เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่204 เห็นกับตาไม่อยากจะเชื่อ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่204 เห็นกับตาไม่อยากจะเชื่อ
เส่โยวคิดที่จะอ่อยเย่โม่เซิน?
เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าตัวเองได้ยินเรื่องที่ไร้สาระมากเรื่องนึง มุมปากอดไม่ได้ที่จะขยับ เสิ่นเฉียวยิ้มอย่างไม่เต็มใจแล้วพูดว่า:“ ไม่ เป็นไปไม่ได้ ? คุณน่าจะเข้าใจเส่โยวผิดแล้ว ฉันรู้จักเธอดี เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ”
“เฮ้อ ฉันไม่รู้ว่าจะพูดคุณว่าไร้เดียงสาหรือว่าโง่ดี ” เสี่ยวเหยียนโกรธจนเอามือกอดอก วิเคราะห์ให้เสิ่นเฉียวอย่างมีเหตุผล :“เธอบอกคุณว่าเธอแค่มาคุยเรื่องงานใช่ไหม? งั้นคุณดูเธอเอาอะไรมาคุยเรื่องงาน? นี่เป็นข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง คุยเรื่องงานจำเป็นต้องใส่ถึงขนาดนี้เลยหรอ ? ดูคอเสื้อเธอใหญ่จนจะปิดตัวเธอไม่มิดอยู่ละ ฉันกลัวว่าเธอจะเดินไม่กี่ก้าวก็จงใจโชว์เนื้อให้คุณชายเย่ดู”
เสิ่นเฉียว:“……”
“พวกคุณเป็นเพื่อนรักกันได้ยังไง ?เฉียวเฉียว ผู้หญิงแบบนี้คุณยังเชื่อ ?”
ในเวลานั้นเสิ่นเฉียวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ถูกเสี่ยวเหยียนวิเคราะห์ให้แบบนี้ เธอก็รู้สึกแปลกใจที่เส่โยวมาคุยงานกับเย่โม่เซิน แต่เธอกับหานเส่โยวเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี เธอก็ยังเชื่อว่าเส่โยวจะไม่ทำเรื่องแบบนี้
ตอนที่รู้ว่าเธออยู่ในสถานการณ์ลำบาก หานเส่โยวก็ช่วยอย่างเต็มที่
“เสี่ยวเหยียน ฉันรู้ว่าที่เธอไม่ชอบเส่โยวก็เพราะหน้าตาของเธอ แต่ว่าฉันรู้จักเธอมาตั้งนานแล้ว เธอเป็นคนแบบไหนฉันรู้ดีกว่าคุณ ในโลกนี้ไม่มีใครรู้จักเธอดีไปกว่าฉัน ดังนั้นฉันหวังว่า….. คำพูดแบบนี้ต่อไปฉันจะไม่ได้ยินอีก เส่โยวเธอ….. เป็นเพื่อนรักของฉันตลอดมา เธอเคยช่วยเหลือฉันเยอะมาก แต่เรื่องพวกนี้คุณยังไม่เข้าใจ คุณไม่รู้อะไรเลย คุณพูดให้เธอเสียหายต่อหน้าฉันหลายครั้ง ถ้า…..”
พูดถึงที่นี่ เสิ่นเฉียวหยุดสักพัก แววตาที่เย็นชามีความเจ็บปวดเล็กน้อย
“ ถ้าคุณแก้ไม่ได้จริงๆ งั้น….. ต่อไปคุณก็ไม่ต้องมาหาฉันอีก”
เสี่ยวเหยียนได้ยินแบบนี้ ทนไม่ไหวที่จะลืมตาโตๆ
“ห๊า เสิ่นเฉียวคุณนี่มัน…..ฉันทำเพื่อคุณนะ คุณยัง….. ไม่เป็นเพื่อนกับฉันเพราะเรื่องแบบนี้?
