เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่217 กลมกะทัดรัด
“ฉันเหรอ? ”เสิ่นเฉียวชะงัก “มันไม่ใช่ที่แกมองอยู่เหรอ? ”
“ฉันมองแทนแกยังไงหล่ะ? ” เสี่ยวเหยียนส่งสัญญาณให้เธอรับต่างหูในขณะที่พนักงานขายก็คอยตามมองอย่างใคร่รู้
สายตาทุกคู่ในร้านจับจ้องมาที่เธอ ใบหน้าของเสิ่นเฉียวซีดเผือด ปฏิเสธขึ้น “ไม่เอาหรอก ฉันไม่ใส่ๆ ”
“ไอ้หยา ถ้าแกไม่ชอบก็คิดซะว่าลองแทนฉันยังไงหล่ะ? วันนี้ต่างหูที่ฉันใส่มามันถอดยาก ดังนั้นแกช่วยลองแทนฉันหน่อยน่า”
เสิ่นเฉียว:“……”
“ลองหน่อยน่า”
เย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นได้ยินบทสนทนาของสองสาวก็มองไปที่เสิ่นเฉียวอย่างไม่รู้ตัว
วันนี้เธอใส่เพียงเสื้อยืดสีขาวธรรมดา บวกกับผูกผมหางม้าที่ยาวย้อยถึงเอว มองดูแล้วเป็นผู้หญิงทะมัดทะแมงมีความสามารถ รับกับแก้มขาวที่ขนาบข้างด้วยติ่งหูกลมกะทัดรัด
เขา……เหมือนกับเคยได้ลิ้มรสติ่งหูนั่นมาก่อน มันช่างหวาน อีกทั้งยัง…… นุ่มมากทีเดียว
นานมากแล้วที่ไม่เคยที่จะได้เห็นเธอสวมเครื่องประดับอะไร เขาให้คนไปเตรียมของเหล่านั้นมา แต่เธอก็ไม่ยอมที่จะแตะต้องมัน ร่างทั้งร่างของเธอจึงเปลือยมาโดยตลอด
เย่โม่เซินมองต่างหูคู่นั้น มันกลมกะทัดรัดเหมือนกับติ่งหูของเธอไม่มีผิด ถ้าหากว่า……หูของเธอได้สวมใส่มัน……
เมื่อคิดได้ เย่โม่เซินที่เหม่ออยู่หลายวินาที ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้ง “ลองสิ”
เขาเองก็อยากดู ว่าเธอใส่ต่างหูคู่นั้นแล้วมันจะเป็นยังไง
เสี่ยวเหยียนนั้นเดิมทีเพียงอยากทดสอบ เมื่อได้ยินเย่โม่เซินพูดแบบนั้นก็กระดี๊กระด๊า รีบจับมือเสิ่นเฉียว “ดูสิคุณชายเย่ยังเอ่ยปากเลย แกลองใส่ดูๆ ”
เสิ่นเฉียวถูกบังคับให้หมดหนทาง จึงรับต่างหูคู่นั้นมา “อ่ะงั้น……ก็ได้”
เธอค่อยๆ หยิบเอาต่างหูที่อยู่ที่ฝ่ามือก่อนจะลองให้มันหน้ากระจก
เมื่อลูกปัดเพชรกลมกะทัดรัดมาประดับที่หูของเธอ ก็พลันรับเข้ากับผิวที่ขาวผ่องของเธอ ขนาดหูที่เป็นสีขาวของเสิ่นเฉียวยังเปลี่ยนกลายเป็นสีชมพูเรื่อขึ้นมา
“สวยมากเลยนะ”เสี่ยวเหยียนพูดอย่างตะลึง จกานั้นจึงกดไหล่ของเสิ่นเฉียวให้หันไปทางเย่โม่เซิน “คุณชายเย่ดูสิ้คะ เฉียวเฉียวใส่แล้วดูเหมาะเหม็งเลยใช่มั้ย? ”
เย่โม่เซินเหลือบตามองต่างหูสีชมพูที่รับเข้าพอดีกับติ่งหูของหญิงสาวก่อนจะทำเสียงอื้ม
“ซื้อเถอะๆ ”เสี่ยวเหยียนแนะนำ
พนักงานดูแลที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างร่าเริง “ใช่ค่ะคุณผู้หญิง ต่างหูคู่นี้เป็นรุ่นใหม่สุดของร้านเราเลยนะคะ สไตล์เป็นเอกลักษณ์แถมยังมีเพียงคู่เดียวด้วย ถ้าคุณชอบก็สามารถซื้อได้เลยค่ะ”
