เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่232 กลับบ้านเถอะผมทำอาหาร
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่232 กลับบ้านเถอะผมทำอาหาร
หย่ากับเธอ? พอได้ยินคำนี้ เย่โม่เซินเองก็ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดอยากจะหย่ากับเธอจริงๆ แต่ว่าผ่านการอยู่กันมาในช่วงนี้ เขารู้สึกว่าผู้หญิงนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ หรือว่า…..
“ฉันรู้ว่ายังไงนายก็คงยังสนใจเด็กคนนั้น แต่ว่าในเมื่อร่างกายของเธอไม่สามรถทำแท้งเด็กคนนี้ได้ งั้นนายก็ต้องเรียนรู้ที่ตะยอมรับ”
พอได้ยินถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็เงยหน้ามองน้าของตน “น้าหมายถึงว่า ผมต้องฟังคำของตระกูลเย่ ต่อไปก็ใช้ชีวิตร่วมกับผู้หญิงคนนี้ตลอดไป? ถึงขั้น…ถึงแม้ว่าเธอจะนอกใจผม”
สีหน้าของส้งอานเปลี่ยนไป แล้วก็พูดขึ้น: “อะไรคือนอกใจ? เธอไม่ได้ท้องหลังจากที่แต่งงานกับนาย เธอก็แค่เจอกับคนไม่ดี ถ้านายชอบเธอจริงๆ ต้องเห็นใจเธอ ต่อไปยิ่งต้องดูแลเธอดีๆ ฉันว่า…สายตาของเธอก็ใสซื่อ ไม่ได้ดูร้ายอะไร ที่สำคัญคือตอนนี้นายนั่งอยู่บนรถเข็น เธอก็ไม่ได้รังเกียจนาย แต่กลับปกป้องนาย ผู้หญิงแบบนี้หายากจริงๆ”
คำพูดเหล่านี้เย่โม่เซินก็ฟังเข้าหูจริงๆ แต่ก็ได้ยินคำพูดที่คุ้นชิน เขาขมิบตา จ้องน้าของเขาอย่างอันตราย: “ใครบอกว่าผมชอบเธอ?”
ส้งอานก็แค่พูดออกไปแค่นั้นเอง ใครจะไปรู้ว่าเขาจะจริงจังกับคำพูดนี้ขึ้นมา เหมือนคิดอะไรได้แล้วหัวเราะออกมา: “ทำไม? ฉันพูดไปเยอะแยะขนาดนี้นายได้ยินแค่คำนี้หรอ? เย่โม่เซิน นายชอบเธอรึเปล่าอันนี้น้าเองก็ไม่รู้ แต่ว่านายสนใจเธอใช่ไหมล่ะ? ไม่อย่างนั้นเรื่องแบบนั้นทำไมนายถึงให้เซียวซู่มาเรียกฉันให้ไปช่วยในเวลาดึกขนาดนั้น? นายว่างไม่มีอะไรทำหรอ? หรือว่าทำการกุศล?”
