เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1594 เด็กปากแข็ง
บทที่1594 เด็กปากแข็ง
หลังจากที่เจอกับผู้หญิงที่ชอบพี่ชายแล้ว สภาพจิตใจของถางหยวนหยวนก็เกิดการเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เธอจ้องมองรูปภาพอยู่นาน จนเริ่มสะลึมสะลือ แล้วมองไม่ชัดอีก
หลังจากนั้นเธอก็กลัวว่าจะถูกคนอื่นมองออก นี่มันช่วงปีใหม่นะ ที่พี่ชายพาเธอมาเที่ยวที่หมู่บ้านหิมะก็เพื่อให้เธอสนุก เธอจะทำให้พี่ชายไม่สนุกไม่ได้ถึงจะถูก
พอคิดถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนจึงรีบเช็ดน้ำตาบนหน้าทิ้งด้วยหลังมือ
ไม่ร้อง เธอจะร้องไห้ไม่ได้
ตอนนี้อยู่ในช่วงปีใหม่ ถ้าเธอจะร้องไห้ตอนนี้ การท่องเที่ยวในครั้งนี้เธอจะต้องทำให้พี่ชายกับพี่ฉู่เฟิงไม่สนุกไม่ได้ ดังนั้นเธอจะต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้
อานเชี่ยนคนนั้น ยังไงก็เพิ่งรู้จักกัน คำพูดของเธอจะสำคัญอะไร
ถางหยวนหยวนปลอบใจตัวเองในใจ ว่าไม่มีอะไร แต่สักพักจงฉู่เฟิงก็เดินมาเคาะประตูห้องเธอ
“น้องอ้วน”
พอได้ยินเสียงของจงฉู่เฟิงถางหยวนหยวนก็สะดุ้งตกใจ ก่อนจะหลบอยู่ในผ้าห่ม
“หยวนหยวน น้องอยู่ข้างในไหม พี่ได้ฟังอานเชี่ยนพูดแล้ว ว่าน้องไม่อยากนอนห้องเดียวกับเธอ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
เพราะก่อนหน้านี้ก็ตกลงกันดีแล้ว แต่กลับไม่ยินยอมกะทันหัน สิ่งที่จงฉู่เฟิงคิดได้เป็นสิ่งแรกคือถางหยวนหยวนต้องถูกรังแกแน่นอน
ไม่อย่างนั้นเธอที่เป็นคนนิสัยอ่อนโยน จะไล่ใครออกจากห้องได้ยังไงกัน
ถางหยวนหยวนไม่ตอบกลับ เพราะกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรออกไป อานเชี่ยนจึงแอบพูดอยู่ด้านข้าง “จงฉู่เฟิง พี่อย่าพูดเสียงดังจะได้ไหม พี่จะตะโกนให้พี่ชายของเธอออกมาเลยหรือไงกัน ฉันบอกแล้วไง เธอเอาขนมมาด้วยมากเกินไป ฉันก็เลยทะเลาะกับเธอเฉยๆ
พอทะเลาะกัน ฉันก็เลยอยากนอนคนเดียว เธอคงจะกลัวว่าฉันจะแย่งขนมของเธอกิน พี่ก็แค่ยกห้องของพี่ให้ฉันนอนก็พอแล้วนี่นา”
“เธอบอกให้พี่ยกให้พี่ก็ต้องยกให้หรือไงกัน” จงฉู่เฟิงมองเธออย่างคาดโทษ “เธอไปพูดอะไรหยวนหยวนหรือเปล่า”
พอได้ยินแบบนั้น อานเชี่ยนก็เริ่มร้อนตัว “ฉันจะพูดอะไรได้ล่ะ”
“เธอคงไม่ได้พูดเรื่องในสมัยก่อน…” จงฉู่เฟิงหยุดพูด เขาไม่กล้าคาดเดาไปเอง
“ฉันไม่ได้พูดนะ” อานเชี่ยนพูดโต้แย้ง “ฉันจะกล้าพูดเรื่อยเปื่อยได้ยังไงกัน ถ้าพูดก็หมายถึงต้องทิ้งจุดอ่อนของพี่ไปเลยน่ะสิ ฉันจะต้องใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ให้ได้มากที่สุด”
พอได้ยินคำพูดนี้ จงฉู่เฟิงก็แทบอยากจะตีเธอสักครั้ง เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึก แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วเธอไปพูดอะไร บอกความจริงมา ไม่อย่างนั้นพี่จะไปเรียกพี่ชายของหยวนหยวนมาเดี๋ยวนี้”
