เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1581 เจ็บมาก
บทที่1581 เจ็บมาก
“พอแล้ว รีบกินข้าวเถอะ”
ถางหยวนหยวนตอนแรกยังไม่อยากกิน แต่พออาหารวางไว้ตรงหน้าเธอ เธอก็เริ่มอยากกินขึ้นมา ไม่ทันไรเธอก็กินไปเยอะมากแล้ว
หลังจากที่เธอกินจนหมดแล้ว ถางหยวนหยวนถึงรู้ตัวว่าตัวเองกินไปเยอะมาก
“ไหนว่าไม่อยากกินไงล่ะ?” จงฉู่เฟิงมองเธอด้วยสายตาเยาะเย้ย
ได้ยินแล้ว ถางหยวนหยวนหน้าแดงทันที “ใครใช้ให้พี่ฉู่เฟิงสั่งมาเยอะขนาดนี้ล่ะ?”
“อ้อ ฉันสั่งมาเยอะก็ไม่ได้ใช้ให้เธอกินจนหมดนี่?”
ถางหยวนหยวนโดนเขาว่าจนร้อนตัว เธอเบะปากไม่ยอมพูดอะไรอีก
“พอแล้วๆ ฉันล้อเธอเล่นเอง เธอก็ไม่ได้กินเยอะนี่ เช็ดปากให้สะอาดเถอะ”
เขาหยิบทิชชูให้ถางหยวนหยวน
ถางหยวนหยวนทำเสียงฮึ ไม่ยอมรับกระดาษทิชชูมา
“ฉันไม่อยากสนใจพี่ฉู่เฟิงแล้ว”
จงฉู่เฟิงหัวเราะ กำลังจะพูดอะไร โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู รอยยิ้มก็หายไปทันที เขากดรับโทรศัพท์
“พี่ซูตื่นแล้ว?”
“ห้องไหน?”
เสียงของยู่ฉือยี่ซูหอบเล็กน้อย เหมือนวิ่งมาอย่างนั้น
พอจงฉู่เฟิงบอกเลขห้องไปแล้ว ทางนั้นก็รีบวางสายทันที จงฉู่เฟิงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าและพูดกับถางหยวนหยวนว่า: “พี่ชายเธอตื่นแล้ว ตอนนี้คงอยู่ในโรงพยาบาลอยู่”
“พี่ชายฉันมาแล้วเหรอ?”
“อืม”
จงฉู่เฟิงเก็บของที่กินหมดแล้ว และพูดปลอบใจเธอว่า: “ก่อนหน้านี้ฉันบอกยังไงกับเธอ พี่ชายเธอไม่ได้ไม่สนใจเธอหรอก?”
“อืม”
พอรู้ว่ายู่ฉือยี่ซูจะมาโรงพยาบาล ถางหยวนหยวนก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก ก่อนหน้านี้ยังตื่นเต้นอยู่เลย ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว
ไม่นาน นอกห้องก็มีคนหนึ่งปรากฏขึ้น
ยู่ฉือยี่ซูหายใจหอบ มองดูถางหยวนหยวนนั่งอยู่ตรงนั้นโดยปลอดภัย ก็ถึงได้โล่งอก
สักพักเขาเดินเข้ามา จงฉู่เฟิงถือของยืนขึ้นพอดี: “มาแล้วเหรอ? งั้นนายอยู่ที่นี่ก่อน ฉันไปทิ้งขยะพวกนี้ก่อนแล้วกัน”
จงฉู่เฟิงออกไปแล้ว ในห้องก็เหลือแค่สามคน
เมิ่งเข่อเฟยยังสลบอยู่
ยู่ฉือยี่ซูหายใจหอบเดินมานั่งตรงหน้าถางหยวนหยวน และยิ้มให้กับเธออย่างเอ็นดู: “กินอิ่มแล้วเหรอ?”
