เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่137 น้ำลายสามารถหยุดไม่ให้เลือดไหลได้
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่137 น้ำลายสามารถหยุดไม่ให้เลือดไหลได้
เย่หลิ่นหานเห็นว่าเธอถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แววตาก็สลดลงเล็กน้อย “ผมเป็นสัตว์ประหลาดเหรอ?”
“คะ?” เสิ่นเฉียวไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เงยหน้ามองเขาอย่างไม่เข้าใจ
เย่หลิ่นหานยิ้มเจื่อนๆ “ถ้าเกิดผมไม่ใช่สัตว์ประหลาด ทำไมคุณถึงกลัวผมขนาดนั้น?”
“……ขอโทษนะคะพี่ใหญ่”
เธอไม่ได้กลัวเขา แต่เธอกลัวว่าเย่โม่เซินจะเข้ามาเห็นแล้วจะมาหาเรื่องอีก ผู้ชายคนนั้น….ถึงจะบอกว่าไม่ชอบเธอ แต่ว่าความต้องการของเขามันรุนแรงจริงๆ
เพราะว่าตอนนี้เธอยังมีป้าย คุณนายน้อยสองแขวนเอาไว้อยู่
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่โกรธเธอ” เย่หลิ่นหานยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน เขาพูดขึ้นเสียงเบา “ตรงนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเถอะ เธอขึ้นไปก่อน”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันคะ ปล่อยให้ฉันทำก็ได้ค่ะ พี่ใหญ่ไปทำงานต่อเถอะค่ะ”
คิดถึงเรื่องที่เขาเคยช่วยเธอที่โรงอาหารครั้งก่อน เสิ่นเฉียวยังไม่เคยได้พูดขอบคุณกับเขาสักครั้งเลย ช่วงนี้พอเจอเขาก็เอาแต่หลบหน้า ในใจของเสิ่นเฉียวเองก็รู้สึกแย่ ดังนั้นเธอเลยกดเสียงต่ำแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้วค่ะพี่ใหญ่ เรื่องที่โรงอาหารครั้งก่อน ขอบคุณนะคะ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องไปสนใจหรอก หลังจากนั้นโม่เซินไปรับเธอแล้วใช่ไหม?” พอพูดถึงตรงนี้ เย่หลิ่นหานก็ยิ้มขึ้นเบาๆ “โม่เซินก็แคร์เธอเหมือนกันนะ น้องสะใภ้”
พอพูดถึงเย่โม่เซิน เสิ่นเฉียวถึงได้รู้ตัวว่าเขาไม่อยู่ในห้องประชุมแล้ว
คงเป็นเพราะตอนนี้ เขาคงไม่อยากจะเห็นหน้าเธอเท่าไหร่ละมั้ง
เสิ่นเฉียวก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา เธอยิ้มเยาะตัวเองในใจ “อืม คงอย่างนั้นมั้งคะ”
เย่หลิ่นหานว่าเธอดูเศร้าลง ก็พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไป? ทำไมโม่เซินถึงทำกับเธอแบบนี้? พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีเหมือนกัน มันค่อนข้างจะซับซ้อน”
เย่หลิ่นหานว่าเธอคิดมากจน ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด สภาพแบบนี้ของเธอ ภายในสายตาของเขามันช่างดูน่ารักมากๆ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปลูบหัวของเธอ “ไม่ต้องคิดมากแล้ว เป็นผู้หญิงก็ต้องสดใสหน่อย ต้องยิ้มเยอะๆถึงจะดี”
ท่าทางน่ารักแบบนี้ทำให้เสิ่นเฉียวชะงักไปชั่วครู่ถึงจะขยับตัว แล้วเธอก็ถอยหลังไปสองก้าว “ขอบคุณค่ะพี่ใหญ่ ฉันรู้แล้วค่ะ”
“เดี๋ยวเลิกงานแล้วพอมีเวลาไหม? ได้ยินว่าของหวานทำให้อารมณ์ดีขึ้นได้นะ เค้กครั้งก่อน…..”
พูดถึงของหวาน เสิ่นเฉียวก็หน้าเสีย “พี่ใหญ่คะ คือว่า… ฉันไม่อยากโกหกพี่ เลยคิดว่าพูดความจริงกับพี่ดีกว่า”
“หืม?”