อานเชี่ยนนิ่งคิด เธอรู้สึกว่าจะบอกจงฉู่เฟิงไปก็ไม่น่าจะมีปัญหา ถ้าเขาจัดการเรื่องนี้ได้ จะได้ไม่ให้ยู่ฉือยี่ซูรู้เรื่องนี้
หลังจากคิดถึงตรงนี้ อานเชี่ยนจึงเบ้ปากแล้วพูด “ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรนี่นา ฉันก็แค่พูดว่าเธอเอาขนมมาเยอะเกินไป ก็เลยบอกให้เธอกินน้อยลงหน่อยก็เท่านั้นเอง”
“แค่นี้แน่นะ”
อานเชี่ยนยักไหล่ “ก็แค่นี้แหละ แต่เธอก็ใส่อารมณ์กับฉัน แล้วยังบอกว่าการท่องเที่ยวในครั้งนี้พี่ชายของเธอเป็นคนออกเงิน รถก็เป็นรถของบ้านพี่ชายเธอ ห้องพักพี่ชายเธอก็เป็นคนจอง ไม่ให้ฉันนอนด้วยก็คือไม่ให้ฉันนอนด้วย”
“อานเชี่ยน พี่รู้นิสัยของเธอดี นิสัยของหยวนหยวนพี่ก็รู้ดีเหมือนกัน ถ้าหากเธอแค่บอกให้หยวนหยวนกินน้อยลงหน่อย เธอไม่มีทางโกรธแบบนี้ กลับกันเธอจะต้องดีใจมากแน่ๆ เธอจะต้องพูดอะไรเยาะเย้ยหรือว่าไม่น่าฟังกับเธอแน่ๆ”
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน” อานเชี่ยนยังคงเถียงกลับ “ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบเธอ แต่ก็ไม่มีกฎบังคับให้ฉันชอบเธอ ฉันก็เป็นคนพูดแบบนี้ จะให้ฉันพูดเอาใจเธอทุกอย่างเลยหรือไง”
“ยัยเด็กปากแข็ง” จงฉู่เฟิงตัดสินใจจะไม่ทะเลาะกับเธออีก เอาความสนใจทั้งหมดวางไว้ที่ถางหยวนหยวนถึงจะถูกต้อง
พอคิดถึงตรงนี้ จงฉู่เฟิงจึงพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน “เธอไปรอที่ห้องพี่ก่อน พี่จะคุยกับหยวนหยวนเอง”
“เชอะ” อานเชี่ยนหันหลังแล้วเดินจากไปทันที
หลังจากที่อานเชี่ยนเดินจากไป จงฉู่เฟิงก็เคาะประตูอีกครั้ง “หยวนหยวน อานเชี่ยนไปที่ห้องแล้ว พี่ขอเข้าไปได้ไหม”
ถางหยวนหยวนไม่สนใจเขา สาเหตุสำคัญเป็นเพราะตอนนี้เธอพูดไม่ออก ถ้าพูดอีกฝ่ายจะต้องฟังออกแน่นอนว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ หวังว่าพี่ฉู่เฟิงจะไม่ได้ยินเสียงเธอตอบกลับ แล้วจากไปเอง
ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ดีน่ะสิ
แต่จงฉู่เฟิงไม่ตายใจง่ายๆแน่นอน อีกอย่างหลังจากที่รู้ว่าถางหยวนหยวนกำลังโกรธอยู่ เขาจึงยิ่งไม่กล้าจากไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องแก้ไขปัญหานี้ก่อนถึงจะถูก
เขายังคงเคาะประตูอีกสักพัก แต่ก็ยังไม่ได้รับเสียงตอบจากถางหยวนหยวน จึงรีบเปลี่ยนน้ำเสียงที่ใช้พูดทันที
“ในเมื่อน้องไม่ยอมตอบ งั้นก็ถือว่าอนุญาตแล้วพี่จะเปิดเข้าไปแล้วนะ”
หลังจากนั้น ด้านในยังคงไม่มีเสียงตอบรับ จงฉู่เฟิงอดที่จะเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้ เขารีบเปิดประตูเข้าไปทันที
ภายในห้องเงียบมาก รองเท้าของสาวน้อยถูกทอดทิ้งไว้บนพื้น ดูท่าคงจะรีบทอดทิ้ง แล้วหลบเข้าไปในผ้าห่ม
ถางหยวนหยวนไม่โผล่หน้าออกมา ได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
