เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1514 ตั้งชื่อสองแฝด
บทที่1514 ตั้งชื่อสองแฝด
“อืม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ลูกก็ให้พ่อแม่เลี้ยงแล้วกัน ยังมีเกี่ยวกับเรื่องการตั้งชื่อลูกอีก พวกเราทั้งสองคนตอนนี้ยังไม่ได้คิดชื่อกันเลย หานชิงเขาอยากถามความคิดของพ่อแม่น่ะ”
“ตั้งชื่อ?” หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางมองกัน จากนั้นก็หันไปมองหานชิงอีกที
“การตั้งชื่อเรื่องนี้ก็ให้พวกแกดูกันเองเถอะ” พ่อจางเอ่ยเสียงทุ้มต่ำออกมา “อันที่จริงการตั้งชื่อให้ลูกมันก็จะต้องอยู่กับลูกไปทั้งชีวิต นับว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว พวกเราสองสามีภรรยาช่วยพวกแกเลี้ยงลูกได้ แต่ไม่สามารถตั้งชื่อไปอย่างเผด็จการได้หรอกนะ”
“พ่อ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้ พวกเราแค่อยากให้พ่อกับแม่ร่วมกันปรึกษากันดูสักหน่อย”
หลัวหุ้ยเหม่ยพูดต่อออกมาทันที “แกเด็กคนนี้นี่ทำไมถึงไม่เข้าใจกันหา? ทำไมแกไม่ลองคิดดูว่าชื่อของแกทำไมถึงได้เรียกเป็นอย่างนี้? มันไม่ใช่เพราะฉันกับพ่อของแกตั้งชื่อไม่ค่อยเป็นกันหรือไง? ตอนนั้นตั้งมามั่วๆมาชื่อหนึ่ง ถ้าแกให้พวกเราตั้งชื่อให้ลูกทั้งสองคนของพวกแกล่ะก็ จะต้องเป็นเสี่ยวXเสี่ยวOอะไรพวกนั้นแน่”
ได้ยินอย่างนั้น มุมปากของเสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกออกมาเล็กน้อย
แต่ในเวลานี้เอง พ่อจางก็ได้กีดขวางหลัวหุ้ยเหม่ยไปด้วยความกระอักกระอ่วน
“อย่าพูดเสียเหมือนกับว่าพวกเราสองสามีภรรยาไม่มีความรู้อะไรอย่างนั้นสิ ถ้าเป็นชื่อล่ะก็นะ ให้พวกแกสองสามีภรรยาตั้งกันเองเถอะ”
ความจริงความรู้ของพ่อจางจะแย่ได้ยังไงกัน? ตอนนั้นเขาจบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเลยนะ เพียงแต่ความคิดของเขาไม่ได้อยู่ที่เรื่องตัวอักษรนี่เลย การตั้งชื่อก็เลยตั้งออกมาแบบง่ายๆไปโดยปริยาย
ถึงยังไงสำหรับเขาแล้ว ชื่อก็แค่โค้ตเนมอย่างหนึ่งเท่านั้น
ลูกสาวตัวเองอยากตั้งยังไงก็ตั้งอย่างนั้น แต่มาตอนนี้หลานทั้งสองคนนั้นไม่เหมือนกัน นี่เป็นลูกของหานชิงกับลูกสาวของเขา ก็ให้พวกเขาสองคนไปตั้งกันเองน่าจะดีกว่า
เสี่ยวเหยียนยังคิดอยากจะพูดอะไรออกไปอีกสักนิด ก็ได้ถูกหานชิงดึงมือเอาไว้อีกครั้ง
“ในเมื่อพ่อแม่พูดมาอย่างนี้แล้ว ชื่อก็ให้ฉันเป็นคนตั้งเองเถอะ”
ในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ เสี่ยวเหยียนนอนซุกอยู่ในอ้อมกอดของสามีตัวเอง ดึงเสื้อเขาไปพลางถามออกไปพลาง
“คุณคิดได้หรือยังว่าจะตั้งชื่ออะไรให้กับเด็กทั้งสองคน?”
“เรื่องตั้งชื่อ ให้เป็นหน้าที่เธอ”
“หืม?” เสี่ยวเหยียนพอได้ยินอย่างนั้น ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที ทั้งๆที่ตอนกินข้าวกัน ความต้องการของหานชิงก็คือเขาอยากตั้งชื่อลูกเองนี่นา ทำไมตอนนี้ถึงมาให้เธอตั้งอีก?
