เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่171 เหตุผลที่หลบหน้าฉันคืออะไร
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่171 เหตุผลที่หลบหน้าฉันคืออะไร
“ใช่ ฉันนี่แหละ” เสิ่นเฉียวเม้มปาก แววตาเย็นชาจ้องมองที่สวี่เลี่ยว “ไม่ว่าอนาคตฉันจะลำบากหรือว่าอะไร ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผู้อำนวยการนี่คะ หวังว่าต่อจากนี้ผู้อำนวยการจะไม่มายุ่งกับฉันอีก บริษัทของเราก็มีกฎใช่ไหมคะ ระหว่างพนักงานห้ามมีความสัมพันธ์กัน ถ้าเกิดว่าฉันจำไม่ผิด ผู้อำนวยการแต่งงานแล้วใช่ไหมละคะ? ผู้ชายที่แต่งงานแล้วแบบคุณมายุ่งวุ่นวายกับผู้หญิงโสดอย่างฉัน ฉันสามารถที่จะฟ้องเบื้องบนได้โดยตรง ถึงตอนนั้น……”
แววตาของสวี่เลี่ยวเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวโกรธขึ้นมา
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะมีพรสวรรค์ในด้านการพูดขนาดนี้ คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าตอนนี้คุณอยู่ในถิ่นของใคร? คุณกล้าจะพูดกับผมแบบนี้ ไม่กลัวว่าผมจะไล่คุณออกจากบริษัทตระกูลเย่เหรอ?”
“หัวหน้าสวี่คุณมีอำนาจมากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังไล่คนออกจากบริษัทตระกูลเย่แบบตามใจอีก?”
ไม่ได้รอให้เสิ่นเฉียวได้พูด เสียงเย็นก็ดังขึ้นมาก่อน
เสิ่นเฉียวได้ยินเสียงคุ้นหู ไม่ทันได้รอให้เธอได้ตอบรับ สวี่เลี่ยวก็พูดขึ้นอย่างลุกลี้ลุกลน “รองประธานเย่ คุณมาได้ยังไงครับ?”
เย่หลิ่นหาน?
ได้ยินชื่อนี้ เสิ่นเฉียวก็ถึงกับก้มหัว อยากจะหลบหน้าเขา
ช่วงนี้เธอคอยหลบหน้าเย่หลิ่นหานตลอดเวลา เวลาอยู่ที่บริษัทแค่เห็นเขามาจากไกลๆเธอก็แอบแล้ว ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลเย่ต้องเจอหน้าเขาบ้าง เธอก็ทำเป็นไม่เห็นเขาแล้วก็เดินเลี้ยวไปอีกทาง
ตอนนี้เขากลับ มาอยู่ที่นี่…..
“สวี่เลี่ยว เป็นใครที่ให้อำนาจคุณไล่คนออก?”
ถึงเย่หลิ่นหานจะเป็นรองประธาน ในเวลาทั่วไปเป็นคนอบอุ่นและมีมารยาทกับทุกๆคน แต่ว่าถ้าเกิดเขาจริงจังขึ้นมา จะแรงกดดันจากลูกหลานคนไหนของตระกูลเย่ก็ไม่ได้ผล
สวี่เลี่ยวโค้งตัวอย่างตกใจ พูดขึ้นมาเสียงสั่นๆ “รองประธานเย่….. ผม ผมแค่เห็นเวลาเด็กคนนี้ชอบแอบอู้งาน ผมโมโหก็เลยพูดให้เธอกลัวไปแบบนั้นแหละครับ ไม่ได้คิดจะไล่คนออกจริงหรอก”
“อย่างนั้นเหรอ?” เย่หลิ่นหานมองเขานิ่งๆ “เป็นเพราะเธออู้งาน หรือเป็นเพราะว่าคุณหลอกล่อเธอไม่สำเร็จก็เลยขู่เธอ?”
หน้าผากของสวี่เลี่ยวเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา เขาหัวเราะแห้งๆ “รองประธานเย่ พูดเล่นไปได้ครับ ผมจะไปหลอกล่อเธอได้ยังไงกัน?”
“คุณคิดว่า ผมไม่ได้ยินสิ่งที่พวกคุณพูดกันเมื่อกี้อย่างนั้นเหรอ?”
ครั้งนี้สวี่เลี่ยวพูดไม่ออก อยู่ๆขาทั้งสองข้างก็ไม่มีแรงขึ้นมา “รองประธานเย่ ครั้งนี้เป็นผมที่หลงผิดไปเองครับ ท่านช่วยยกโทษให้ผมสักครั้งเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าเย่หลิ่นหานไม่อยากจะพูดอะไรกับเขาอีก ก็แค่พูดเตือนเสียงแข็ง “คุณตั้งใจฟังผมให้ดีนะ ต่อให้ตอนนี้เธอถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่แผนกของคุณ แต่ว่าเธอไม่ใช่คนที่คุณจะแตะต้องได้ เข้าใจไหม?”