“พี่”
ถางหยวนหยวนพยักหน้า “อิ่มแล้ว พี่ฉู่เฟิงสั่งของมาเยอะเลย เป็นของที่ฉันชอบกินทั้งนั้น ตอนนี้อิ่มมากเลย”
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ยู่ฉือยี่ซูนึกอะไรขึ้นมาได้ และสำรวจดูร่างกายเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แน่ใจว่าบนตัวถางหยวนหยวนไม่มีบาดแผลแล้ว ก็ถึงได้โล่งอก
“ฉันไม่เป็นไร คนที่บาดเจ็บน่ะคือเฟยเฟย”
ถางหยวนหยวนชี้ห้องที่เมิ่งเข่อเฟยนอนอยู่ “ตัวเธอมีบาดแผลเยอะมากเลย”
“บาดแผล?” เพราะยังไงก็เป็นน้องที่เคยไปนอนบ้านเขา และเป็นเพื่อนของหยวนหยวนด้วย ดังนั้นยู่ฉือยี่ซูก็เป็นห่วงเมิ่งเข่อเฟยอยู่บ้าง “เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันไม่รู้” ถางหยวนหยวนบอกเรื่องช่วงหลายวันนี้กับยู่ฉือยี่ซู พูดจบแล้วก็ดวงตาแดงก่ำ: “ตั้งแต่เมื่อกี้จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย ไม่รู้ว่าจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
“ไม่เป็นไรนะ” ยู่ฉือยี่ซูยื่นมือลูบหัวถางหยวนหยวนเบาๆ “ในเมื่อหมอบอกว่ายังต้องรอตรวจสอบอีกที งั้นก็ตรวจสอบอีกที เธอรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ กลางคืนจะเฝ้าตรงนี้เหรอ?”
“อืม”
“ได้ เดี๋ยวพี่นั่งรอกับเธอด้วย”
ถางหยวนหยวนดึงเสื้อยู่ฉือยี่ซูแน่น ลุกขึ้นนั่งข้างเขา ดูจะพึ่งพิงเขามากกว่าปกติ ต่อมานั่งอยู่ก็รู้สึกง่วงขึ้นมา ยู่ฉือยี่ซูก็ถอดเสื้อนอกคลุมตัวเธอไว้: “ถ้าง่วงก็พิงไหล่ฉันนอนก่อนเลย เดี๋ยวเพื่อนเธอตื่นแล้วฉันจะเรียกเธอเอง”
“ขอบคุณค่ะพี่”
จงฉู่เฟิงที่จริงกลับมานานแล้ว เขายืนด้านนอกมองถางหยวนหยวนท่าทางที่พึ่งพิงยู่ฉือยี่ซู รู้สึกปวดใจอย่างมาก แต่ไม่นานเขาก็ปลอบใจตัวเอง
ทั้งสองดีกันยังไง ความสัมพันธ์ก็เป็นได้แค่พี่น้อง ไม่ใช่อย่างอื่นสักหน่อย เป็นแค่พี่น้องเท่านั้น ความสัมพันธ์ดีก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่าแปลก
แต่ว่าเวลานี้เขารู้สึกตัวเองเป็นส่วนเกิน ไม่มีหน้าจะเข้าไปในห้อง
จนกระทั่งเมิ่งเข่อเฟยฟื้นขึ้นมา ถางหยวนหยวนพุ่งไปหน้าเตียง จงฉู่เฟิงทำใจเสร็จก็เข้าห้องไป
เมิ่งเข่อเฟยตื่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกปวดท้องอย่างมาก ภาพตรงหน้าขาวไปหมดทำให้เธอมึน ต่อมาก็เห็นถางหยวนหยวนและยู่ฉือยี่ซู จงฉู่เฟิงสามคน เธอก็ถึงได้สติขึ้นมา
ดูแล้ว เรื่องที่เธอปิดบังไว้ตั้งนาน ยังไงก็ปิดไว้ไม่อยู่สินะ
“เฟยเฟย เธอตื่นสักทีนะ”
ถางหยวนหยวนจับมือเมิ่งเข่อเฟยไว้หมับ ดูเป็นห่วงเธออย่างมาก
“หมอบอกว่าถ้าเธอตื่นแล้วรีบบอกเขา ตอนนี้ฉันไปบอกหมอก่อนนะ” จงฉู่เฟิงรีบกลับหลังหันออกไป
เห็นดวงตาของถางหยวนหยวนบวมเป่ง เมิ่งเข่อเฟยก็รู้ว่าเธอต้องร้องไห้เพราะตัวเองแน่ และเธอก็ยังเป็นห่วงมากอีกด้วย ริมฝีปากซีดขาวฝืนยิ้มออกมา
“อย่าร้องไห้เลย ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง? หมอบอกว่าตัวเธอมีแผลหมด เฟยเฟย เรื่องเป็นยังไงกันแน่ แผลบนตัวเธอมาจากไหนกัน ทำไมถึงปิดบังฉันล่ะ?”