พอเธอพูดถึงเย่โม่เซิน คือไม่ไว้หน้าอะไรเลย ว่ากล่าวเย่โม่เซินจนสีหน้าเปลี่ยนเลย
“นายทำเรื่องพวกนั้นทำไมในใจนายไม่รู้เลยหรอ?” ส้งอานพูดขึ้นอีก
หลังจากที่เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่โม่เซิน ส้งอานก็ยกยิ้มตรงมุมปากอย่างได้ใจ หลังจากนั้นก็วางยาหลายขวดลงบนโต๊ะ: “ช่วงนี้เธอจะโดนน้ำไม่ได้ อีกอย่างต้องล้างแผลและทายาทุกวัน นายจัดการเองก็แล้วกัน”
พอได้ยิน เย่โม่เซินก็พูด: “ผมจะพาเธอทุกวันแน่”
“ฉันยุ่งมาก ถ้าไม่มีเรื่องใหญ่อะไรก็อย่าเรียกฉันเลย แผลแค่นี้เองนายจัดการเองก็ได้แล้ว แค่ทายาก็ไม่เป็นหรอ? งั้นนายก็ปล่อยแผลไว้แบบนั้นแหละ หรือว่าให้อักเสบเลย”
พูดจบ ส้งอานก็หันหลังทันที เดินไปถึงหน้าห้องทำงานดึงลิ้นชักออกมา มีพยาบาลมาเคาะประตูเตือนเธอ: “คุณหมอส้ง อีกครึ่งชั่วโมงมีการผ่าตัด ตอนนี้ควรเริ่มเตรียมตัวแล้ว”
“โอเค มาเดี๋ยวนี้แหละ” ส้งอานพยักหน้า พยาบาลค่อยเดินไป ส้งอานมองมาที่เย่โม่เซิน: “ได้ยินไหม? ฉันต้องเข้าไปทำการผ่าตัดแล้ว เธอพักผ่อนอยู่ด้านใน พอเธอตื่นแล้วก็พาเธอกลับบ้านทันทีเลย”
ส้งอานเก็บของแล้วออกไปเร็วมาก ในห้องทำงานเหลือแค่เย่โม่เซินคนเดียว เขาคิดอะไรได้ สายตาจ้องตรงยาพวกนั้น สุดท้ายก็ยื่นมือไปเอายาพวกนั้นไว้ในมือ
ด้านในเงียบมาก เสิ่นเฉียวน่าจะยังพักผ่อนอยู่
จริงๆแล้วเสิ่นเฉียวไม่ได้นอนพักผ่อน หลังจากที่ส้งอานออกไป เธอเองก็ลงจากเตียงอยากจะออกไป แต่พอเดินไปถึงหน้าประตูก็ได้ยินทั้งสองคนคุยกัน ก็เลยฟังคำที่ทั้งสองคนคุยกันโดยไม่พูดอะไร
พอฟังเสร็จเธอก็ไม่กล้าออกไป เพราะก็รู้สึกผิด ทำได้แค่รีบกลับขึ้นไปหันตานอนลงบนเตียง
แต่ว่าร่างกายของเธอเจ็บเกินไป ทายาเสร็จทั้งตัวก็เหยียว นอนไว้ก็อยู่ไม่สบาย เพราะฉะนั้นคิ้วของเสิ่นเฉียวก็ขมวดไว้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็มีเสียงจากด้านนอก เป็นเสียงของล้อ ถึงแม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่เพราะที่นี่เงียบมาก เสิ่นเฉียวก็เลยได้ยินอย่างชัดเจน
รู้สึกว่าเย่โม่เซินอาจจะเข้ามา เสิ่นเฉียวก็นึกถึงคำพูดที่เขาคุยกับน้าของเขาก่อนหน้านี้ ขนตาขยับเบาๆ จากนั้นก็พลิกตัว ให้หลังอยู่ทางด้านประตู
ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเย่โม่เซินเข้ามา ถ้าเธอนอนไว้ก็อาจจะถูกเปิดเผยได้
ประตูถูกเปิดออก เย่โม่เซินเข้ามาจริงๆ
ล้อของเขามาถึงที่หน้าเตียงเบามาก มองเสิ่นเฉียวที่นอนตะแคงอยู่บนเตียง เห็นรอยผลบนมือและคอของเธอพอดี
ตอนที่เห็นรอยแผลพวกนี้ สายตาของเขามีความโหดร้าย
คนที่ทำร้ายเธอ เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่!
เสิ่นเฉียวรู้สึกถึงความเย็นที่แผ่มา และยังมีรังสีอำมหิต ทำให้ไหล่ของเธอสั่น นี่ยังไงกันแน่?
หรือว่าเย่โม่เซินรู้ว่าเธอแกล้งหลับ?
