เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1598 หนูไม่ชอบเธอ
บทที่1598 หนูไม่ชอบเธอ
จงฉู่เฟิงปกติจะปฏิบัติกับผู้หญิงดีมาตลอด ในสายตาของผู้หญิงเขาเป็นสุภาพบุรุษมาก จะมีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนที่เขาแสดงออกว่าไม่ชอบออกมาทางสีหน้า
นั่นก็คือเวินจิ่งหรัวที่ตามตื้อยู่ฉือยี่ซูอย่างบ้าคลั่งคนนั้น กับอานเชี่ยนที่ชอบพูดใส่ร้ายคนอื่นไปทั่ว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอกับตนเองเป็นญาติกัน จงฉู่เฟิงคงจะลงไม่ลงมือกับเธอไปนานแล้ว
แต่อานเชี่ยนกลับไม่ยอมหยุด เธอยังคงด่าออกมาไม่ยั้ง
“พยายามทำดีกับอีกฝ่าย นึกว่าตัวเองทำให้คนอื่นซาบซึ้งใจมาก แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยเห็นพี่อยู่ในสายตา แม้แต่ตำแหน่งเล็กๆก็ไม่มีให้ แล้วยังจะมีหน้ามาพูดฉันอีก แล้วอีกอย่างสายตาของนายเสียหรือไง สาวๆในมหาวิทยาลัยมีสวยๆออกตั้งเยอะ แต่กลับวิ่งไปหาสาวมัธยมปลาย ไปหาสาวมัธยมปลายก็ช่างเถอะ แต่อย่างน้อยก็น่าจะหาเด็กที่น่ารักกว่านี้ รูปร่างดีๆ ฉันไม่รู้ว่าสมองพี่มีปัญหาหรือเปล่า แต่ถึงจะไม่ปกติเท่าไหร่ ก็ไม่ควรจะไปชอบผู้หญิงอ้วนแบบนั้น”
“อานเชี่ยน เธอหุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ”
จงฉู่เฟิงทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจงตบโต๊ะจนเสียงดังปัง
เพราะเสียงที่ดังมาก ทำให้สองสามีภรรยาที่เป็นเจ้าของบ้านที่อยู่ในห้องครัวรีบวิ่งออกมาดู ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่พอออกมาดูก็เห็นว่าจงฉู่เฟิงกับอานเชี่ยนกำลังทะเลาะกันอยู่ อีกทั้งฝ่ายของอานเชี่ยนก็ด่าอย่างรุนแรงจนไม่น่าฟังออกมา
เพี๊ยะ
“ทำไมฉันจะต้องหุบปากด้วย พี่มีสิทธิ์อะไรมาว่า ส่วนฉันจะไม่มีสิทธิ์ พี่ใส่อารมณ์กับโต๊ะทำไมจงฉู่เฟิง หรือว่าฉันพูดผิด ถางหยวนหยวนเป็นแค่ผู้หญิงอ้วนคนหนึ่ง พี่คงไม่ได้จะชอบเธอจริงๆหรอกนะ ผู้หญิงแบบเธอ ถึงแม้จะบรรลุนิติภาวะก็ไม่มีใคร…”
จงฉู่เฟิงควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงลงมือเลย
เขาตบหน้าของเธอ
หลังจากตบแล้วเขาก็ยังโกรธมาก
บริเวณฝ่ามือเริ่มรู้สึกเจ็บ อานเชี่ยนถูกเขาตบจนล้มลงบนพื้น สีหน้าของเธอดูตกตะลึง มึนงง เหมือนไม่อยากจะเชื่อว่าจะถูกจงฉู่เฟิงตบหน้า อีกทั้งยังตบแรงแบบนี้ด้วย
ในหูของเธอยังมีเสียงแว่วดังอยู่เลย ใบหน้าของเธอทั้งเจ็บทั้งแสบ อานเชี่ยนตกตะลึงไปสิบกว่าวินาทีถึงจะได้สติ เธอยื่นมือขึ้นมาลูบหน้าของตัวเอง พอแตะถูกบริเวณที่โดนตบก็ต้องร้องซี๊ดอย่างเจ็บปวด
“จงฉู่เฟิง พี่กล้าตบหน้าฉันเลยเหรอ”