“ขะ…เข้าใจแล้วครับ” สวี่เลี่ยวพยักหน้าอย่างแรง
“ไสหัวออกไปได้แล้ว” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเย่หลิ่นหานพูดคำหยาบ ได้ฟังเสิ่นเฉียวก็ชะงักไป แล้วมองใบหน้าด้านข้างของเขาด้วยความช็อก
ในเวลาปกติดวงตาที่มักจะมีแววตาอบอุ่นอยู่ในนั้น ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา ดูก็รู้ว่าแตกต่างจากตอนปกติอย่างชัดเจน มองไม่ออกเลยว่าเป็นคนคนเดียวกัน
เพราะฉะนั้น คำพูดที่ว่าคนเรามีสองด้านถูกต้องใช่ไหม? เวลาทั่วไปเย่หลิ่นหานอ่อนโยนกับคนอื่นเสมอ แต่ความจริงแล้วเขาก็มีอีกมุมที่เย็นชา
คิดๆไป เย่หลิ่นหานขยับตัวมาทางนี้แล้ว เขาสบตาเข้ากับเสิ่นเฉียวพอดี
หลังจากที่ทั้งสองคนประสานตากัน เสิ่นเฉียวคิดถึงอะไรบางอย่างแล้วก็รีบหมุนตัวแล้วเดินหนีไปทันที
ไม่ทันคิด เย่หลิ่นหานก็ก้าวตามเธอไปด้านหน้าแล้วรั้งตัวเธอไว้
“ตกลงว่าพี่ทำอะไรผิด พอเธอแค่เห็นหน้าก็รีบหนี?”
“……..”
เธอไม่พูดอะไร เงียบไปแป๊บหนึ่งแล้วเดินออกไปทางด้านขวา เย่หลิ่นหานกลับตามหลังเธอไปเหมือนกำลังแข่งขันกับเธออยู่อย่างนั้น เสิ่นเฉียวไปทางซ้าย เย่หลิ่นหานก็ไปทางซ้าย ในที่สุดเสิ่นเฉียวก็ทนไม่ไหว หมุนตัวเตรียมจะวิ่ง
แต่กลับโดนเย่หลิ่นหานจับมือเอาไว้ ก้าวไปด้านหน้าแต่กลับเดินไปไม่ได้
“ปล่อยฉันนะคะ!” เสิ่นเฉียวร้อนใจ อยากจะสะบัดมือเขาออก ตรงนี้คนไม่ค่อยเยอะ แต่ว่าก็ไม่น้อย แถมส่วนมากก็เป็นคนของบริษัทอยู่ดี ถ้าเกิดว่าปล่อยให้คนอื่นๆเห็นว่าระหว่างเธอกับเย่หลิ่นหานดูมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ต้องโดนนินทาอีกรอบแน่ๆ
แล้วถ้าคำนินทาไปเข้าหูของเย่โม่เซินแล้วล่ะก็……
“ยกเว้นเธอจะบอกพี่ว่า เหตุผลที่หลบหน้าพี่คืออะไร พี่ถึงจะค่อยคิดว่าจะปล่อยเธอไปดีไหม”
ถ้าเปรียบเทียบกัน เสิ่นเฉียวนั้นร้อนใจมากแต่อารมณ์และน้ำเสียงของเย่หลิ่นหานนั้นกลับนิ่งสงบและราบเรียบ ราวกับไม่ได้สนใจเลยว่าจะมีใครมาเห็นภาพแบบนี้เข้า
เหตุผลที่หลบหน้าเขา? เสิ่นเฉียวไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะบอกกับเขายัง ตอนนี้เธอไม่อยากจะเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เธอรับไม่ได้ที่ตอนดึกในคืนนั้นคนแปลกหน้าที่อยากได้เธอคือเย่หลิ่นหาน
“ปล่อยฉัน” เสิ่นเฉียวยังคงดิ้น ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินในสิ่งที่เย่หลิ่นหาน
มือของเย่หลิ่นหานมันหนักราวกับโซ่เหล็ก ล็อกตัวเธอเอาไว้แน่น
“หรือเพราะว่าพี่ให้เงินแม่เธอไปสามแสน? เธอคิดว่าเธอกำลังติดค้างพี่อยู่? ดังนั้นก็เลยอยากหลบหน้าพี่?”
