เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่202 คุณอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่202 คุณอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน
“พวกคุณพูดพอหรือยัง?”อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็พูดแทรกพวกเธอ จ้องไปรอบนึงด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องของฉันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณแม้แต่น้อยใช่ไหม?”
“หยิ่งอะไรเล่า? ก็เพราะมีคุณชายเย่และรองประธานเย่ชอบคุณละสิ? เรายังเคยเป็นเพื่อนร่วมงานพักนึงเลย ทำแบบนี้มันไร้ความปรานีเกินไปหรือเปล่า?”
“ใช่แล้ว ก็แค่กลับไปตำแหน่งเดิม หยิ่งอะไรกัน ไม่แน่ อีกไม่นานอาจจะถูกลดตำแหน่งลง ไม่ว่ายังไงคุณชายเย่กับรองประธานเย่ก็ต้องแต่งงานอยู่ดี บทบาทเล็กๆอย่างคุณไม่มีทางได้แต่งงานเข้าบ้านตระกูลเย่ไปเป็นเจ้านายน้อยหรอก เชอะ!”
พอไม่กี่คนคนพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไปอย่างอารมณ์เสีย
เสิ่นเฉียวยืนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง ทอดสายตามองไปที่ที่ว่างเปล่า
เย่หลิ่นหานย้ายตำแหน่ง เธอไม่ยอมไป เขาจึงให้คนมาเชิญ เธอก็ยังไม่ไป
ใครจะไปรู้ว่าตอนที่เย่โม่เซินให้เธอกลับมาอยู่ตำแหน่งเดิม ดันให้คนมาย้ายโต๊ะโดยตรง นี่หมายความว่า ยังไงก็คิดจะให้เธออยู่ที่นี่ต่ออีกแล้ว
วิธีการทำงานของทั้งสองคน ต่างกันสิ้นเชิงเลย
สุดท้ายเสิ่นเฉียวทำอะไรไม่ถูก ก็เลยหันหลังเดินออกจากประตูแผนก
พวกคนที่เดินออกไปอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า:”พวกคุณรอดูนะ คนอย่างเธอ สักวันจะถูกถีบออกจากตระกูลเย่”
“ใช่ หยิ่งตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ เก่งจริงเธอก็ปีนขึ้นไปตำแหน่งคุณนายน้อยของตระกูลเย่สิ ถ้าไม่เก่งพอสุดท้ายก็ต้องถูกคัดออกอยู่ดี”
เสิ่นเฉียวถึงชั้นสูงสุดของตึก ถึงที่ที่คุ้นเคย
นี่เป็นที่ที่เธอได้สัมผัสตอนที่เธอมาบริษัทแรกๆ เพราะฉะนั้นทุกอย่างของตรงนี้เธอล้วนแล้วเคยชินมาก
ภายในห้องทำงานเงียบงาน แค่ดูก็รู้ว่าเย่โม่เซินยังไม่กลับมา เวลาผ่านไปตั้งคืนนึงแล้ว เขาก็ยังไม่กลับมา
เสิ่นเฉียวนั่งที่นั่ง แล้วมองคอมพิวเตอร์ที่อยู่ด้านหน้าตนยังเหม่อลอย
ถ้าเลือกได้ เธอยอมให้ตนเองไม่มีหัวใจ
ตัวเธอเองยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตนเองถึงชอบเย่โม่เซิน
รู้จะเป็นเพราะว่า…..ตอนที่อยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นทุกคนล้วนหัวเราะเยาะเธอ ดูถูกเธอ และเขาใช้มือข้างเดียวจับเธอไว้ ถ่ายถามว่าใครเป็นคนผลักเธอล้ม และยังส่งเอกสารสัญญาของห้างสรรพสินค้าให้กับเธอต่อหน้าทุกคนงั้นเหรอ?
หรือว่า จะแต่งตอนที่อยู่ลู่สุนฉางอยากเอาเปรียบเธอ แค่เขาพูดคำเดียวก็ไม่ร่วมงานกับอีกฝ่าย และต่อมายังจัดการเขาอีก?