เสิ่นเฉียวมองหน้าเย่โม่เซินอย่างตื่นๆ เมื่อเห็นดวงตาดำของเขามองมาที่ร่างของเธอ จู่ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหันหน้าไปทางพนักงานขาย
“ถ้างั้น……”
“คุณผู้หญิงคะ ต่างหูคู่นี้อยู่ในช่วงโปรโมชั่นพอดีเลยหล่ะค่ะ ราคามันน่ารักมากเลยด้วย”
เธอใช้เครื่องคิดเลขขึ้นมาคำนวณก่อนจะยื่นให้เสิ่นเฉียวเห็นถึงจำนวนเงิน
เมื่อเสิ่นเฉียวเห็นตัวเลข สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที
แพงมากเลยอ่ะ……
เธอจ่ายไม่ไหวอยู่แล้ว
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างร่าเริงพลางพูด “ราคาน่ารักจริงๆ ด้วย เอาใส่กล่องเลยค่ะ”
“ไม่นะ……”เสิ่นเฉียวรีบห้ามเธอ พูดเสียงกระซิบ “แกจะบ้าหรือยังไง ฉันไม่ได้มีเงินเยอะอะไรขนาดนั้น”
เสี่ยวเหยียนหัวเราะหิหิพลางหันไปทางเย่โม่เซิน “คุณชายเย่ก็อยู่ไม่ใช่หรือยังไง? ไม่เห็นต้องใช้เงินแกเลย”
พูดจบเธอก็กระซิบอะไรบางอย่างที่หูของเสิ่นเฉียว เสิ่นเฉียวจากที่สีหน้าไม่ค่อยดีแล้ว หน้าก็ซีดเผือดลงทันทีเมื่อได้ยินที่เธอพูด พลางส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด
“ไม่ต้องห่อนะ ฉันยังไม่อยากได้มันตอนนี้” พูดจบเธอก็ยกมือขึ้นจับต่างหูที่หูเธอ
เย่โม่เซินเห็นกิริยาของเธอก็ส่งเสียงห้ามทันที “ใส่ไปเถอะ ฉันจ่ายเอง”
การเคลื่อนไหวของเสิ่นเฉียวหยุดชะงัก และในเสี้ยววินาทีถัดมาเธอก็รีบแกะต่างหูออกมาวางที่เคาน์เตอร์ “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ แต่ฉันยังไม่ได้ชอบต่างหูคู่นี้เท่าไหร่ เอากลับไปวางเถอะ”
เสี่ยวเหยียน:“เฉียวเฉียว?”
เย่โม่เซินเองก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ? ต่างหูคู่นี้เหมาะกับหูเธอจะตายไป
พนักงานรับต่างหูไปด้วยใบหน้าที่ยังคงคาใจ “คุณผู้หญิงคะ ต่างหูคู่นี้งามมากเลยนะคะ คุณไม่ลองคิดดูอีกสักรอบเหรอคะ? ”
“ของคุณนะคะ แต่ไม่เอาดีกว่า” เสิ่นเฉียวขอบคุณพลางเดินไปลากเสี่ยวเหยียนเพื่อที่จะกลับ แต่เดือนไปเพียงก้าวเดียวเธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกลับไปอีกครั้งเพื่อที่จะเข็นเย่โม่เซินออกมา
เหตุผลง่ายๆ ที่เธอไม่อยากที่จะรับต่างหูคู่นั้นก็เป็นเพราะว่า เธอซื้อมันไม่ได้ อีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้ใครต้องมาซื้อให้ และยิ่งกว่านั้นเธอไม่อยากให้คนที่ซื้อให้เธอเป็นเย่โม่เซิน
ด้วยอะไรหลายๆ อย่างของเธอและเขามันคนละระดับกันอยู่ก่อนแล้ว เธอไม่อยากที่จะใช้ช่วงเวลาแบบนี้ไปลดระดับสถานะลงไปอีก