เธอระเบิดเสียงร้องไห้ จนสะอึกสะอื้น “ฉันจะโทรไปฟ้องคุณพ่อ ไปฟ้องคุณน้า ว่าพี่ตบหน้าฉัน”
จงฉู่เฟิงหัวเราะเยาะ “เอาสิ โทรศัพท์อยู่ข้างๆเธอไม่ใช่หรือไง เธอกดโทรไปเดี๋ยวนี้เลย โทรเสร็จพี่จะได้โทรบ้าง แล้ววันนี้เราก็เก็บกระเป๋ากลับบ้าน อย่าขับรถพวกเขากลับ เรานั่งรถกลับก็พอ
อานเชี่ยนหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดแบบนี้ ถ้าเธอกับจงฉู่เฟิงทะเลาะกันจนต้องเดินทางกลับบ้าน งั้นถางหยวนหยวนก็จะมีโอกาสได้อยู่กับยู่ฉือยี่ซูสองต่อสองน่ะสิ
ที่เธอมาในครั้งนี้ก็เพื่อยู่ฉือยี่ซู เธอจะกลับไปโดยไม่ได้อะไรเลยยังไงกัน ถ้าเธอกลับไปทั้งแบบนี้ เธอจะต้องโดนบรรดาเพื่อนสาวเยาะเย้ยแน่ๆเลย
พอคิดถึงตรงนี้ อานเชี่ยนก็ลุกขึ้นยืน แล้วร้องไห้วิ่งขึ้นชั้นบนไปทันที
เจ้าของบ้านและภรรยาไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องทะเลาะกันใหญ่โตแบบนี้ ทั้งสองได้แต่มองหน้ากันไปมา
หลังจากผ่านไปสักพัก ภรรยาเจ้าของบ้านพักจึงเดินไปด้านหน้า
“อย่าโมโหไปเลยค่ะ เธอยังเด็ก บางครั้งก็ชอบพูดอะไรโดยไม่คิดก่อน คุณ…”
“เธอไม่ใช่เด็กแล้วครับคุณน้า”
จงฉู่เฟิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา สีหน้าของเขาไร้อารมณ์มาก “คุณน้าเจ้าของบ้านครับ เดี๋ยวตอนที่หยวนหยวนกลับมา คุณน้าอย่าบอกเรื่องในวันนี้ให้เธอได้รู้นะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง”
ภรรยาเจ้าของบ้านพักพยักหน้ารับปาก “ได้ค่ะ คุณวางใจได้เลย ดิฉันไม่เอาไปพูดแน่นอน”
เธอได้ยินในสิ่งที่อานเชี่ยนพูดทุกอย่าง เธอไม่มีความรู้สึกเอ็นดูในตัวเด็กอานเชี่ยนคนนี้เลย นอกจากจะพูดจาแสบหูแล้ว อะไรก็กล้าพูด
แต่คนเราไม่ควรพูดจาแบบนี้ เธอพูดทุกอย่างออกมาด้วยความสะใจ แต่คนอื่นล่ะ คนอื่นเขาก็เป็นคุณหนูที่แสนจะไร้เดียงสา เธอพูดออกไปแล้ว คนที่ได้ฟัง จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี
มีหลายคนที่เดิมทีใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่แค่คำคำเดียวอาจจะทำลายความสุขทั้งหมดของคนคนหนึ่งไป
ดังนั้นภรรยาเจ้าของบ้านจึงไม่ชอบอานเชี่ยนเลย
แต่ตอนที่เห็นจงฉู่เฟิงตบหน้าเธอจริงๆ แล้วเห็นเธอล้มลงบนพื้น จึงรู้สึกว่าเธอน่าสงสารมาก การสั่งสอนลูกถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าพ่อแม่สั่งสอนลูกไม่ดี โตมาก็จะเป็นแบบนี้ ตอนนี้แค่พี่ชายของเธอทำร้ายเธอและตบเธอแค่ครั้งเดียวด้วย
ถ้าหากวันใดวันหนึ่งเธอไปมีปัญหากับพวกอันธพาล คงไม่แก้ไขง่ายๆแค่ตบหน้าหรอก
“ขอบคุณครับ
หลังจากที่จงฉู่เฟิงกับภรรยาเจ้าของบ้านเสร็จ เขาก็เอ่ยขอบคุณ แล้วเดินขึ้นชั้นบน เพื่อสงบสติอารมณ์
