เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1527 แยกกัน
บทที่1527 แยกกัน
บาดเจ็บสาหัสอย่างนั้นเหรอ
จริงด้วย ทำไมเขาคิดไม่ได้นะ
ถ้าเขาใกล้ตาย เสี่ยวไป๋จะทำใจทิ้งเขาไปได้อย่างไรกัน
แต่ว่า…
เซียวซู่ส่งข้อความไปหาเย่โม่เซินอีกครั้ง
“แบบนี้มันจะไม่ทำเกินไปใช่ไหมครับ”
“ทำเกินไปอะไรกัน ระหว่างคู่สามีภรรยา นี่เขาเรียกว่าการหยอกล้ออย่างรักใคร่ต่างหากล่ะ”
เย่โม่เซินที่เพิ่งพิมพ์ข้อความเสร็จ พอดีกับที่หานมู่จื่อเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ทำให้เขารีบเก็บโทรศัพท์อย่างร้อนรน
ตอนที่หานมู่จื่อเดินออกมาแล้วเห็นท่าทางของที่กำลังพยายามซ่อนโทรศัพท์ ทำให้เธอหรี่ตามอง “คุณทำอะไรของคุณอยู่คะ ท่าทางน่าสงสัยมาก”
แน่นอนว่าเย่ไม่เซินไม่มีทางยอมให้หานมู่จื่อเห็นข้อความที่พวกเขาคุยกันแน่ๆ เขาจึงรีบแบบมือ “ไม่ได้ทำอะไรครับ คุณหิวหรือยัง จะให้พวกเธอเตรียมอาหารเที่ยงเลยไหม”
ท่าทางยังผิดปกติถึงขนาดนี้ อีกทั้งยังพยายามเปลี่ยนหัวข้อด้วย
หานมู่จื่อหรี่ตามองหน้าเขานิ่ง “ฉันไม่หิวค่ะ คุณเอาโทรศัพท์ออกมาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
“เอ่อ”
“เอามาค่ะ”หานมู่จื่อแบมือไปทางเขา
“ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะครับ แค่โทรศัพท์เอง มีอะไรน่าดูกัน
“เย่โม่เซิน คุณจะมีความลับกับฉันใช่ไหมคะ โทรศัพท์ของคุณมีอะไรที่ฉันดูไม่ได้ใช่ไหม งั้นก็ได้ค่ะ ฉันเปลี่ยนคำถามใหม่ นอกจากฉันแล้ว คุณยังมีผู้หญิงคนอื่นอีกใช่ไหม”
คำถามหลังทำให้เย่โม่เซินขมวดคิ้วแน่น ข้อหานี้เขาไม่ยอมรับเด็ดขาด ดังนั้นเขาจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะครับ นอกจากคุณแล้วผมไม่มีทางสนใจผู้หญิงคนอื่นแน่นอน อย่าว่าแต่สนใจเลย แค่มองผมยังไม่มองเลยด้วยซ้ำ”พอพูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์ยื่นให้หานมู่จื่ออย่างว่าง่าย
“เซียวซู่ส่งข้อความมาครับ ผมกำลังแนะนำแผนการดีๆให้เขาอยู่”
พอต้องเผชิญหน้ากับการคาดคั้นความจริงของหานมู่จื่อ เย่โม่เซินเริ่มร้อนตัวกลัวว่าตนเองจะทำให้หญิงสาวของตนต้องร้องไห้
“เซียวซู่เหรอคะ”หานมู่จื่อรู้รหัสปลดล็อคหน้าจอของเขา เพราะเป็นวันเกิดของเธอเอง ดังนั้นเธอจึงกดวันเกิดของเธอ แล้วถามไปด้วย “อย่างคุณจะคิดวิธีอะไรให้เขาได้คะ ช่วงนี้เขาลาหยุดไปไม่ใช่เหรอ ฉันได้ข่าวว่าภรรยาของเขาคลอดลูกแล้ว เรายังไม่ได้ไปเยี่ยมเลย ถ้ามีโอกาส…”
พอพูดถึงตรงนี้ เสียงของหานมู่จื่อก็หยุดไป เพราะเธอเห็นข้อความที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่ เย่โม่เซินไม่รู้ว่าหานมู่จื่อจะโกรธเขาหรือเปล่า จึงนั่งคอหดรู้สึกผิดอยู่ด้านข้าง
ผ่านไปสักพัก หานมู่จื่อก็เงยหน้าขึ้นมามองเขา
“คุณเสนอวิธีบ้าอะไรของคุณคะ อะไรคือบาดเจ็บสาหัสคะ นี่มันเป็นวิธีที่คนธรรมดาเขาจะทำกันเหรอคะ”
“อะแฮ่ม ผมก็แค่พูดเล่นครับ เซียวซู่ไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก”