“ลูกๆเป็นเด็กที่เธอคลอดมาอย่างยากลำบาก แน่นอนว่าเธอตั้งเองมันเหมาะที่สุดแล้ว เธออยากเรียกพวกเขาว่ายังไงก็ได้ทั้งนั้น”
หานชิงหยิกจมูกเธอเบาๆ
หลังจากคลอดลูก วันที่สงบสุขที่สุดของทั้งสองวันนึงเลย
ที่ผ่านมาตอนที่เด็กทั้งสองคนนอนด้วยกันในห้อง ตอนที่ทั้งสองคนคุยกันก็ต้องพยายามพูดเบาๆกัน เพราะกลัวว่าจะเสียงดังรบกวนจนปลุกพวกเขาขึ้นมา
ตอนนี้เด็กทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้อยู่ในห้องด้วยแล้ว ดังนั้นแล้วตอนที่ทั้งสองคนคุยกันก็ไม่ต้องจงใจเบาเสียงลงแล้ว อีกทั้งรอบๆก็ยังเงียบสงบ มีเพียงพวกเขาทั้งสองคน
ความรู้สึกที่ไม่ได้เจอมานานพวกนั้นมันช่างน่าคิดถึงเลยจริงๆ
เสี่ยวเหยียนเตะขาของหานชิงเบาๆอยู่ในผ้าห่ม พูดเสียงเบาออกไป “นี่คุณไม่กลัวฉันแต่งมั่วๆเอาหรือไง ถึงตอนนั้นแล้วตั้งชื่อเด็กของตระกูลหานของพวกคุณไม่เพราะเอาหรอ?”
“ไม่เพราะก็ไม่เพราะสิ ใครใช้ให้พวกเขาเป็นลูกของพวกเราล่ะ?”
เสี่ยวเหยียนกะพริบตาปริบๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่เพิ่งคิดมาสดๆเลยนี่
ตอนที่เธอกำลังครุ่นคิดชื่ออย่างหนักอยู่นั้น หานชิงเองก็ไม่ได้พูดขึ้นมาทำลายความคิดของเธอ เดิมทีหานชิงนึกว่าวันนี้จะได้มาสองชื่อแล้วเสียอีก
นึกไม่ถึงว่าผ่านไปหลายนาที ในอ้อมกอดกลับมีเสียงลมหายใจที่ทั้งต่อเนื่องและสม่ำเสมอของหญิงสาวดังออกมาแทน
หานชิงก้มลงมองด้านล่าง อย่างที่คิด เสี่ยวเหยียนได้หลับไปแล้ว ตอนเธอหลับมือทั้งสองข้างก็ยังจับคอเสื้อเขาเอาไว้แน่น ท่าทางเหมือนกับไม่ได้มีความรู้สึกปลอดภัยอะไรเลย
เอ๊ะ คิดชื่อก็ยังคิดจนหลับไปได้ ตกลงเธอตั้งใจคิดจริงๆ หรือว่าไม่ได้ตั้งใจคิดเลย?
แต่การตั้งชื่อไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆเป็นค่อยๆไปก็ได้ หานชิงดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เธอให้ดีๆ จากนั้นก็โอบเธอเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเอง หลับตานอนหลับตามไป
รอจนตอนที่หานชิงตื่นขึ้นมาในวันที่สอง เสี่ยวเหยียนก็ได้กำลังนอนมองเขาอยู่ข้างๆตัวเขาอยู่ก่อนแล้ว
เห็นเขาลืมตา เธอรีบเอ่ยออกไปทันทีอย่างทนรอไม่ไหวอีกแล้ว “ฉันคิดชื่อออกแล้ว ลูกทั้งสองคนของเราชื่อว่าย่างเชินกับจื่อซีแล้วกัน คุณคิดว่าเป็นไง?”
ย่างเชินกับจื่อซี?
ฟังไปแล้วก็เหมือนจะไม่เลวเลยทีเดียว
“มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?” หานชิงได้ยอมรับสองชื่อนี้ไปเรียบร้อยแล้ว จึงพลั้งปากถามออกไปคำนึงอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
อันที่จริงเขาคิดว่าอยากจะตั้งชื่อสองชื่อก็ควรจะต้องมีเหตุผลที่พิเศษหน่อย
ไหนเลยจะรู้ว่าสีหน้าของหญิงสาวจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย จู๋ปากพร้อมเอ่ยออกมา “ถ้าฉันบอกว่าฉันก็แค่คิดว่าชื่อนี้ฟังดูแล้วมันรื่นปากดีเท่านั้นเอง ก็เลยตั้งแบบนี้ คุณจะว่าฉันคิดตื้นๆเกินไปหรือเปล่า?”
ได้ยินอย่างนั้น ริมฝีปากของหานชิงก็ยกยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไม่หรอก ฉันบอกให้เธอตั้ง เธออยากตั้งยังไงก็ตั้งเลย ย่างเชินกับจื่อซี ก็เพราะแล้ว”
“งั้นก็ตกลงตามนี้?”