ถึงแม้เวลาที่อยู่ด้วยกันจะไม่นานเท่าไหร่ แต่พอมานึกภาพดูแล้ว ที่แท้เรื่องมันเกิดเยอะขนาดนี้แล้ว
ขณะที่กำลังครุ่นคิด จู่ๆลิฟต์ก็เปิดออก เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมา เห็นเซียวซู่เข็นเย่โม่เซินออกมาจากลิฟต์
ทั้งสองคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขอบตาดำแบบเห็นได้ชัดเจนเลย
เสิ่นเฉียวหยุดอยู่แป๊บนึงแล้วจึงลุกขึ้น
เย่โม่เซินเหมือนจะไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเธอที่นี่ ทางไปแป๊บนึงเมื่อเห็นโต๊ะด้านหน้าเธอถึงนึกขึ้นได้ ยกมุมปากขึ้น:” ทำได้ดีมาก ”
“ใช่คุณจริงๆด้วยที่สั่งให้พวกเขาย้ายของๆฉันมาที่นี่ ”
เซียวซู่รู้ว่าพ่อเขามีเรื่องต้องคุยกัน จึงเห็นเขาไปด้านหน้าเสิ่นเฉียวแล้วกล่าว:”คุณชายเย่ ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ไม่รอให้เขาตอบก็หันหลังเดินไปในลิฟต์ หายตัวไปในพริบตา
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว เสิ่นเฉียวทำได้เพียงหัวเราะในใจ หนีได้ไวจริงๆเลย
“ไม่ย้ายของๆคุณ คุณจะขึ้นมาดีๆมั้ย?”เย่โม่เซินกวาดตามองเธอทีนึง มือก็หมุนล้อรถ มุ่งไปยังห้องทำงาน
เสิ่นเฉียวเห็นแบบนี้ เม้มปากแดง แล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน
“แต่คุณก็ไม่ควรออกคำสั่งให้พวกเขามาย้ายของฉันแบบนี้สิ? ของพวกนี้มันเป็นของแผนกนั้นอยู่แล้ว คุณยายของพวกนี้ขึ้นมาข้างบน งั้น…..”
“เรื่องอื่นคุณอย่ากังวลไปเลย คุณทำหน้าที่เป็นเลขาของผมดีๆก็พอแล้ว”
เซิ่นเฉียว:”ฉันไม่ได้อยากเป็นเลขาของคุณ”
เย่โม่เซินกลับไปที่หน้าโต๊ะทำงาน ก่อนโน๊ตบุ๊ค เสียงเย็นชาลง
“ผมกำลังแจ้งให้คุณทราบ ไม่ได้กำลังถามความคิดเห็นของคุณ”
เผด็จการเกินไปแล้ว บางครั้งเสิ่นเฉียวก็เกลียดจริงๆกลับท่าทีแบบนี้ของเขา
“เย่โม่เซิน คุณคิดว่า คุณพูดอะไรฉันก็ต้องเชื่อฟังนั้นเหรอ? ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามใช่ไหม?”
เย่โม่เซินแววตาเงยขึ้นอย่างขี้เกียจ:”ผมคิดว่าตั้งแต่คนแต่งงานเข้ามาในตระกูลเย่ คุณก็ยอมรับชะตากรรมตนเองแล้ว”
“รวมถึงเรื่องที่ถูกคนทิ้งไว้ที่บ้านตอนเที่ยงคืนด้วยงั้นหรอ”จู่ๆเสิ่นเฉียวก็ไถ่ถามขึ้นมาคำนึง
เย่โม่เซินตะลึง คิ้วเข้มยกขมวดขึ้น
“คุณพูดอีกรอบนึงสิ?”
