เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1503 จะอยู่ด้วยกันหรือ
บทที่1503 จะอยู่ด้วยกันหรือ
“ขอโทษ เมื่อก่อนมีแค่พวกเราสองแม่ลูกที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ดังนั้นลูกก็เลยรู้สึกพึ่งพาหม่ามี๊มากกว่าแด๊ดดี้มาตลอด เรื่องแบบวันนี้หม่ามี๊สัญญาว่าต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก ต่อไปหากจะทำเรื่องอะไร หากว่ามันเกี่ยวข้องกับเสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามี๊กับแด๊ดดี้จะมาถามความเห็นลูกก่อนอย่างแน่นอน ดีไหมครับ ?”
เสี่ยวหมี่โต้วคิดไม่ถึงว่าหานมู่จื่อจะมาพูดเรื่องพวกนี้กับตัวเขา ที่จริงเดิมทีเขาก็แค่งอนเท่านั้น ไม่ได้โกรธจริงจังอะไร ก็แค่รู้สึกหึงหวงเล็กน้อยเท่านั้น
เพราะว่าเขาติดตามอยู่กับหม่ามี๊มาตั้งแต่เด็ก จากนั้นพอแด๊ดดี้เข้ามาก็แย่งหม่ามี๊ไปหมด เวลาสำหรับเขาก็เลยเหลือไม่เท่าไหร่เท่านั้น ตอนนี้ยังจะหาคนอื่นมาแบ่งเวลาของเขาไปอีก
ก็เลยทำให้เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกว่า แด๊ดดี้จะไล่เขาไปจากข้างกายหม่ามี๊อย่างไรอย่างนั้น
แล้วในเวลาแบบนี้ หานมู่จื่อก็ยังช่วยพูดแก้ต่างแทนแด๊ดดี๊จอมชั่วร้ายคนนั้นด้วย !
ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เลยเกิดหึงหวงขึ้นมายกใหญ่
พอเห็นเขาไม่พูดไม่จา หานมู่จื่อก็เลยดึงเขาเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง
“เมื่อก่อนลูกชอบหนุนตักหม่ามี๊นอนที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ คืนนี้ หม่ามี๊ให้ลูกหนุนตัก เล่านิทานให้ลูก คอยดูลูกนอนหลับดีไหมครับ ?”
เมื่อก่อนตอนเสี่ยวหมี่โต้วสองสามขวบเขาชอบหนุนตักหานมู่จื่อนอนมาก บางครั้งก็หนุนท้องของเธอนอน แต่ว่าตอนนี้เขาโตแล้ว ขาก็ยาวตัวก็สูง น้ำหนักก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย ถ้าหากหนุนตักหานมู่จื่อนอนอีก ไม่นานหานมู่จื่อจะต้องเมื่อขาแน่ ต่อจากนั้นก็จะเริ่มขาชา
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวหมี่โต้วก็ส่ายหัว “ไม่ต้องหรอกครับหม่ามี๊”
“เป็นอะไรไป ? ลูกกำลังเป็นห่วงหม่ามี๊ กลัวว่าจะนอนทับแล้วหม่ามี๊จะขาชาเหรอ ?” หานมู่จื่อบีบจมูกเขาเบาๆ “ลูกตัวเล็กขนาดนี้ ลูกคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ไปแล้วจริงๆหรือไง ?”
“หม่ามี๊ ตอนนี้ผมหนักกว่าเมื่อก่อนแล้ว”
หานมู่จื่ออ่อนใจ “จะหนักสักเท่าไหร่เชียว จะหนักยังไงก็ยังเป็นเด็ก หม่ามี๊รับได้อยู่แล้ว นอนเถอะ”
จนในท้ายที่สุดเสี่ยวหมี่โต้วก็นอนหนุนตักหานมู่จื่อ หานมู่จื่อลูบหัวของเขาไปด้วย ภายในห้องเริ่มเงียบสงบลง ทั้งสองแม่ลูกอยู่ด้วยกันเงียบๆ และเวลาก็ดูเหมือนจะสวยงามขึ้นในคราวเดียว
“หม่ามี๊ ที่มาหาผมในคืนนี้ คงจะไม่ได้มาเพื่อคุยเรื่องพวกนี้กับผมเท่านั้นใช่ไหมครับ ?”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็เปิดปากถามขึ้น
พอได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็อึ้งไป จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เธอรู้มาตั้งนานแล้วว่าลูกของเธอนั้นฉลาดมาก แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะอ่อนไหวต่อความรู้สึกขนาดนี้ด้วย
“อืม ก็จริงที่หม่ามี๊มีเรื่องจะพูดกับลูก เกี่ยวกับเรื่องที่ลูกพูดกับหม่ามี๊ในคืนนี้”
แสงสว่างในดวงตาของเสี่ยวหมี่โต้วหมองลง จากนั้นก็ฟังหานมู่จื่อพูดต่อ “ถึงแม้คำพูดพวกนี้จะโหดร้ายกับลูกในตอนนี้ไปบ้าง แต่หม่ามี๊รู้สึกว่าลูกมีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นถึงพูดคำพูดดีๆออกไป ในใจลูกก็คงรู้สึกไม่ดีอยู่ ในเมื่อเป็นแบบนั้น หม่ามี๊คิดว่าพูดสิ่งที่เป็นหลักการและจริงจังดีกว่า ลูกคิดว่าไง ?”
