เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1613 เข้าใจผิด
บทที่1613 เข้าใจผิด
ถางหยวนหยวนรู้สึกตัว ก็รีบใช้โทรศัพท์ของลุงโทรแจ้งความ
ลุงคนนั้นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดุดันแบบนี้ ก็รีบร้องขอขึ้นมาทันที “อย่าแจ้งความเลย ยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันยังมีลูกสาวลูกชาย ครั้งนี้ฉันผิดไปแล้วจริงๆ ฉันไม่ควรทำอะไรกับสาวคนนั้น ฉันผิดไปแล้ว”
เขาชี้ไปที่หญิงสาวที่ตัวเองรังแก หญิงสาวคนนั้นรีบหลบทันที ไม่กล้ามองตาเขาด้วยซ้ำ
ถูกคนรังแกเป็นเรื่องที่น่าอายมากเลยเหรอ เธอไม่เพียงแต่ไม่กล้าพูดอะไร ไม่ตอบโต้ ตอนนี้ยังไม่กล้ายอมรับอีก
เห็นทุกคนมองไปที่เธอ เธอก็หน้าแดงขึ้นมาทันที
“ทุกคน ทุกคนมองฉันทำไมกัน? ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
พูดจบ เธอก็มองไปที่ลุงคนนั้น ด่าว่า: “นายถูกคนตีเอง เกี่ยวอะไรกับฉัน? อย่ามาชี้หน้าแบบนี้นะ!”
ลุงคนนั้นอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะพูดแบบนี้
ถางหยวนหยวนไร้เดียงสา เธอพูดเสียงเบาว่า: “พี่สาว เมื่อกี้ฉันเห็น……”
“เห็นอะไร?” หญิงสาวคนนั้นรีบพูดแทรกเธอ: “เธอก็แค่เด็กจะไปรู้อะไร? บนรถมีคนเยอะขนาดนี้ บางทีโดนตัวกันบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ เกี่ยวอะไรกับเธอทำไมต้องมาพูดจาไร้สาระแบบนี้ด้วย?”
เธอพูดเสียงดัง และยังโหดมาก ทำเอาถางหยวนหยวนตกใจใหญ่
ในตอนนั้นเอง ถางหยวนหยวนยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ทำยังไงก็ยังคงตั้งสติไม่ได้
“ฮ่าๆๆ” ลุงคนนั้นหัวเราะ: “เด็กสองคนอย่างพวกเธอ ยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรสักอย่าง ก็ทำตัวเป็นฮีโร่งั้นเหรอ? ยังจะแจ้งความอีก พวกเธอแจ้งสิ แจ้งเลย ฉันไม่กลัวพวกเธอหรอกนะ”
“นายคิดว่าเธอปฏิเสธแล้ว ตัวเองก็จะไม่เป็นไรหรือไง?”
ยู่ฉือยี่ซูมองด้วยสายตาเฉียบคม: “ดูแล้วคงพูดไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ”
เขามองไปที่หยวนหยวน: “แจ้งความหรือยัง?”
ถางหยวนหยวนส่ายหน้า “พี่สาวคนนั้นบอกว่า……”
“ไม่เป็นไร เธอแจ้งเถอะ ที่นี่มีกล้องวงจร”
ยู่ฉือยี่ซูพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าทั้งสองพูดไม่ตรงกัน ตำรวจก็จะเปิดดูกล้องวงจร ถึงตอนนั้นยอมรับหรือไม่ยอมรับ ผลสุดท้ายก็เหมือนกัน”
ลุงคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ
ถ้าเปิดกล้องวงจรละก็ เรื่องก็จะใหญ่โตขึ้น ไม่แน่อาจจะเป็นข่าวดังก็ได้ หรือไปปล่อยลงตามเว็บ
ผู้คนรอบข้างต่างพากันซุบซิบขึ้นมา
“ตอนนี้ทำดีไม่ได้ดี คนอื่นช่วยเธอขนาดนี้ เธอไม่พูดขอบใจก็ช่างเถอะ ยังด่าทอสาวน้อยคนนี้อีก ยังปฏิเสธอีก เธอกำลังทำให้คนอื่นต้องรับโทษแทนนะ!”