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร ปิดปากสีหน้าเฉยๆไม่มีกิริยาสีหน้าอะไร
เสี่ยวเหยียนดึงสายตากลับมาอย่างผิดหวัง :“ก็ได้ ในเมื่อคุณไม่เห็นคุณค่าของฉัน ฉันก็จะไม่หน้าด้านอยู่ต่อ แค่นี้นะ”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนหันหลังแล้วจากไป เสิ่นเฉียวขยับริมฝีปาก มือที่ห้อยข้างๆอยากจะไปดึงเธอไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับ
ช่างเถอะ ถ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน งั้น……ก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันยังจะดีกว่า
สุดท้ายเสิ่นเฉียวไปโรงอาหารคนเดียว ตักข้าวเสร็จพบว่าที่นั่งที่ชอบจองไว้ประจำถูกคนอื่นจองไว้แล้วเพราะเธอมาสาย ปกติเสี่ยวเหยียนจะชอบดึงเธอมาจองที่นั่ง แล้วอีกคนไปตักข้าว
ตอนนี้…..
เธอหามุมๆหนึ่งแล้วนั่ง กินอาหารในจานเหมือนไม่มีรสชาติอะไร เมื่อก่อนมีเธออยู่ข้างๆตลอด ตอนนี้เสี่ยวเหยียนไม่อยู่กับเธอกะทันหัน เสิ่นเฉียวรู้สึกไม่ชิน รู้สึกเหงา
แปลกมาก เสิ่นเฉียวนึกถึงคำพูดที่เสี่ยวเหยียนพูดเมื่อกี้
เธอบอกว่าหานเส่โยวคิดที่จะอ่อยคุณชายเย่
เป็นไปได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงว่าหานเส่โยวดีเลิศขนาดไหน ตอนนี้เธอเป็นถึงลูกสาวของตระกูลหาน จะไปชอบเย่โม่เซินได้ยังไง? เพราะถึงยังไง เขาจะหล่อแค่ไหน แต่เขาก็ยังนั่งอยู่บนรถเข็น
ถึงแม้ว่าเสิ่นเฉียวจะไม่ขยะแขยงที่เขานั่งรถเข็น แต่ว่าด้วยปกติแล้วผู้หญิงคนอื่นมักจะไม่ชอบผู้ชายที่นั่งบนรถเข็นนี่
ยิ่งคิด เสิ่นเฉียวยิ่งไม่สบายใจ
ถึงแม้เธอพูดว่าเชื่อเส่โยว แต่เสี่ยวเหยียนก็เคยพูดไว้ก่อนแล้ว ตอนนี้เธอก็เลยนึกถึงแต่ชุดที่หานเส่โยวใส่ ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
กินข้าวไปไม่กี่คำ เสิ่นเฉียวก็เก็บของขึ้นชั้นบน
หลังจากที่ออกจากลิฟต์ ยังไม่เห็นหานเส่โยว
เสิ่นเฉียวคิดสักแป๊บ มองไปทางห้องทำงาน
ไม่รู้ว่าเส่โยวอยู่ข้างในหรือเปล่า ประตูห้องทำงานปิดแน่น และไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบไหน
เสิ่นเฉียวรู้สึกประหลาดใจ เท้าก็ก้าวไปทางห้องทำงาน
ในห้องทำงานเงียบมาก ประตูดูเหมือนเป็นแค่ที่ปกปิด เสิ่นเฉียวรู้สึกประหลาดใจมาก แอบเข้าใกล้อย่างกับโจร
เดินเข้าใกล้ๆ เสิ่นเฉียวค่อยได้ยินเสียงสนทนาจากข้างใน เหมือนเป็นเสียงของเส่โยว เสียงของเธอนุ่มนวลมาก เบาๆ นุ่มนวลเหมือนริบบิ้น
ถึงแม้ว่าจะได้ยินเสียง แต่ว่าหานเส่โยวพูดเสียงเบามาก เสิ่นเฉียวไม่ได้ยินว่าฝ่ายตรงข้ามพูดอะไรเลย
แต่ในใจก็รู้สึกแปลกใจมาก เธอก็เลยขยับตัวเข้าไปใกล้ มองไปข้างในผ่านรอยร่องตรงประตู
ไม่ดูยังไม่เป็นไร พอดูแล้ว เสิ่นเฉียวเปลี่ยนสีหน้าทันที
เพราะหานเส่โยวนั่งข้างๆโต๊ะทำงาน เย่โม่เซินมองไปที่โน๊ตบุ๊คที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชา และหานเส่โยวนั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะทำงาน เธอมีรูปร่างหุ่นที่ดีมาโดยตลอด วันนี้ดูเหมือนมีน้ำมีนวลมากกว่าปกติ น้ำหนักส่วนบนไปตกอยู่ที่โต๊ะเต็มที่ คอเสื้อที่กว้างก็หลุดออกจากกันเพราะเอนตัวไปข้างหน้า เห็นผิวที่นุ่มขาวเต็มๆ…..