“หม่ามี๊อยากพูดอะไรก็พูดเถอะครับ”
เสี่ยวหมี่โต้วพลิกตัว หันหลังให้หานมู่จื่อ “ยังไงเสี่ยวหมี่โต้วก็คัดค้านอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
เด็กคนนี้……
มองดูเสี่ยวหมี่โต้วที่เป็นแบบนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณแม่สูงอายุ ส่วนเขาก็เป็นลูกที่ตัวโตมากแล้ว
เธอยื่นมือไปลูบหัวเขา “ลูกหันมาสิ ฟังที่หม่ามี๊พูดให้ดี”
เสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้หันไป น้ำเสียงยังคงซึมเศร้า
“ยังไงแบบนี้ก็ได้ยินอยู่แล้ว”
ดูท่าทางของเขา คิดว่าคงไม่ยอมหันมา หานมู่จื่อก็ไม่ได้ฝืนบังคับเขา ทำได้แค่เตรียมตัว จากนั้นก็เริ่มพูดกับเขา
“เกี่ยวกับคำถามที่ลูกถามเมื่อเย็น ที่ลูกบอกว่า แด๊ดดี้สำคัญกว่าลูกใช่ไหม”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ กล้ามเนื้อทั่วร่างของเสี่ยวหมี่โต้วก็เกร็งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด คาดหวังกับคำตอบแต่กลับกลัวว่าตัวเองจะได้ยินคำตอบที่ตัวเองไม่อยากได้ยิน
แต่จังหวะการพูดของหานมู่จื่อนั้นรวดเร็วมาก จนแทบไม่มีเวลาให้เขาได้โต้ตอบเลย
“ตอนนี้หม่ามี๊สามารถตอบลูกได้อย่างชัดเจนเลยว่า ใช่”
พอฟังถึงตรงนี้ แสงในดวงตาของเสี่ยวหมี่โต้วก็ดับมอดลงทันที นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา
“หม่ามี๊รู้ว่าลูกคงไม่ชอบใจ แต่เหตุผลบางอย่างหม่ามี๊ก็จำเป็นต้องพูดกับลูกให้ชัดเจน ว่าทำไมแด๊ดดี้ของลูกถึงสำคัญกว่าลูก นั่นเป็นเพราะว่าเขาคือคนที่จะอยู่กับหม่ามี๊ตลอดชีวิต อนาคตในอีกสิบปี ยี่สิบปี สามสิบปี แม้กระทั่งห้าหกสิบปี จนกระทั่งพวกเราแก่เฒ่าและตาย ก็ยังต้องอยู่ด้วยกัน ส่วนลูก……”
พูดถึงตรงนี้ จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็ลุกขึ้นมาจากตักเธอขึ้นมานั่ง แล้วอธิบายกับเธออย่างรีบร้อนว่า “หม่ามี๊ ขอแค่หม่ามี๊ยินยอม เสี่ยวหมี่โต้วเองก็อยู่กับหม่ามี๊ได้ตลอดไปเหมือนกัน”
“พูดอะไรบ้าๆ” หานมู่จื่อจับแก้มของเสี่ยวหมี่โต้วเอาไว้ แล้วจ้องมองเขาอย่างจริงจัง “ตอนนี้ลูกยังเด็ก หลังจากลูกเติบใหญ่แล้ว ถึงตอนนั้นลูกก็จะเหมือนกับแด๊ดดี้และหม่ามี๊ เจอคนที่ตัวเองชอบ จากนั้นก็แต่งงานกับเธอ มีลูก ถึงตอนนั้นลูกก็จะต้องสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเอง ดังนั้นลูกลองพูดสิ ว่าแด๊ดดี้สำคัญ หรือว่าลูกสำคัญ ?”