“ก่อนที่คุณจะออกไปเมื่อคืนคุณพูดอะไรไว้?บอกให้ฉันรอคุณกลับมา” มุมปากเสิ่นเฉียวยกขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เย็นชาตั้งใจด้วยรอยยิ้มที่ขมฝาด:”ฉันรอคุณทั้งคืน คุณไปไหนล่ะ? ไม่โทรหาเลย โผล่มาตอนนี้แล้วยังสั่งให้คนมาย้ายของๆฉันขึ้นมาอีก ใช่สิ ฉันแต่งงานเข้ามาในบ้านตระกูลเย่แทนน้องสาวของฉันก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องยอมทำตามที่คุณพูดไปซะทุกอย่างนะ ”
เธอพูดได้ตื่นเต้นไปหน่อย หลังจากเสิ่นเฉียวพูดจบยังรู้สึกว่าตัวเองพูดเยอะไปหน่อย
คำพูดของเธอเมื่อกี้ ราวกับว่ากำลังหึง แล้วก็โทษเขาที่ไม่กลับมาทั้งคืน
เหมือนภรรยาที่มีความคับแค้นใจลึกๆ
แน่นอน เย่โม่เซินยิ่งขมวดคิ้วลึกขึ้น ดวงตายาวของเขาปิดเล็กลงเล็กน้อย “คุณกำลังโทษผมที่ไม่กลับมาทั้งคืน ทำให้คุณต้องเหงาเดียวดายสินะ? ”
เสิ่นเฉียวหายใจเข้าลึกๆ เม้มปากแน่นๆ ไม่พูดตอบ
“เฮอะ” เย่โม่เซินขำเสียงต่ำ แววตาดูมีแสงประกายอย่างมีเลศนัย :” หญิงแต่งครั้งที่สอง รู้สึกเหงาแล้วเหรอครับ?”
เขาหมุนล้อรถเข็นมุ่งเข้าหาเสิ่นเฉียว “เมื่อคืน….”
“อย่ามาพูดเรื่องเมื่อคืน!” จู่ๆเสิ่นเฉียวก็ดุไปหนึ่งคำ เห็นเขากำลังมุ่งมาหาตน ก็รีบถอยหลังไปก้าวนึง:”คุณก็ไม่ต้องมาใกล้ฉัน”
เย่โม่เซินค้างอยู่กับท่าเข็นรถอยู่ที่เดิมอย่างนั้น จ้องเธอยังไม่พอใจ
“คุณต้องการบอกอะไรกันแน่?”
เสิ่นเฉียวคิดๆดูแล้ว กำมือแน่น:”ฉันหวังว่า…..คุณจะปล่อยฉันนะ”
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปทางเย่โม่เซิน มองเขาด้วยแววตาแน่วแน่:”ยังไงเราก็ไม่ใช่สามีภรรยากันจริงนิ ยังไงสักวันก็ต้องหย่าร้างกัน งั้นเราก็ทำเหมือนหย่ากันแล้วตั้งแต่ตอนนี้ไม่ดีกว่าเหรอ ฉันกลับไปที่แผนกของฉันเหมือนเดิม คิดซะว่าวันนี้กลับเมื่อคืนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น”
พอพูดจบ เสิ่นเฉียวหันหลังแล้วเดินออกไปด้านนอก
“หยุดนะ”
เสิ่นเฉียวจุดก้าว หันศีรษะกลับไปมองเขา
“แบบนี้ก็ไม่ได้หรือไง?”
เย่โม่เซินที่ดวงตาคมเหมือนนกอินทรีทอดมองไปที่ใบหน้าของเธอ สายตาจ้องมองเธอแบบค้นหา กล่าวอย่างเยือกเย็นว่ะ:”นี่แสดงว่าคุณกำลังโทษผมที่เมื่อคืนผมปฏิบัติเย็นชาต่อคุณ หญิงแต่งงานครั้งที่สอง เมื่อคืนผมมีเรื่องที่สำคัญจริงๆ”
ได้ยินดังนี้ เสิ่นเฉียวเริ่มควบคุมปากตนเองไม่ได้
เรื่องสำคัญอะไร?คุณบอกฉันได้ไหม?”
เยโม่เซินนิ่งสักพัก กล่าว:”หาคน”
“หาคนหรอ?หาใครอ่ะ?” เสิ่นเฉียวถามลึกเข้าไปอีก
เย่โม่เซินทำตาเล็กๆดูอันตราย:” นี่เป็นเรื่องที่คุณควรถามเหรอ?”
เสิ่นเฉียว:”……ใช่สิ ฉันไม่ควรถาม เรื่องของคุณเย่โม่เซิน วนถึงฉันเป็นคนถามตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? งั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉันอีก”
เธอโมโหเสียจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!
เมื่อเห็นท่าทีเธอโมโหแบบนี้ จู่ๆเย่โม่เซินก็คิดอะไรได้ ปากบางงอนขึ้นเล็กน้อย ยื่นมือไปดึงตัวเสิ่นเฉียวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตน แล้วก็จับคางเธอไว้ กล่าวด้วยน้ำเสียงดูมีเลศนัย:”หญิงแต่งงานครั้งที่สอง คุณกำลังหึงแล้วใช่ไหม?”