คนแก่คนหนึ่งทนไม่ไหวพูดกับผู้หญิงคนนั้น
หญิงสาวหน้าแดง ไม่ได้พูดอะไร เพราะถ้าเปิดกล้องวงจรละก็ ภาพของเธอก็จะถูกเผยแพร่ แต่เธอคิดว่าพูดแบบนั้นไปแล้ว ทั้งสองก็คงไม่มีอะไรอีก ไม่คิดว่าหนุ่มคนนี้จะเอาจริง
“พี่สาวคนนี้ ดูฝีมือคนอื่นสิ ดูอายุของเขาสิ น่าจะเรียนโรงเรียนตำรวจ ถ้าเธอพูดโกหกละก็……”
โรงเรียนตำรวจ……
หญิงสาวเงยหน้ามองยู่ฉือยี่ซู
กดลุงคนนั้นไว้เหมือนไม่เสียแรงมาก แต่ลุงคนนั้นกลับขยับตัวไม่ได้เลยสักนิด ขัดขืนยังไงก็ไม่ได้ผล ความแข็งแรงแบบนี้ หญิงสาวหน้าซีดเผือด สุดท้ายก็กัดปากพูดว่า: “ขอโทษด้วย เมื่อกี้ที่ฉันไม่ยอมรับ ไม่อยากให้คนอื่นมองฉันแปลกก็เท่านั้น ฉันผิดไปแล้ว”
ถางหยวนหยวนมองเธออย่างผิดหวัง รู้สึกเสียใจ
เธอไม่คิดว่าคนที่ถูกช่วย กลับแว้งกัดคนที่ช่วยซะงั้น ถ้าพี่ชายไม่พูดเรื่องกล้องวงจร ถ้าไม่เพราะความก้าวไกลของยุคนี้ เกรงว่าวันนี้พูดยังไงก็คงไม่แก้ตัวไม่ได้
เธอไม่ได้พูดกับเธออีก และเดินไปข้างยู่ฉือยี่ซู ดึงแขนเสื้อเขา “พี่คะ”
ยู่ฉือยี่ซูมองเธอ ปล่อยลุงคนนั้นออก ให้เขาลุกขึ้นจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้เขา
“ขอบใจๆ ขอบใจที่ปล่อยฉันไป ต่อไปฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
“แจ้งความเอง ยอมรับผิดตามโทษ”
ไม่คิดว่าก่อนไปยู่ฉือยี่ซูจะพูดอย่างเยือกเย็นแบบนี้
“ว่าไงนะ?” ลุงคนนั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาคิดว่ายู่ฉือยี่ซูปล่อยเขาไปแล้วเสียอีก ไม่คิดว่าจะให้เขาไปยอมรับโทษ ทำเอาเขาไม่ทันตั้งตัว
สุดท้ายเขามองรอบๆ คนรอบๆต่างก็มองเขา
“ยอมรับโทษเองกับให้คนอื่นแจ้งความ ความผิดไม่เหมือนกันนะ” ยู่ฉือยี่ซูเตือน
ลุงคนนั้นจึงไม่มีทางอื่น เขาโทรแจ้งความเอง ได้ยินเขายอมรับสารภาพกับตำรวจแล้ว ยู่ฉือยี่ซูก็พาสาวน้อยไปยืนที่เดิม
ต่อมาภายในรถไฟฟ้าก็กลับมาเป็นปกติ ถางหยวนหยวนพอเจอเรื่องแบบนี้ก็ไม่ง่วงแล้ว พอดีเลยข้างๆมีลุงคนหนึ่งลุกขึ้น
“สาวน้อย นั่งตรงนี้เถอะ”
ถางหยวนหยวนหันไปมองอีกฝ่าย เห็นเป็นคนที่ช่วยพวกเขาพูดเมื่อกี้ จึงส่ายหน้า: “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“พวกเธอยังหนุ่มสาวก็กล้ายืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง ลุงให้เธอนั่งแทน นั่งเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยคนนี้เหนื่อยมาก ดังนั้นเขาจึงยอมสละที่นั่งให้เธอ
ถางหยวนหยวนยังคงส่ายหน้าไม่ยอมนั่ง
เธอไม่ใช่เด็กแล้ว อีกไม่นานเธอก็บรรลุนิติภาวะ ไม่ต้องการให้คนอื่นมาสละที่นั่งให้
ลุงคนนั้นเห็นเธอไม่ยอมนั่ง ก็ลุกขึ้นมาและไม่ยอมกลับไปนั่งอีก
ยู่ฉือยี่ซูครุ่นคิดสักพัก ก็ผลักสาวน้อยข้างๆไป
“ในเมื่อลุงใจดีสละที่นั่งให้เธอ เธอก็ไปนั่งเถอะ”
ถางหยวนหยวนเงยหน้าครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็โค้งคำนับขอบคุณลุงคนนั้น: “ขอบคุณค่ะคุณลุง”
ต่อมาเธอก็นั่งไปที่นั่งนั้น
พอนั่งลงแล้ว ลุงคนนั้นก็ยกนิ้วโป้งให้กับยู่ฉือยี่ซู: “ไม่เลวเลยนะพ่อหนุ่ม ตอนนี้คนที่กล้าทำแบบนี้มีไม่มากแล้ว ไม่เพียงแค่ผู้คนที่มีจิตใจเย็นชา ยังมีสถานการณ์เมื่อกี้นายก็เห็นแล้ว คนมากมายที่ช่วยกลับถูกปองร้ายแทน ทำให้ผู้คนไม่กล้าช่วยเหลืออีก”
ยู่ฉือยี่ซูไม่ตอบอะไร
ลุงคนนั้นก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้แฟนนายละสิท่า? หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเชียว พวกเธอมีเมตตาจริงๆ”
แฟน?
ได้ยินคำเปรียบเปรยนี้ ยู่ฉือยี่ซูเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองถางหยวนหยวนด้วยสีหน้าเขินอาย เม้มปากพูดว่า “ไม่ใช่ครับ”
“ไม่ใช่เหรอ? หรือฉันเข้าใจผิดไป?”
“เป็นน้องสาวครับ”
ยู่ฉือยี่ซูอธิบายเสียเบา
“อ้อๆ ที่แท้ก็พี่น้องกันนี่เอง ขอโทษด้วยนะๆ”
ลุงคนนั้นปัดมือพูด
คำพูดนี้ถางหยวนหยวนได้ยินเข้า ตอนแรกเห็นลุงถามแบบนี้ เธอก็รู้สึกอายเหมือนกัน ยังคิดว่าทำไมลุงถึงถามแบบนี้ได้ ก็ได้ยินยู่ฉือยี่ซูปฏิเสธไปเสียก่อน
ต่อมาพอเขาอธิบายว่าเป็นน้องสาว ถางหยวนหยวนก็รู้สึกสลดไปพักใหญ่
ที่จริงพูดแบบนี้ก็ไม่เป็นไร พวกเขา……ไม่ใช่แฟนกันอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไม ถางหยวนหยวนถึงรู้สึกเสียใจ
เธอถอดรองเท้าและยกเท้าขึ้นบนเก้าอี้ หน้าฟุบไปที่เข่าและหลับตาลง
ช่างเถอะ ไม่ควรฟังเลย เธอแค่วิ่งเข้าหาเขาก็พอแล้ว