เสิ่นเฉียวไม่ยอมพูด และยังคงพยายามดิ้น
“ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ อย่างนั้นเธอเองก็ไม่จำเป็นต้องหลบหน้าพี่ เพราะว่าเงินพวกนั้นเป็นเงินที่พี่ให้ไปโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากเธอ ไม่ได้เกี่ยวกับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอเองก็ไม่ต้องกดดัน พี่เองก็ไม่มีทางให้เธอคืน”
ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดอารมณ์ของเสิ่นเฉียวก็ตีกลับขึ้นมาเหมือนระลอกคลื่น เธอเบนสายตามามองผู้ชายตรงหน้า ไม่หนีไปไหน
“คุณคิดว่านี่เป็นเหตุผลหลักอย่างนั้นเหรอ? เย่หลิ่นหาน คุณปล่อยฉันได้แล้ว”
เย่หลิ่นหานหรี่ตาลง มองเข้าไปในดวงตา ที่ในเวลาปกติมันมักจะมีแววตาเย็นชาฉายอยู่ตลอด ในตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยความสับสนและซับซ้อนวุ่นวาย ในใจดูมีคำถาม
“อย่างนั้นปัญหาหลักมันคืออะไรล่ะ? บอกพี่มาสิ !”
เขาออกแรงกำข้อมือเธอไว้แน่นกว่าเดิม
คิ้วเรียวของเสิ่นเฉียวขมวดมุ่น “เจ็บ”
เย่หลิ่นหานรู้ตัวแล้วก็รีบปล่อยมือเธอในทันที “ขอโทษ เมื่อกี้พี่ใจร้อนไปหน่อย ข้อมือเธอเป็นยังไงบ้าง?”
เสิ่นเฉียวหาจังหวะเหมาะแล้วสะบัดเขาออก เสร็จแล้วก็ถอยหลังไปสองก้าว “มือของฉันไม่เป็นอะไร แต่ว่าฉันมีงานอีกมากที่ต้องทำ ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบ เสิ่นเฉียวก็หมุนตัวแล้วหายไปในทันที เย่หลิ่นหานอยากจะตามไป แต่ก็กลับหยุดเดินแล้วยืนอยู่ที่เดิม มองตามแผ่นหลังของเธอไป
กาวหยุนที่เห็นภาพนี้จากในที่ไม่ไกลออกไป กำมือแน่น มีสีหน้าหงุดหงิด
ชุยหมิ่นลี่หันมามองเธอ แล้วพูดใส่สีตีไข่ “ยัยแซ่เสิ่นคนคนนี้นี่เกินไปแล้วจริงๆ หล่อนคิดว่าหล่อนเป็นใครกัน? ถึงกับกล้าชักสีหน้าใส่รองประธานเย่ รองประธานเย่….ก็ดันไม่โมโหอีก! กาวหยุน ยัยแซ่เสิ่นทำเกินไปแล้ว!”
กาวหยุนชอบเย่หลิ่นหาน
นี่เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้กัน
ไม่ใช่แค่กาวหยุน คนในบริษัทอีกหลายคนก็แอบชอบเย่หลิ่นหาน เขาอบอุ่น แถมยังเป็นรองประธานของบริษัทตระกูลเย่ หน้าตาก็ดี ใครจะไม่ชอบกัน?
กาวหยุนก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เธอชอบเย่หลิ่นหานมาตั้งนานแล้ว เสียดาย ถึงเย่หลิ่นหานจะเคยพูดกับเธอบ้าง แต่ว่าเขาไม่เคยมองเธอจริงๆเลยสักครั้ง
วันนี้เห็นว่าเย่หลิ่นหานทำกับเสิ่นเฉียวแบบนี้ ในใจของกาวหยุนอิจฉาเป็นอย่างมาก
“กาวหยุน แกไม่ต้องโมโหไป ท่านรองประธานเย่ไม่มีทางชอบผู้หญิงประเภทนี้หรอก อาจจะแค่มาคุยกับหล่อนเรื่องงานก็เท่านั้นเอง”
แต่กาวหยุนกลับกัดริมฝีปากของตัวเองเอาไว้แน่น “ถุย หล่อนเป็นใครกัน หล่อนนะเหรอ รองประธานเย่จะชอบหล่อนได้ยังไง?”
“หล่อนก็แค่อยากจะยั่วรองประธานเย่ ผู้หญิงแพศยา โดนลดตำแหน่งแล้วแท้ๆยังทำนิสัยโจรอีก ฉันจะต้องจัดการหล่อนแน่!”
วันนั้นตอนเย็น พอทุกคนทำงานเสร็จแล้วกลับกันไป อยู่ๆกาวหยุนก็เรียกเสิ่นเฉียวเอาไว้
“เด็กใหม่ ฉันมีเรื่องจะพูดกับแก!”