เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่1667 พิสูจน์แล้วว่าชอบ
บทที่1667 พิสูจน์แล้วว่าชอบ
อย่างน้อยก่อนหน้าที่เธอจะกำหนดความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนอื่นนั้น อย่าเลิกล้มความพยายามยังงั้นเหรอ?
ประโยคนี้ทำให้ในใจของจงฉู่เฟิงก็รู้สึกมีกำลังใจไม่อยากยอมแพ้ขึ้นเยอะเลย
“ถ้าเกิดว่าเธอแค่ชอบคนอื่นล่ะ? ผมก็จะไปรบกวนเธอเปล่าๆ ไม่ใช่เหรอ? ”
“อะไรที่เรียกว่ารบกวนกันล่ะ? ถ้าเกิดว่าเธอชอบคนคนหนึ่งจริงๆ ลูกจะกวนยังไงก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าเกิดว่าถูกลูกรบกวน งั้นก็หมายความว่าความรู้สึกของเธอไม่มั่นคง ยังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต ไอ้เด็กบื้อ ไม่ต้องไปคิดว่าจะเป็นหรือไม่เป็นแบบไหน ลูกชอบเธอก็แค่จีบเธอเท่านั้นแหละ”
จงฉู่เฟิงไม่ได้พูดอะไร
“พรุ่งนี้สาวน้อยมาแล้ว ก็อย่าผลักเธอออกไปอีกละ”
วันถัดมา
ยู่ฉือยี่ซูมาส่งถางหยวนหยวนที่โรงพยาบาลตรงเวลา ตอนที่คุณแม่จงเห็นเธอนั้น ไม่ว่าจะมองยังไงก็รู้ว่าเด็กคนนี้น่ารัก ทำให้คนชื่นชอบ
ถ้าเกิดว่าเสี่ยวเฟิงของบ้านตัวเองสามารถแต่งงานกับเธอได้ ก็ถือว่าต้องเป็นบุญจากสิบชาติที่แล้วที่สั่งสมมาอย่างแน่นอน
เพียงแค่ หลังจากที่ยู่ฉือยี่ซูมาแล้วก็ไม่ยอมกลับ เอาแต่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านข้าง ถางหยวนหยวนนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ยื่นมือไปบีบแขน และบีบขา นวดให้คุณแม่จง
คุณแม่จงรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก จู่ๆ ก็พูดกับจงฉู่เฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง ตอนเที่ยงแม่อยากกินเกี๊ยว ลูกกลับไปทำให้แม่หน่อยได้ไหม? ”
เพราะว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาล ดังนั้นพอเธอขออะไรขึ้นมาจงฉู่เฟิงก็ไม่กล้าปฏิเสธ ก็เลยพยักหน้า “ได้ครับ”
“ยี่ซู หนูไปเป็นเพื่อนเสี่ยวเฟิงหน่อยสิ ให้เด็กน้อยหยวนหยวนอยู่กับป้าก็พอแล้ว พวกหนูไปดูว่าตอนเที่ยงอยากกินอะไร แล้วก็เอามาให้หยวนหยวนด้วยนะ”
ถางหยวนหยวนได้ยินดังนั้น แล้วก็รีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “หนูไม่เลือกแล้วกันค่ะ กินอะไรก็ได้ คุณป้าคะ หนูกินเกี๊ยวกับคุณป้าก็ได้ค่ะ”
“ตายแล้ว เด็กน้อยอายุเท่านี้จะมากินเกี๊ยวได้ยังไงกัน ต้องกินซุปซี่โครงสิ อย่าเหมือนกับป้า หนูยังต้องเติบโตนะ”
จงฉู่เฟิงได้ยินคุณแม่จงพูดดังนั้น ที่ให้ยี่ซูออกไปพร้อมกับตัวเอง ก็เดาได้ว่าเธออยากจะแยกเขากับยี่ซูออกไป
ถึงแม้ว่ามันจะน่ารำคาญ แต่ว่าก็ไม่มีทางเลือก
“ไปกันเถอะ”
ในทางกลับกันยู่ฉือยี่ซู กลับพูดกับเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ออกไปพร้อมกัน ออกจากห้องผู้ป่วยไปได้ไม่นานเท่าไหร่ จงฉู่เฟิงก็พูดว่า “ขอโทษด้วยนะพี่ซู แม่ของฉันนั้น……”