พอฟังถึงตรงนี้ เสี่ยวหมี่โต้วก็เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา เพียงแค่ยังคงหดหู่เล็กน้อย
เพราะว่าตอนนี้เขายังเด็ก ดังนั้นเลยไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ตัวเองจะทำในอนาคต เขาแค่คิดว่าอยากจะอยู่ข้างๆหม่ามี๊ตลอดไป แต่ถ้าโตขึ้นแล้วเล่า ?
“แต่สำหรับแด๊ดดี้กับหม่ามี๊แล้ว ลูกกับเสี่ยวโต้วหยากลับสำคัญที่สุด เพราะว่าพวกลูกคือลูกที่หม่ามี๊คลอดออกมายังไงล่ะ เข้าใจไหม ?”
เสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้ตอบ แต่ว่าอาการงอนบนใบหน้าก็หายไปมากแล้ว เห็นได้ว่าคำพูดของหานมู่จื่อได้ซึมซับเข้าไปในตัวเขาแล้ว
“หม่ามี๊รู้ว่าลูกนั้นฉลาดมาก ดังนั้นจึงยอมพูดเรื่องพวกนี้กับลูก”
ทันใดนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เอื้อมมือไปกอดหานมู่จื่อเอาไว้แน่น ปิดตาลง พูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ว่า “ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะให้หม่ามี๊เป็นที่หนึ่งตลอดไปครับ”
“เหรอ ?” หานมู่จื่อถามพร้อมเสียงหัวเราะ “ต่อไปจะสำคัญกว่าสะใภ้ของลูกด้วยเหรอ ?”
หานมู่จื่ออยากจะเห็นตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วถูกตอกหน้าในอนาคตจริงๆ ไม่รู้ว่าวันเวลาแบบนี้จะยาวนานอีกสักแค่ไหน อาจจะอีกสิบกว่าปี รอให้เขาหาคนที่ตัวเองชอบเจอแล้ว ถ้าหากคนเป็นพ่อแม่อย่างเธอเกิดแสดงให้เห็นว่าไม่ยอมรับขึ้นมา เขายังจะยอมให้เธอเป็นที่หนึ่งอยู่อีกไหม
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ที่จริงหานมู่จื่อก็ไม่ได้ถือสา เพราะว่าเธอรู้ว่า ตัวเองจะไม่มีวันเข้าไปก้าวก่ายเกี่ยวกับเรื่องความรู้สึกของลูก เธอแค่จำเป็นต้องสอนให้ลูกรู้จักมองโลก ให้เขาได้เติบโตอย่างแข็งแรง
ส่วนเรื่องหลังจากที่เขาเติบโตแล้วนั้น ตราบใดที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม เขาจะทำอะไรก็ได้
เส้นทาง เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเดินด้วยตัวเอง
สุดท้าย เสี่ยวหมี่โต้วก็ยังเรียกให้หานมู่จื่อกลับไปที่ห้องของตัวเอง เหตุผลก็คือเขาโตแล้ว นอนคนเดียวได้แล้ว ต่อไปก็จะไม่หนุนตักหม่ามี๊นอนอีกต่อไปแล้ว
หานมู่จื่อกลัวว่าเขาจะยังโกรธอยู่ ดังนั้นตอนแรกเลยไม่ค่อยยินยอมที่จะออกมา
จนตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเรียกเธอหม่ามี๊คำหนึ่งด้วยท่าทางจริงจัง แล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “คำพูดที่หม่ามี๊พูดกับผมคืนนี้ เสี่ยวหมี่โต้วฟังเข้าใจหมดแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วรู้สึกว่าหม่ามี๊พูดถูก แด๊ดดี้คือคนที่จะอยู่กับหม่ามี๊ตลอดชีวิต ดังนั้นหม่ามี๊สำคัญกว่าเสี่ยวหมี่โต้ว แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วกับเสี่ยวโต้วหยานั้นสำคัญที่สุดในใจของแด๊ดดี้กับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วเข้าใจหมดแล้วครับ”
ในทันใดนั้น หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าเสี่ยวหมี่โต้วเติบโตขึ้นไม่น้อยเลย