“อืม หานย่างเชิน หานจื่อซี ฟังดูแล้วไม่เลวเลย”
“ดี งั้นชื่อก็คอนเฟิร์มแล้ว เดี๋ยวฉันจะบอกพ่อกับแม่แล้วกัน”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ได้เอาชื่อทั้งสองนี่บอกกับสองสามีภรรยาจางไป สองสามีภรรยาจางหลังจากที่ได้ยินแล้วก็ไม่ได้มีข้อกังขาอะไร ชื่อก็เลยได้ตกลงกันตามนี้
ตอนที่หานชิงไปช่วยเด็กทั้งสองคนดำเนินการเรื่องทะเบียนบ้านนั้น เห็นในสมุดทะเบียนบ้านของตระกูลหาน หลังจากที่เปิดดูชื่อตัวเองถัดมาก็เป็นเสี่ยวเหยียน ต่อมาอีกก็เป็นชื่อของเด็กทั้งสองคน
ในใจก็เหมือนกับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อบอุ่นขึ้นมา หัวใจก็ลุกโชนตามขึ้นมา
ต่อจากนี้เขาไม่ต้องอยู่เหงาๆเพียงลำพังอีกแล้ว นอกจากน้องสาว เขาก็มีครอบครัวของตัวเองแล้ว มีคนในครอบครัวสามคนที่รักที่สุด
หลังจากที่ตกลงเรื่องชื่อกันได้เรียบร้อยแล้ว ปกติแล้วตอนที่เสี่ยวเหยียนเล่นกับพวกเขาก็จะเรียกชื่อออกมา
คนโตชื่อหานย่างเชิน เสี่ยวเหยียนเรียกเขาว่าเสี่ยวย่างย่าง คนน้องอย่างหานจื่อซี ก็เรียกว่าเสี่ยวซีซี
ตะโกนเรียกเสี่ยวย่างย่าง เสี่ยวซีซี อยู่นั่นทั้งวัน
จวบจนหลังจากที่ทางนี้ลงตัวแล้ว เสี่ยวเหยียนก็นึกถึงเซียวซู่ที่พาเธอไปส่งโรงพยาบาลวันนั้นขึ้นมาได้
ตอนนั้นเรื่องมันเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป เธอในตอนนั้นไม่ได้พูดอะไรกับเซียวซู่เลยสักคำ จวบจนตอนนี้ที่เรื่องมันคลี่คลายลงแล้ว เธอนึกย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องวันนั้น ก็คิดว่าตัวเองนี่มันเกินไปจริงๆเลย
ดังนั้นแล้วเสี่ยวเหยียนก็เลยซื้อของขวัญมาชุดหนึ่ง แล้วไปที่บ้านของเซียวซู่
เธอกับเสี่ยวไป๋ก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋ไปเปิดประตูแล้วเจอว่าคนที่มานั้นเป็นเสี่ยวเหยียนนั้น ก็มีความสุขอย่างมาก
“ทำไมจู่ๆถึงมาล่ะ? แล้วก็ไม่ส่งข้อความมาบอกฉันก่อน”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เชิญเธอเข้ามา เตรียมจะเข้าไปปิดประตู เสี่ยวเหยียนก็รีบขวางเธอเอาไว้ “ฉันจัดการเอง ตอนนี้ท้องเธอโตมากแล้วทำอะไรไม่ค่อยสะดวกนัก”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ปิดประตูให้เจียงเสี่ยวไป๋ จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าตามเธอเข้าบ้านไปด้วยกัน
“เธอคงใกล้คลอดแล้วสินะ?”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “อืม กำหนดคลอดใกล้เข้ามาแล้ว แต่กำหนดคลอดก็เป็นแค่วันที่ประมาณเอาไว้ จะคลอดก่อนหรือไม่ หรือว่าจะเลื่อนออกไปอีกก็ยังไม่แน่ ตอนนี้ทุกวันก็อยู่แต่บ้าน วันนี้เธอมาแล้วไม่งั้นก็ออกไปเดินเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนฉันหน่อยเป็นไง?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนก็มองท้องโตๆของเธอด้วยความกังวล ปฏิเสธออกไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก “ฉันว่าช่างมันไปก่อนดีกว่านะ? ตอนนี้เธอแบกท้องโตๆออกไปเดินเล่นข้างนอก เดินนานๆก็จะเหนื่อย ไม่สู้อยู่บ้านอย่างสบายใจไม่ดีกว่าหรอ รอหลังจากที่เธอคลอดแล้วค่อยไปกันเถอะ”