หานมู่จื่อถามกลับ “ภรรยาของเขาเพิ่งคลอด ทำไมทั้งสองถึงได้ทะเลาะกันได้คะ ไม่ได้การแล้ว คุณออกความเห็นบ้าอะไรของคุณ ถ้าเขาทำขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงคะ ฉันต้องโทรไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่นาน หานมู่จื่อก็กดโทรหาเซียวซู่ทันที
เซียวซู่ที่นั่งรอข้อความตอบกลับของเย่โม่เซิน นึกว่าเย่โม่เซินจะไม่สนใจเขาแล้ว แค่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโทรมาหาเขาเลย เขารีบกดรับสายทันที
“คุณชายเย่ครับ แผนบาดเจ็บสาหัสนี่คือยังไงครับ หรือต้องให้ผมสร้างเหตุการณ์ว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน หรือว่า…”
“เซียวซู่”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกหานมู่จื่อขัดขึ้นมาซะก่อน
พอได้ยินเสียงฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่เสียงของเย่โม่เซิน แต่กลับเป็นเสียงผู้หญิงที่คุ้นหู เซียวซู่จึงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะได้สติกลับมา
“คุณนายน้อยเหรอครับ”
“คุณอย่าไปฟังวิธีบ้าๆของเจ้านายคุณนะคะ แผนบาดเจ็บสาหัสคุณอย่าคิดจะทำเด็ดขาดเลย พวกคุณยังคิดจะสร้างสถานการณ์เกิดอุบัติเหตุอีก เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลยนะคะ อย่าเอาชีวิตไปล้อเล่นแบบนั้น”
พอถูกหานมู่จื่อต่อว่าอย่างหนัก เซียวซู่จึงได้แต่ต้องบอกเล่าเรื่องราวให้อีกฝ่ายได้ฟัง
“คุณนายน้อยครับ เรื่องมันไม่ใช่อย่างนี่คุณนายน้อยคิดนะครับ ผมแค่จะแสดงละคร ไม่ได้จะล้อเล่นกับชีวิตของตัวเองจริงๆนะครับ”
เขาเพิ่งจะได้เป็นพ่อคน ยังมีคนที่เขาต้องปกป้องอยู่ เขาจะเอาชีวิตของตัวเองไปล้อเล่นได้ยังไงกัน
“ถึงแม้จะแสดงละครก็ไม่ได้ค่ะ ถ้าหากเกิดอุบัติเหตุจริงๆขึ้นมากลางคันจะทำยังไง”
“ไม่เกิดอุบัติเหตุแน่นอนครับ”
“ถ้าอุบัติเหตุมันจะเกิดขึ้นตามที่คุณคาดหวัง มันก็คงไม่เรียกว่าอุบัติเหตุค่ะ ถึงอย่างไรก็ตาม คุณห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาด คุณกับเสี่ยวไป๋ทะเลาะกันใช่ไหมคะ วิธีแก้ไขมีหลายวิธีค่ะ ห้ามคุณเอาชีวิตไปล้อเล่นแบบนี้”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็ถลึงตาใส่เย่โม่เซินอย่างคาดโทษ ก่อนจะยื่นมือไปหยิกแขนของเขา “เพราะคุณคนเดียวเลย”
เย่โม่เซินรู้สึกเจ็บมาก แต่ก็ยอมทนอย่างจนใจ และยอมรับความผิดกับเธอว่าตนเองผิดไปแล้ว
“เอาอย่างนี้นะคะ คุณลองเล่ามาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณสองคน ฉันจะช่วยคุณคิดหาวิธีแก้ไขให้”
คุณนายน้อยจะช่วยเขาคิดหาวิธีแก้ไขจริงๆเหรอ
ถ้าเป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากกว่าสินะ
แต่เรื่องที่เขาจะพูด เกี่ยวข้องกับเสี่ยวเหยียนด้วย ถ้าพูดออกไปตรงๆมันจะไม่มีปัญหาใช่ไหม เซียวซู่เริ่มลังเลใจ
หานมู่จื่อรู้สึกได้ว่าเซียวซู่กำลังลังเล เธอจึงพูดขึ้นมา “หรือว่าคุณคิดจะทำตามที่คุณชายของคุณบอก เอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยง ฉันเข้าใจว่าคุณตั้งใจจะใช้แผนสงสาร แต่วิธีแก้มันมีอยู่อีกหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้หรอกนะคะ”
