำนาจหลายคนพูดขึ้น
“ประธานหานกับคุณชายเย่ของเราถึงแม้ว่าจะอายุยังน้อยแต่ก็น่านับถือนะ หลังจากที่ทะเลาะกันในที่ประชุมก็ยังสามารถเซ็นสัญญาได้อย่างใจเย็นได้อีก ฉันนึกว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะล้มเหลวเสียแล้ว”
“ไม่น่าจะนะ ถึงประธานเย่จะพิการ แต่ว่าสมองเขาน่ะเป็นเลิศมาก โอกาสในการร่วมลงมือแบบไหนที่ควรจะคว้าเอาไว้ เขาก็รู้หมด แล้วคุณลองดูท่าทางของหานชิง แค่ดูก็รู้แล้วว่าเขาเป็นคนที่ทำงานอย่างมีระเบียบแบบแผน โชคดีที่แยกออก”
ตอนที่หานชิงกับซูจิ่วออกมา ซูจิ่วทนไม่ไหวจนต้องพูดออกมา “ประธานหาน วันนี้คุณไม่ควรจะออกตัวแทนคุณหนูเสิ่นคนนั้น”
ฟังจบ หานชิงก็คิ้วกระตุก
ซูจิ่วพูดต่อ “พวกเขาทั้งคู่น่าจะทะเลาะกันอยู่ ปกติประธานหานเป็นคนใจเย็นไม่พูดเยอะ ทำไมวันนี้ถึงได้……”
แต่ซูจิ่วยังไม่ทันจะได้พูดจบ เขาก็ได้ยินหานชิงสั่งขึ้นมาเสียงเย็น “ซูจิ่ว เธอช่วยไปตรวจสอบเสิ่นเฉียวคนนี้ให้หน่อย ขอทุกเรื่อง”
ซูจิ่วนิ่งไป
“ด่วนที่สุด” หานชิงพูดขึ้นอีกครั้ง
ซูจิ่วเพิ่งจะได้สติกลับมา “ค่ะ รับทราบค่ะ”
ในใจของเธอสงสัยมาก เป็นครั้งแรกที่หานชิงทำท่าสนใจผู้หญิง 0อย่าบอกนะว่าสนใจเสิ่นเฉียวคนนั้น? แต่ว่า…. เสิ่นเฉียวคนนั้นมีอะไรพิเศษกัน? ก็จริงอยู่ที่เธอหน้าตาดี แถมยังหุ่นดีอีกต่างหาก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นที่มีแววเย็นชาอยู่หน่อยๆ ทำให้คนรู้สึกว่าเธอนั้นดูสูงส่ง
และถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่น่าจะทำให้ประธานหานเสียอาการได้นี่
ตกลงเพราะอะไรกันแน่?
เสิ่นเฉียวเห็นว่าทุกคนไปแล้ว เธอเองก็เตรียมตัวจะออกไปพร้อมๆกับทุกคน แต่เซียวซู่กลับตามาพูดกับเธอ “ผู้ช่วยเสิ่น คุณชายเย่สั่งให้คุณกลับแก้วกาแฟทั้งหมดที่นี่”
ฟังจบ เสิ่นเฉียวได้แต่ถอยหลังกลับมา แล้วก็เก็บแก้วกาแฟที่วางเอาไว้บนโต๊ะอย่างเงียบๆ
เย่หลิ่นหานออกไปช้า เห็นว่าเธอกำลังเก็บของ เขาก็วางปากกาแล้วเดินเข้ามาช่วย
“ทำไมโม่เซินถึงไม่สั่งให้คนมาช่วยเธออีกแรง?”
“เอ่อ……” เสิ่นเฉียวถอยหลังไปสองก้าว “รองประธานเย่”
เธอจำคำพูดของเย่โม่เซินได้ ต้องรักษาระยะห่างกับเย่หลิ่นหาน