“เข้าใจ ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก”
ยังไงก็เป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องหวังดีกับลูกชายของตัวเองอยู่แล้ว ยู่ฉือยี่ซูสามารถเข้าใจอะไรพวกนี้ได้
“แกไม่ให้ฉันอธิบาย แต่ว่าฉันก็อดไม่ได้ที่อยากจะพูดหน่อย ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนไม่มีอะไรให้พูด แต่ว่าตอนนี้แม่ฉันป่วย ฉันก็เลยทำได้แค่ทำตามเธอไป แต่ว่าแกไม่ต้องเป็นห่วงนะ เจ้าเด็กหยวนหยวนนั่นไม่ได้ชอบฉัน เพราะฉะนั้นต่อไปฉันก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก วางใจได้เลย”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็หยุดเดิน แล้วก็มองมาที่เขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“แกรู้สึกว่าหยวนหยวนไม่ได้ชอบแก ถ้ายังงั้นแกรู้สึกว่าเธอชอบฉันไหม? ”
“แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ใช่เหรอ? ที่จริงแล้วสำหรับเรื่องนี้นั้นยู่ฉือยี่ซูก็ยังรู้สึกงงงวยอยู่เหมือนกัน
จงฉู่เฟิงจ้องหน้าเขา “ทำไม แกอย่าบอกว่าตัวเองไม่รู้นะ ฉันดูท่าทางของแกเนี่ย แกก็น่าจะชอบหยวนหยวนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ยู่ฉือยี่ซูก็ก้าวเดินไปด้านหน้าต่อ จงฉู่เฟิงเห็นดังนั้นก็รีบเดินตามไป “แกต้องพูดให้ชัดเจนสิ สรุปแล้วแกคิดยังไงกันแน่? หยวนหยวนนั้นชอบแกอย่างสุดหัวใจ ถ้าเกิดว่าแกไม่ได้ชอบเธอล่ะก็ แกก็รีบพูดซะ อย่าถ่วงเธอไว้”
“ตอนนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้ความรู้สึกตัวเองเหมือนกัน”
“แกพูดอะไร?”
“เด็กน้อยน่ารักมาก พอได้เห็นรอยยิ้มของเธอฉันก็รู้สึกว่าฉันสามารถปกป้องเธอได้ตลอดชีวิต ปกป้องรอยยิ้มนี้ของเธอ ทำให้เธอไม่ต้องเจ็บปวดหรือทุกข์ใจตลอดไป แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า นี่มันเป็นความชอบระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงรึเปล่า”
พอได้ยินแบบนี้ จงฉู่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเบะปาก “จะพูดให้ลึกซึ้งขนาดนี้เพื่ออะไร ฉันไม่เข้าใจ รำคาญแกจริงๆ เลย ทำเป็นเหมือนพอได้สิ่งที่ต้องการแล้วกลับทำเป็นเหมือนไม่อยากได้ซะยังงั้น”
“ถ้าเกิดว่าแกโตมากับเธอตั้งแต่เด็ก เคยเห็นเธอร้องไห้ เธอหัวเราะ เคยเห็นเธอมาทุกแบบแล้ว สิ่งพวกนี้มันจะกลายเป็นความเคยชิน แกจะแยกออกอย่างชัดเจนไหมว่าที่จริงแล้วตัวเองรู้สึกชอบหรือว่ารักทะนุถนอม? ”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ จงฉู่เฟิงก็ยังคงมีสีหน้าไม่เห็นด้วย
ทั้งสองคนเงียบลง เข้าไปที่โรงจอดรถแล้วก็เปิดประตูรถ พอขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว จงฉู่เฟิงก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้ “รู้สึกเหมือนกับว่าถ้าพูดอะไรพวกนี้กับแกไปก็เป็นการผลักน้องหยวนเข้าไปในอ้อมอกแกแท้ๆ เลย”
ยู่ฉือยี่ซู:“?”