“จริงๆแล้วฉันไม่ทานของหวานค่ะ เค้กครั้งก่อน…ฉันให้เพื่อนของฉันไปค่ะ พี่ใหญ่ พี่ไม่โกรธใช่ไหมคะ?”
เสิ่นเฉียวคิดว่าพูดให้ชัดเจนไปเลยคงจะดีกว่า เกิดวันไหนอยู่ๆเขาถึงจะซื้อเค้กมาให้เธออีก หรืออยู่ๆก็จะพาเธอไปกินของหวาน จะได้ไม่ต้องทำลายน้ำใจของเขา
เย่หลิ่นหานราวกับคิดไม่ถึงว่าเธอจะซื่อสัตย์ขนาดนี้ ตอนแรกก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป แต่วิถัดไปเขาก็ยิ้มให้กับเธอ แล้วก็ยื่นมาลูบหัวเธออีกครั้ง “น้องสะใภ้ ฉันดีใจมาก”
“???”
“เธอยอมบอกความคิดจริงๆให้ฉันฟัง นี่ทำให้ฉันดีใจมาก”
มือของเย่หลิ่นหานยังคงวางอยู่บนหัวของเธอ เสียงของเขามันอ่อนโยนราวกับลม “ไม่เป็นไร เธอไม่ชอบกินของหวาน อย่างนั้นเธอชอบกินรสชาติอะไร?”
เสิ่นเฉียวมองเขา แล้วค่อยคิดอย่างจริงจัง “รสเผ็ด? ไม่ใช่สิ พี่ใหญ่ ฉันต้องรีบไปทำงานแล้วค่ะ”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็รีบไปยกแก้วกาแฟแล้วออกไปจากห้องประชุม
แต่ตอนที่เธอเปิดประตูออกไปก็ชนเข้ากับเย่โม่เซินที่อยู่ด้านนอกประตูพอดี เสิ่นเฉียวตกใจจนถอยหลังมาสองก้าว ในวินาทีนั้นเองพวกก็ล้มแล้วร่วงลงไปบนพื้น เพราะว่าในมือเธอถืออยู่เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเสียงของมันก็เลยดังมาก
แต่ว่าในตอนนี้คนก็ออกไปแทบจะหมดแล้ว คนที่ได้ยินเสียงหันกลับมามอง เห็นว่าเป็นเสิ่นเฉียวที่ทำแก้วตกก็เมินแล้วก็เดินจากไปในทันที
กลับเป็นเย่หลิ่นหานที่อยู่ในห้องประชุมที่ได้ยินเสียงของตกก็เลยรีบออกมาดู “น้องสะใภ้? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เย่หลิ่นหานรีบเดินไปดึงตัวเสิ่นเฉียวออกมาจากบริเวณนั้น บนพื้นมีแต่เศษแก้ว “ระวังนะ อย่าให้บาดเท้าได้”
เย่โม่เซินเห็นภาพตรงหน้า ริมฝีปากก็เหยียดยิ้มเย็นขึ้น
“พี่ใหญ่ดูแลน้องสะใภ้ดีจังนะครับ”
ได้ยิน เย่หลิ่นหานก็เงยหน้ามองเขา สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความเอือมระอา “โม่เซิน นายปล่อยให้น้องสะใภ้ทำเรื่องพวกนี้คนเดียวได้ยังไง?”
“ตระกูลเย่ไม่เลี้ยงคนขี้เกียจ เธอทำอะไรได้บ้าง?” เย่โม่เซินพูดเย้ยเสียงเย็น
เย่หลิ่นหานคิ้วกระตุก “เท่าที่ฉันรู้ เธอเป็นคนติดต่อกับบริษัทตระกูลหาน แถมเอกสารในการประชุมครั้งนี้ก็เป็นเธอที่เป็นคนเตรียมเอาไว้ ที่นายพูดว่าเธอทำอะไรไม่ได้ ดูเหมือนว่าจะไม่ถูกต้อง น้องสะใภ้เป็นผู้ช่วยที่ดี โม่เซินเสียอีกที่เอาคนที่มีฝีมือมาทำงานเล็กๆ”
“อ๋อ ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะรู้ความสามารถของเธอดีกว่าผมที่เป็นสามีอีกนะ?”