สามารถพูดได้ว่าเขาได้รับการสั่งสอนจากหานมู่จื่อไปด้วย สุดท้ายเซียวซู่จึงยอมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ให้หานมู่จื่อฟังอย่างละเอียด เพราะหานมู่จื่อพยายามจะช่วยเซียวซู่คิดหาวิธีแก้ไข เธอจึงไม่สนใจเย่โม่เซินที่นั่งอยู่ข้างๆเลย อีกทั้งยังลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหยุดตรงข้างหน้าต่าง ฟังเรื่องราวที่เซียวซู่บอกเล่าอย่างตั้งใจ
หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบ หานมู่จื่อก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่พอใจในตัวเซียวซู่ไม่ได้ “เรื่องนี้เป็นตัวคุณที่จัดการเรื่องราวได้ไม่รอบคอบจริงๆค่ะ”
พอได้ยินหานมู่จื่อพูดแบบนี้ เซียวซู่ก็เหมือนโลกจะแตกสลายไปเลย
“ผมรู้ครับว่าตัวเองทำผิดไป แต่ตอนนั้นสถานการณ์มันฉุกเฉินมาก ผม…”
เขาจะพูดอะไรได้อีก ในสถานการณ์นั้นเขาไม่มีข้อแก้ตัวเลยแม้แต่น้อย ส่วนหานมู่จื่อได้ทำการคิดในส่วนความรู้สึกของเจียงเสี่ยวไป๋ที่รู้ว่าตัวเองถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แล้วยิ่งมาได้รู้ว่าสาเหตุที่ตนเองถูกทิ้งไว้เป็นเพราะผู้หญิงที่สามีเคยแอบรักด้วยแล้ว
ในตอนนี้ ไม่ว่าผู้ชายคนนี้จะยังรักหรือไม่รักผู้หญิงคนนั้นแล้ว ทุกอย่างก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะทุกอย่างมันถูกแทนที่ด้วยความคิดอื่นไปหมดแล้ว
นั่นก็คือ ระหว่างเสี่ยวเหยียนกับตนเองเขาเลือกอย่างแรก สำหรับชีวิตรักแล้ว นี่เป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก
ไม่ใช่เพราะความหึงหวง เอาแต่ใจ แต่คนส่วนใหญ่ก็มักจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มันก็เหมือนรอยแผลเป็น ที่คุณไม่สามารถที่จะมองข้ามการมีอยู่ของมันไปได้
นอกจากว่าคุณจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่มันจะยื้อไว้ได้นานสักแค่ไหนกัน ตลอดชีวิตเลยอย่างนั้นเหรอ
“เซียวซู่ เรื่องนี้ดำเนินมาจนถึงจุดนี้ ตามความคิดของฉันนะคะ ถ้าหากเย่โม่เซินทำกับฉันแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะทำยังไง ฉันก็คงจะไม่ยกโทษให้เขาเด็ดขาด และแผนเจ็บตัวเพื่อเรียกร้องความสงสารที่พวกคุณคุยกัน ถึงแม้คุณจะทำสำเร็จ สามารถรั้งเธอไว้ได้ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้แก้ไข เพราะความสัมพันธ์ของพวกคุณเกิดรอยร้าวไปแล้ว”
“คุณนายน้อย หมายความว่ายังไงครับ”
“ที่จริงแล้ววิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือแยกจากกันสักพัก ให้พวกคุณทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงค่ะ ในตอนนั้นสถานการณ์มันคับขันมากก็จริง แต่การที่คุณทอดทิ้งเธอแล้วพาเสี่ยวเหยียนไปที่โรงพยาบาลเป็นความจริงที่คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือแยกกันสักพักค่ะ”