เมื่อออกมาจากร้านเครื่องประดับแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ยังเศร้าใจว่าทำไมเธอถึงไม่เอา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเธอดูไม่ดีเอาเสียเลย จึงไม่ได้ถามอะไรมากมาย เธอเองเป็นคนที่คาดเดาสีหน้าของคนอื่นเก่ง แค่มองแวบเดียวเธอก็พอจะรู้ว่าสีหน้าของเสิ่นเฉียวผิดปกติ จึงไม่ได้พูดว่าอยากจะชอปปี้ต่อ อีกทั้งยังแนะที่จะให้ไปหาอะไรกัน
เมื่อพูดเรื่องกิน เสิ่นเฉียวก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เธอเพียงแค่……มองไปทางเย่โม่เซินก่อนจะถามขึ้น “นายกินได้มั้ย? ”
เย่โม่เซินยังคิดวกวนเกี่ยวกับต่างหูที่ร้านเครื่องประดับนั่นเมื่อได้ยินที่เธอถาม ก็เหลือบมองเธอ และจดจ้องไปยังติ่งหูที่กลมกลึงกะทัดรัดของเธอ หลังจากที่จ้องอยู่พักเขาก็ตอบด้วยเสียงแหบพร่า “ได้”
“โอเค งั้นเราไปกินซุปหม่าล่าอร่อยๆ กันไม่แพงด้วย เพียงแต่คุณชายเย่จะทานได้หรือเปล่า? ”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไป ซุปหม่าล่า? มันค่อนข้างจะธรรมดาไปไหม? เย่โม่เซินคนสูงศักดิ์แบบนี้จะรับอาหารแบบนี้ได้เหรอ? ”
“เอาอย่างนี้มั้ยฉันว่าไม่ต้องวันนี้หรอก เอาเป็นวันหน้า……”
“กินได้ ไปเถอะ”เย่โม่เซินตัดบทเธออีกครั้ง เสี่ยวเหยียนตาโตด้วยความแปลกใจ “จริงเหรอคะคุณชายเย่? ”
ทันทีทันใดนั้นเย่โม่เซินก็เอื้อมมือไปจับข้อมือของเสิ่นเฉียว “เธออยากกินมั้ย? ”
เสิ่นเฉียวที่จู่ๆ ก็ถูกถามแบบนั้น :“???”
เสี่ยวเหยียนมองฉากที่อยู่ตรงหน้าจู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างคนทั้งสองมันช่างดูอบอุ่น นี่คุณชายเย่กำลังขอความเห็นจากเสิ่นเฉียวอยู่อย่างนั้นเหรอ?
“มะ ไม่มีปัญหา? ” เสิ่นเฉียวตอบเสียงแห้ง
หลังจากตัดสินใจแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เป็นคนพาคนทั้งหมดไปร้านอาหารใกล้ๆ หลังจากที่เข้าไปในร้านแล้วเสิ่นเฉียวก็รู้สึกว่าร้านนี้ตกแต่งได้ดีทีเดียว ไม่ได้มีกลิ่น ทั้งยังสะอาดเป็นพิเศษด้วย
เมื่อเธอเลือกหาที่นั่งได้แล้ว ก็หยิบกระดาษขึ้นเช็ดโต๊ะพลางมองรอบๆ ก็พบว่ามันไม่มีคราบน้ำมันเลยสักนิด
ดูท่าเรื่องสุขอนามัยนั้นผ่านเลยหล่ะ คงไม่ได้ทำให้เย่โม่เซินต้องลำบาก
เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอก็มองไปที่เย่โม่เซินมันก็เป็นจังหวะพอดีที่สายตาเขาก็กำลังมองมาที่เธอ
ราวกับโดนโจรขโมยหัวใจไป เมื่อเสิ่นเฉียวสบตาเขาได้เพียงสองวิก็ต้องเบี่ยงสายตาหลบไป
จริงๆ แล้วซุปหม่าล่านั้นเป็นอะไรที่เสิ่นเฉียวชอบกินที่สุด ก่อนที่จะท้องเธอชอบกินมันมาก พอท้องแล้วนั้นเธอก็อยากที่จะกินมันมาโดยตลอด เพียงแต่เมื่อแต่งเข้าไปอยู่บ้านตระกูลเย่แล้วก็ไม่ได้กินมันอีกเลย ไม่คิดเลยว่าวันนี้เธอจะได้มีโอกาสกินมันอีกครั้ง อีกทั้งยังกินกับเย่โม่เซินด้วย มันเกินจินตนาการไปแล้ว
“เอ่อคือ……นายอยากเพิ่มพริกมั้ย? ”