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว ทำไมเป็นแบบนี้?
เส่โยวเธอ…..แบบไม่รู้ตัว หรือว่า…..จงใจแบบนี้? แค่พริบตา เสิ่นเฉียวรู้สึกอึดอัดใจมาก แยกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ?
และเย่โม่เซินที่อยู่ในห้องทำงาน เหมือนรู้สึกอะไรได้ แววตาคมมองพุ่งออกไปนอกประตู
เสิ่นเฉียวตกใจ หลบก่อนที่เขาจะมองมา ใจเต้นแรงมากแบบไม่หยุด!
สักพัก เธอกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า แล้วเอามือไว้ที่หน้าอกเดินไปยังตำแหน่งที่ทำงานตัวเอง
หลังจากที่นั่งลง สมองของเสิ่นเฉียวยุ่งเหยิงมาก เป็นภาพของหานเส่โยวเอ็นร่างกายส่วนบนของเธอไว้บนโต๊ะทำงานทั้งหมด ภาพการโชว์ผิวขาวอ่อนนุ่ม ท่าทางแบบนั้น…..ดูเหมือนจะไม่รู้ตัว แต่ว่า…..โชว์ออกมาเยอะขนาดนี้
เธอคิดมากไปเอง หรือว่าหานเส่โยวอยากจะอ่อยเย่โม่เซินจริงๆ?
“เธอบอกคุณว่าเธอแค่มาคุยเรื่องงานใช่ไหม? งั้นคุณดูเธอเอาอะไรมาคุยเรื่องงาน? นี่เป็นข้อที่หนึ่ง ข้อที่สอง คุยเรื่องงานจำเป็นต้องใส่ถึงขนาดนี้เลยหรอ ? ดูคอเสื้อเธอใหญ่จนจะปิดเธอไม่ได้อยู่ละ ฉันกลัวว่าเธอจะเดินไม่กี่ก้าวก็จงใจโชว์เนื้อให้คุณชายเย่ดู”
คาดไม่ถึงว่า คำพูดของเสี่ยวเหยียนที่เคยพูดกับตัวเองก็ดังขึ้นมาข้างหู เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมา เอามือมากดหัวตัวเองไว้
“ เสิ่นเฉียว อย่าคิดมาก คุณกับเธอรู้จักมากี่ปีแล้ว เธอไม่มีทางทำแบบนี้กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น คนแบบเย่โม่เซิน…..ใครจะไปชอบเขาล่ะ?
เธอกังวลไปเองจริงๆ
เสิ่นเฉียวคิดคำปลอบใจไว้ให้ตัวเองมากมาย สุดท้ายค่อยสบายใจขึ้น เธอเปิดคอมเตรียมตัวจะทำงาน แค่ทำให้ยุ่งขึ้นมาก็จะจำเรื่องเมื่อกี้ไม่ได้อีก
เพิ่งเปิดเอกสารป้อนข้อมูล เสิ่นเฉียวหยุดสักแป๊บนึง
เพราะประตูห้องทำงานเปิดละ เธอได้ยินเสียง เสียงรถเข็นบวกกับเสียงรองเท้าส้นสูงของหานเส่โยว
เสิ่นเฉียวมองไปทางพวกเขา โดยจิตใต้สำนึกของเธอ
“ เฉียวเฉียว คุณกินข้าวเสร็จแล้วหรอ ? ฉันกับคุณชายเย่คิดว่าจะออกไปกินข้าวกัน ฉันยังคิดที่จะเรียกคุณไปด้วย ”
เสิ่นเฉียวดึงริมฝีปาก:“ ไม่ ไม่ต้องแล้ว ฉันกินเสร็จแล้ว ”