ส่วนด้านยู่ฉือยี่ซูกับถางหยวนหยวน พวกเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาออกไปเกิดอะไรขึ้นบ้าง
วันนี้หิมะไม่ได้ตกหนักเหมือนเมื่อวานแล้ว แต่หิมะที่ตกสะสมกันก็ยังไม่หายไป เมทียู่ฉือยี่ซูคิดจะแบกถางหยวนหยวนเดิน ในตอนแรกเธอดีใจมาก แต่พอตอนที่เธอกำลังจะขึ้นหลังเขา เธอก็ลงมา แล้วบอกว่าตัวเองจะเดินเอง
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “หนูแค่อยากลองเดินเองดู อยากจะรู้ว่าความรู้สึกตอนเดินบนหิมะเป็นยังไง”
พอพูดจบ ถางหยวนหยวนเดินเหยียบหิมะด้วยท่าทางดีใจ รองเท้าบูทที่จมลงไปในหิมะส่งเสียงออดแอด ฟังแล้วคลายเครียดมาก
“เดี๋ยวถ้ารู้สึกเหนื่อย ก็บอกให้พี่แบกขึ้นหลังนะ”
ถางหยวนหยวนไม่ได้พูดอะไร และไม่ยอมขึ้นหลังยู่ฉือยี่ซูด้วย
ในที่สุดยู่ฉือยี่ซูก็จับสังเกตได้ว่าเธอมีท่าทางแปลกไป เขาเดินสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงมองท้ายทอยของสาวน้อยไปด้วย
“เมื่อคืนนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
พอได้ยินแบบนั้น ถางหยวนหยวนก็สะดุ้ง แล้วหันกลับมามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันหนีหน้า เพราะเธอทำท่าทางผิดปกติอย่างนั้นเหรอ หรือจะเป็นเพราะว่าเธอเหยียบหิมะได้ไม่สนุกพอ ทำไมพี่ชายถึงได้ถามเธอว่าเมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น
“น้องไม่ต้องกลัว มีเรื่องอะไรบอกพี่ พี่จะได้ช่วยจัดการให้”
“มีพี่อยู่ด้วย ไม่มีใครสามารถรังแกน้องได้”
คำพูดประโยคสุดท้าย ทำให้ถางหยวนหยวนเกือบจะร้องไห้ออกมา แต่พอคิดถึงจงฉู่เฟิงที่พยายามปลอบใจเธอเมื่อคืน ทั้งที่เจ็บขาบริเวณที่ชนขอบโต๊ะ แต่เขาก็ยังทนความเจ็บอยู่ปลอบใจเธอ
เธอจะทำลายความหวังดีของเขาไม่ได้
สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่มีใครรังแกหนูหรอกค่ะ หนูแค่ไม่ชอบอานเชี่ยนคนนั้น”
“หืม ทำไมล่ะ”
ต้องมีเหตุผลที่จะไม่ชอบสิ เพราะถางหยวนหยวนเข้ากับทุกคนได้ นิสัยของเธอค่อนข้างเป็นกันเอง
ถางหยวนหยวนรีบคิดหาข้อเสียในตัวของอานเชี่ยน ในที่สุดก็นึกออก เธอจึงรีบพูดออกไปทันที
“หนูคิดว่าเธอใส่เสื้อผ้าไม่สวย ไม่เป็นสุภาพสตรี หนูก็เลยไม่ชอบเธอค่ะ”
“แค่นี้เหรอ”
“ยังมีอีกค่ะ วิธีพูดของเธอหนูไม่ชอบ ตอนที่พวกเราลงจากรถไปดื่มน้ำเต้าหู้ เธอกลับนั่งอยู่บนรถ หนูก็เลยไม่ชอบเธอ”
ยิ่งพูดถางหยวนหยวนก็ยิ่งพบว่า การไม่ชอบคนคนหนึ่ง มันสามารถหาจุดบกพร่องของอีกฝ่ายออกมาอย่างง่ายดาย เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“พี่ชายคะ ยังไงหนูก็ไม่ชอบเธอ ไม่มีส่วนไหนที่หนูจะชอบเธอเลย ดังนั้นหนูไม่อยากให้เธอพักอยู่ห้องเดียวกับหนู”