ตอนที่เธอพูด ยู่ฉือยี่ซูคอยอยู่ข้างๆเงียบๆ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง เห็นเมิ่งเข่อเฟยเหมือนจะยังไม่อยากพูด ก็พูดแทนถางหยวนหยวนว่า: “ยังไงก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว เธอคิดว่าตอนนี้ยังปิดบังได้อีกเหรอ?”
คำพูดเดียว ก็ทำเอาเมิ่งเข่อเฟยตื่นขึ้นมาทันที
นั่นสิ เธอปิดบังตั้งนาน สุดท้ายก็ทนต่อไปไม่ไหว ถูกส่งมาตรวจสอบที่โรงพยาบาล ทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยแล้ว
แต่พอนึกถึงพ่อแม่ตัวเอง เมิ่งเข่อเฟยก็พูดไปอย่างไม่สนใจว่า: “ที่จริงถูกพวกนักเลงรุมหน้าโรงเรียนวันก่อนน่ะ”
“นักเลง?”
“อืม พวกเขาแย่งกระเป๋าฉันไป ฉันไม่ยอม ก็เลยถูกตี” น้ำเสียงของเมิ่งเข่อเฟยเรียบง่ายจนไม่เหมือนว่าพูดเรื่องตัวเองเลย
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปากบางทำตัวเงียบๆเข้าไว้ ถางหยวนหยวนกลับเชื่อคำพูดของเธอ โมโหแทนเธออย่างใสซื่อ: “ทำไมถึงมีคนแบบนี้กัน? ทำไมเธอไม่บอกครูหรือแจ้งความล่ะ อีกอย่างบาดเจ็บแล้วทำไมไม่มาโรงพยาบาลล่ะ”
“ตอนแรกฉันคิดว่าเรื่องไม่ใหญ่มาก ก็แค่ถูกตีไม่กี่ครั้ง เจ็บนิดเดียว คิดว่านอนไม่กี่วันก็หาย ไม่คิดว่า……ขอโทษนะหยวนหยวน ที่ทำให้เธอเป็นห่วง”
พูดจบ เมิ่งเข่อเฟยก็หัวเราะ จับมือถางหยวนหยวน: “เธออย่างร้องไห้เลย ฉันรู้ตัวเองดี นี่ก็ตื่นขึ้นมาแล้วไงล่ะ?”
และจงฉู่เฟิงก็พาหมอมาอย่างเร็ว หมอเข้ามาพูดคำแรกเลยคือ
“ฉันเห็นท้องเธอมีแผล ยังเจ็บท้องอยู่ไหม?”
เมิ่งเข่อเฟยกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วง ก็ส่ายหน้า
ใครจะรู้ว่าหมอกลับทำสีหน้าเข้มงวด: “หนู นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะไม่สนใจได้นะ เข้ามาในโรงพยาบาลแล้ว เจ็บหรือไม่เจ็บบอกความจริงมา ไม่งั้นต่อไปจะเป็นอุปสรรคต่อการรักษาได้ นี่จะโทษโรงพยาบาลหรือโทษเธอคนเดียวล่ะ?”
เป็นเพราะน้ำเสียงของหมอดูจริงจังแล้วเข้มงวดอย่างมาก เธออึ้งอยู่นานและพยักหน้ายอมรับ: “เจ็บ เจ็บมากเลยค่ะ”