เขาพูดอะไร? ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็ไม่ได้พูดอะไร
“ถ้าอยากรู้ว่าแกรู้สึกกับเธอแบบผู้ชายรู้สึกกับผู้หญิงคนหนึ่งรึเปล่านั้น ง่ายจะตาย” จงฉู่เฟิงอึดอัดอยู่นาน แล้วก็หันหน้ามามองยู่ฉือยี่ซู พร้อมกับพูดอย่างจริงจังว่า “จูบเธอสิ”
เดิมทียู่ฉือยี่ซูเตรียมจะออกรถแล้ว พอได้ยินคำนี้สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที เกือบจะชนกำแพงด้านหน้าแล้ว
“จริงๆ เลย แกใจเย็นหน่อยได้ไหม? แกเป็นสัตว์ป่าหรือว่ายังไง ฉันพูดแค่นี้ แกก็ตื่นเต้นจนเป็นสภาพนี้แล้วเหรอ? ”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือยี่ซูก็หันมามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
“แกกำลังพูดจาเรื่อยเปื่อยอะไรอยู่? ”
“ฉันพูดจาเรื่อยเปื่อยงั้นเหรอ? ฉันพูดอะไรผิดไป? ถ้าเกิดว่าเป็นความรู้สึกแบบชายหญิงน่ะนะ แกจะไม่อยากจูบเธอเหรอ? ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะเป็นการเอาเปรียบไปหน่อย แต่ว่ามันก็เป็นวิธีพิสูจน์ที่เร็วที่สุดแล้ว”
หลังจากพูดจบ จงฉู่เฟิงก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “โมโหจะตายอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ฉันก็ชอบเธอเหมือนกัน ทำไมต้องมาคิดให้แกด้วย? ”
ยู่ฉือยี่ซูขมวดคิ้ว เม้มปากแน่นไม่ได้พูดอะไร
“เชอะ แกคิดว่าฉันพูดไม่ถูกยังงั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ตอนที่หยวนหยวนยืนอยู่ตรงหน้าแก ถ้าเกิดว่าแกรู้สึกจูบเธอไม่ลง นั่นก็หมายความว่าแกไม่ได้รู้สึกกับเธอแบบนั้น เข้าใจไหม? ”
ในรถนั้นเงียบลง บรรยากาศนั้นเริ่มอึดอัดและเงียบงัน
ผ่านไปนาน ถึงมีเสียงของยู่ฉือยี่ซูดังขึ้นมา
“จูบหน้าผากนับไหม? ”
“นับบ้าอะไรล่ะ! ”จงฉู่เฟิงด่าสาดเสียเทเสีย “จูบหน้าผาก หอมแก้มมันจะไปนับอะไรกัน ฉันพูดถึงจูบจริงๆ จูบจริงๆ อะแกเข้าใจไหม? ”
ยู่ฉือยี่ซูเม้มปากแน่นกว่าเดิม ทุกคนก็ต่างเป็นผู้ชาย แล้วอีกอย่างก็เป็นผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย จะไม่รู้ได้ไงว่าจูบจริงๆ ที่เขาพูดนั้นมันคืออะไร?
แต่ว่า ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกว่า เหมือนกับว่าตัวเองจะจูบไม่ได้จริงๆ
ในความประทับใจของเขา ถางหยวนหยวนคือสาวน้อยมาโดยตลอด แล้วเขาจะลงมือได้ยังไงกัน? พอคิดได้แบบนี้ ยู่ฉือยี่ซูก็หลับตา แล้วก็พิงลงไปที่เบาะหลัง
“อย่าบอกฉันนะว่าแกจูบไม่ลงล่ะ ถ้าเกิดว่าจูบไม่ลงก็ให้รีบพูดซะ ถ้าเกิดว่าแกไม่ได้ชอบหยวนหยวน ฉันก็จะไม่ปล่อยเธอให้คนอื่นไปง่ายๆ หรอกนะ”
ใครจะไปคิดว่าเขาเคยจินตนาการมากี่ครั้งแล้ว เคยฝันถึงมากี่ครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าทุกครั้งเขาจะรู้สึกว่าแบบนี้ก็เกินไปหน่อย ยังไงเธอก็ใสซื่อบริสุทธิ์ขนาดนั้น แต่การชอบคนคนหนึ่ง เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย
ดังนั้นทุกครั้งหลังจากที่ได้เจอเธอในความฝันแล้วนั้น เขาก็รู้สึกว่าตัวเองก็เกินไปแต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกหวานชื่นเหมือนกัน เรียกได้ว่ามันทรมานมาก
ผ่านไปอยู่นาน ยู่ฉือยี่ซูถึงจะจัดการอารมณ์ของตัวเองได้ หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
จงฉู่เฟิงเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ก็ถามอย่างร้อนรน “สรุปแล้วแกคิดยังไงกันแน่? พูดมาให้เคลียร์เลยนะ”
เขายังคงไม่ได้พูดอะไร แล้วรถก็ขับออกไปจากโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ยู่ฉือยี่ซู วันนี้แกต้องพูดออกมาให้เคลียร์นะ ว่าสรุปแล้วแกคิดยังไงกันแน่? จะจูบหรือไม่จูบ? ”
“หุบปาก!