“โม่เซิน ทำไมนายต้องพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้ด้วย? พี่เป็นคนแบบไหน ยังไม่รู้อีกเหรอ?”
แววตาเกรี้ยวกราดของเย่โม่เซินชัดเจนขึ้น “พี่ใหญ่เป็นคนแบบไหน ผมเองก็ไม่ค่อยจะรู้แน่เสียด้วย”
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขาเปิดอกพูดเรื่องจริงกับเขา เย่โม่เซินก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ที่กำลังพูดกับเย่หลิ่นหานก็แทรกคำดูถูกไว้มากมาย เสิ่นเฉียวคิดแล้วคิดอีก ก็แกะมือของเย่หลิ่นหานออก
เธอไม่ควรจะหาเรื่องเดือดร้อนให้เย่หลิ่นหานอีก
ที่เย่โม่เซินไม่เกรงใจเขาในตอนนี้ เป็นเพราะว่าเย่หลิ่นหานเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ
“พี่ใหญ่ ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ พี่ไปทำงานเถอะค่ะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันเก็บกวาดก็เรียบร้อยแล้ว”
“น้องสะใภ้………”
“ขอร้องนะคะพี่ใหญ่!” เสิ่นเฉียวใช้เสียงที่หนักแน่นขึ้นกว่าเดิม เย่หลิ่นหานที่กำลังจะก้าวเดินมาด้านหน้าก็หยุดเอาไว้แค่นั้น เขามองมาทางเสิ่นเฉียวอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วก็หันไปมองทางเย่โม่เซิน สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เอาอย่างนั้นก็ได้ อย่างนั้นฉันไปก่อน โม่เซิน น้องสะใภ้ พวกเธอมีอะไรก็พูดกันดีๆ”
หลังจากที่เย่หลิ่นหานไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็เหมือนกับเบาใจลงไป เธอย่อตัวลงเก็บเศษแก้ว หยิบพวกมันขึ้นแล้ววางไว้บนถาดทีละชิ้นๆ
ภาพตรงหน้าทำให้เย่โม่เซินหรี่ตามองด้วยความหงุดหงิด ใจเขามันหงุดหงิดมากๆ ตอนกำลังจะด่าว่าเธอไม่รู้จักไม้กวาดหรืออย่างไร มือของเสิ่นเฉียวก็โดนแก้วทิ่มเข้า
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป แต่ว่ากลับไม่ส่งเสียงร้องออกมา เพราะว่าเย่โม่เซินยังคงดูอยู่ เธอจัดการสะบัดมือที่มีเลือดไปมา แล้วก็เก็บเศษแก้วต่อ
จะได้ไม่ต้องหาเรื่องให้เย่โม่เซินว่าเธอนั้นทำตัวน่าสงสาร
เธอไม่ต้องการคำดูถูกเหยียดหยามของเขาอีกแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะไถรถเข็นมาตรงหน้าเธอ แล้วเขาก็กระชากแขนเธอขึ้นโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เสิ่นเฉียวร้องออกมาด้วยความตกใจ ข้อมือของเธอโดนเขาจับเอาไว้แน่น”
“มือเธอเลือดออกแล้ว ไม่เห็นหรือไง?” เย่โม่เซินถามขึ้นอย่างโมโห
“เห็น เห็นแล้วค่ะ….” เสิ่นเฉียวตอบตะกุกตะกัก อยากจะดึงมือตัวเองกลับมา “แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องของคุณนี่คะ”
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน?” สายตาของเย่โม่เซินดุดันกว่าหมาป่า เขาเอานิ้วที่โดนเศษแก้วตำของเธอมาดูดเลือด อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็หน้าแดง รีบดึงมือตัวเองกลับมาในทันที “เย่ เย่โม่เซิน คุณทำอะไร? รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ลิ้นของคนชั่วมันนุ่มนวล เขาดูดเลือดที่อยู่บนนิ้วเธอออกไปจนหมด
ผ่านไปพักใหญ่เย่โม่เซินถึงได้ปล่อยเธอ เขากระตุกยิ้มร้าย “น้ำลายสามารถทำให้เลือดหยุดไหลได้ เธอควรจะขอบคุณฉัน”