จงฉู่เฟิงรู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองถูกบีบอย่างรุนแรง ไม่กล้าพูดเสียงดัง เขาหันไปปิดประตู แล้วเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ
“อานเชี่ยนเอาแต่ใจตัวเองมาตั้งแต่เด็ก เธอจะต้องพูดอะไรไม่ดีกับน้องแน่นอน ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร น้องก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจ พี่ขอโทษแทนเธอ ได้ไหม”
เด็กสาวยังคงไม่ตอบ จงฉู่เฟิงปวดใจมาก เขายังคงลองถามออกไปอีกครั้ง “หรือจะให้พี่พาน้องไปกินเนื้อย่าง ดีไหม ได้ยินว่าที่นี่มีเตาปิ้งย่าง ถ้าเอาเนื้อขึ้นไปปิ้งย่างภายใต้หิมะ รสชาติจะต้องดีมากแน่ๆ” เขาจงใจพูดบรรยายอย่างละเอียด เพื่อเรียกความสนใจจาก ถางหยวนหยวน ผลสุดท้ายเธอก็ยังไม่ยอมตอบ ในตอนนี้จงฉู่เฟิงเป็นห่วงมากจริงๆ แม้แต่ของกินยังเรียกความสนใจจากเธอไม่ได้จริงๆ เธอจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
พอคิดถึงตรงนี้ จงฉู่เฟิงก็เดินเข้าไปดึงผ้าห่มของเธอลง พอเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ตื่นตกใจ จนทำอะไรไม่ถูก
เพราะในเวลานี้ถางหยวนหยวนกำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ขอบตาแดงก่ำเหมือนกระต่าย น้ำตาไหลนองหน้ามองมาที่เขา
“หยวน,หยวนหยวน,ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้”
จงฉู่เฟิงทำตัวไม่ถูก เขาคิดจะไปหยิบทิชชู่ แต่เพราะร้อนใจ จึงเดินชนขอบโต๊ะ เขาเผลออุทานออกมาอย่างเจ็บปวด
เขายื่นมือออกไปหยิบ แต่กลับชนโดนโคมไฟบนโต๊ะ จนโคมไฟเกือบตกแตก เขารีบเข้าไปประคองไว้
“ตกใจแทบตาย”
หลังจากเขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหันกลับมา พบว่าถางหยวนหยวนลุกขึ้นมานั่งแล้ว และกำลังมองมาที่เขาอยู่
“พี่ฉู่เฟิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
สีหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความเป็นห่วง จงฉู่เฟิงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ในที่สุดน้องก็สนใจพี่แล้ว”
ถางหยวนหยวนถูกเขาพูดแบบนี้ ถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองยังร้องไห้อยู่ เมื่อตะกี้ถ้าเขาไม่ทำเรื่องซุ่มซ่ามออกไป เธอคงไม่ลุกขึ้นมานั่ง และคงไม่หันไปมองเขา
“สิ่งที่อานเชี่ยนพูด ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องดี น้องอย่าไปฟัง ถ้าหากน้องไม่ชอบ พี่จะส่งเธอกลับไปคืนนี้เลย แล้วพรุ่งนี้พี่ค่อยกลับมารวมตัวกับพวกน้องอีกทีก็ได้นะ”
พอได้ยินคำพูดนี้ ถางหยวนหยวนรู้สึกว่ามันรุนแรงมากเกินไป เธอจึงรีบส่ายหน้าไปมา “ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ค่ะพี่ฉู่เฟิง แบบนี้มันลำบากเกินไป หนูจะถือว่าเรื่องในคืนนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จากนี้ไปหนูไม่อยากจะคุยกับเธออีกแล้ว”