คิดถึงที่นี่ ขนตาของเสิ่นเฉียวก็กระพริบ เพิ่งทำการกระทำนั้นไป ก็รู้สึกถึงรังสีของเย่โม่เซินคลุมเข้าไว้แล้ว ที่แท้แล้วเขาก็ถึงที่ด้านหลังของเธอแล้ว ตอนนี้กำลังยื่นมือมาตรงมุมเสื้อของเธอ เปิดขึ้นช้าๆ
เสิ่นเฉียวกำลังจะหดตัว แต่ก็ทนไว้
เย่โม่เซิน…เขากำลังจะทำอะไรกันแน่?
และสิ่งที่เสิ่นเฉียวไม่รู้คือ เย่โม่เซินกำลังจ้องแผลบนหลังของเธอไว้ จากนั้นดวงตาสีดำนั้นก็ยิ่งเปลี่ยนไป สุดท้ายยังดูโหดกว่าความมืดในยามค่ำคืน
เย่โม่เซินไม่ได้จ้องนาน แต่ว่านี้สำหรับคนที่แกล้งนอนอย่างเสิ่นเฉียวแล้ว ทุกวินาทีคือยากมาก ผิวของเธอที่เปลือยเปล่าอยู่ใต้อากาศ เธออยากขยับตัวแต่ก็ไม่กล้า กลัวว่าเย่โม่เซินจะรู้ว่าเธอแกล้งหลับ ถึงเวลานั้นก็น่าอายแล้ว
มันได้แค่ทนไว้ ในที่สุดเย่โม่เซินก็วางนิ้วลง เสิ่นเฉียวค่อยวางใจลง รู้สึกว่าร่างกายสบายขึ้นไม่น้อย
สักพัก เย่โม่เซินก็ออกไปแล้ว เสิ่นเฉียวค่อยรู้สึกว่าสบายขึ้น เธอค่อยๆหันตัว มองไปที่เย่โม่เซินอยู่เมื่อกี้ กำลังคิดอะไรอยู่
จากนั้นเสิ่นเฉียวค่อยหลับไปจริงๆ พอเธอตื่นมาฟ้าก็มืดแล้ว เสิ่นเฉียวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกว่าความเจ็บบนตัวเจ็บน้อยลงมาก ต้องให้คุณงามความดีกับการรักษาของส้งอานและประสิทธิผลของยามันช่างสุดยอดจริงๆ
แต่ว่า…
ไปไหนกันหมด? ในห้องทำงานเงียบสงบมาก ส้งอานน่าจะไปผ่าตัดยังไม่กลับมา แล้วเย่โม่เซินไปไหนล่ะ?
คิดถึงที่นี่ เสิ่นเฉียวก็รีบลุกขึ้น กลับเห็นว่าที่อะไรบนตัวของเธอตกก้มลงมองถึงเห็นว่าเป็นเสื้อสูทของเย่โม่เซิน
นี่….เสิ่นเฉียวหยิบเสื้อขึ้น เย่โม่เซินเอาเสื้อคลุมบนตัวของเธอ งั้นก็แสดงว่าตอนที่เธอหลับไปแล้ว เขาเข้ามาอีก?
พอนึกถึงที่นี่ ในใจของเสิ่นเฉียวก็รู้สึกดีขึ้นมา
เธอหยิบสูทขึ้นแล้วเดินไปด้านนอก กลับเห็นว่าส้งอานกลับมาแล้ว
“ตื่นแล้วหรอ” ส้งอานหันกลับไปมองเธอ ยิ้ม: “โม่เซินมีธุระ ออกไปกับเซียวซู่แล้ว วันนี้เธอกินข้าวเย็นกับฉัน?”
พอได้ยิน เสิ่นเฉียวก็นิ่งไป แล้วก็พยักหน้า
“ได้สิ แต่ว่า….เขาไปไหนล่ะ?”
เห็นว่าในมือของเธอหยิบเสื้อของเย่โม่เซินไว้ ส้งอานก็ยิ้มขึ้น: “อยากรู้ขนาดนี้ เธอก็โทรไปถามเองสิ?”
โทรไปถามเอง?
เสิ่นเฉียวเม้มปาก: “น้าคะ เราไปกินข้าวที่ไหน?”