เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่273 เชื่อใจฉัน
แววตาของเสิ่นเฉียวเต็มไปด้วยความอยากได้ใคร่รู้ ราวกับต้องการจะดูว่ามีอะไรแปลกไปจากดวงตาหรือระหว่างคิ้วนั้นหรือไม่โดยไม่ต้องการจะปล่อยมันไปแม้แต่น้อย
แต่คนอย่างเย่โม่เซินคนนี้นั้นเขาปิดบังความรู้สึกของตนเองได้ดีเลิศจนเกินไปเสียด้วยซ้ำ
เสิ่นเฉียวดูไม่ออกเลยแม้แต่น้อย
ในตอนท้ายเสิ่นเฉียวได้ยินเขาพูดด้วยเสียงต่ำ: “จะต้องให้ฉันพูดให้ชัด ๆ เธอถึงจะเข้าใจความหมายของฉันใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวนิ่งไปและมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ
เย่โม่เซินยกริมฝีปากบาง: “มานี่สิ”
เสียงของเขานั้นเหมือนมีพลังวิเศษ อย่างไม่คาดคิดเสิ่นเฉียวก็เดินเข้าไปหาเขาสองสามก้าวจนถึงหน้าเขา ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็ยื่นมือและดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมอก จากนั้นเขาโอบเอวเธอและโน้มตัวเข้าใกล้หูของเธอแล้วกระซิบ: “ฉันเอาใจเธอมาตลอด เธอไม่เคยรู้เลยเหรอ?”
เสิ่นเฉียวตกใจริมฝีปากสีชมพูของเธอขยับ
ทันใดนั้นในใจของเธอก็ท่วมท้นเหมือนกับม้าหลายพันตัวกำลังวิ่งอยู่ในใจเธอ ความรู้สึกเช่นนี้…เสิ่นเฉียวอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างแน่นและมองเย่โม่เซินอยู่อย่างนั้น
ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากใกล้เสียจนแทบจะไม่ได้โฟกัส แต่เย่โม่เซินก็ยังพยายามเขยิบเข้าไปให้ใกล้กว่าเดิมอีกจนปลายจมูกของเขาชนกับริมฝีปากบางและต้องการจะจูบเธอ
เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมาก่อนที่เขาจะจูบตน เธอยื่นมือออกไปขวางระหว่างพวกเขาทั้งคู่
สัมผัสที่จะประทับลงบนริมฝีปากกลับกลายเป็นฝ่ามือของเธอแทนนั้น เย่โม่เซินไม่โกรธเขาประทับจูบลงที่ฝ่ามือของเธอ
จ๊วบ——
เสิ่นเฉียวหน้าแดงในทันทีและเบิกตาโพลงอยู่หลายนาที
ไอ้คนเลว
“ให้เวลาฉันหน่อย” เขาพูดและพ่นลมหายใจร้อนใส่ฝ่ามือของเธอ เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าฝ่ามือของเธอนั้นร้อนรุ่มอย่างเห็นได้ชัด “ฉันจะให้คำตอบที่เธอพอใจแน่นอน”
คำตอบที่น่าพอใจ?
“คุณหมายถึงเรื่องของหานเส่โยว?” เสิ่นเฉียวนิ่งไป “คุณจะให้คำตอบที่น่าพอใจอะไรกับฉัน?”
แววตาของเย่โม่เซินลึกลับลงไปมาก “ให้เวลาฉันหน่อย”
เขาพูดย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง
เสิ่นเฉียวกัดริมฝีปากล่างแน่น ทันใดนั้นเธอก็เกี่ยวคอของเย่โม่เซินไว้แน่น “งั้นคุณบอกฉันสิ คุณกับเส่โยว…ต่างหูคู่นั้น…”
“เชื่อใจฉัน”
เสิ่นเฉียวจ้องมองเขาด้วยความตกตะลึง
เชื่อใจเขา?
เธอ…จะเชื่อใจเขาไหม?
แต่ถ้าสิ่งที่สาวใช้พูดเป็นเรื่องจริง เขาปฏิบัติต่อเธอ…ต่างคนอื่นจริง ๆ แต่เรื่องของหานเส่โยวก็ยังคงติดอยู่ในใจเธอ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เสิ่นเฉียวก็ใช้แรงกัดฟันตัวเองแล้วพูดขึ้น: “ฉันจะบอกคุณไว้ก่อน ฉันไม่คิดจะใช้สามีคนเดียวกันกับเพื่อนสนิทหรอกนะ”
เมื่อได้ยินเย่โม่เซินก็ขมวดคิ้ว: “ใครให้เธอคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ ฉันเย่โม่เซินก็ไม่เคยคิดจะมีเมียสองคนหรอกนะ”
เสิ่นเฉียวที่เม้มปากด้วยความดื้อนั้นทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เพราะเขาพูดออกมาเสียชัดเจนขนาดนั้น หรือว่าเธอจะเข้าใจผิดเรื่องระหว่างเขากับเส่โยวจริง ๆ? แต่ว่าเรื่องพวกนั้นเธอเห็นกับตานะ
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวยังอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง “คุณพูดถึงขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่ยอมบอกหน่อยเหรอว่าเหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่?”
“ไม่ได้”
เย่โม่เซินพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการจัดการ จะไม่ยอมเชื่อใจฉันสักครั้งเหรอ?”
เสิ่นเฉียวเกิดความลังเล
เชื่อใจเขาสักครั้ง จะให้โอกาสเขาสักครั้งดีไหม? แต่ว่า…เสิ่นเฉียวยังคงรู้สึกลังเลอยู่ไม่น้อย ริมฝีปากของเธอขยับและก่อนที่เธอจะพูดอะไร เย่โม่เซินก็ก้มศีรษะลงและจูบเธอแล้ว
ริมฝีปากทั้งสี่ประกบเข้าด้วยกันสัมผัสที่นุ่มเหมือนกับปุยนุ่น
ในเวลานี้เสิ่นเฉียวรู้สึกว่าทุกความคิดของเธอถูกจูบของเขากลืนกินเข้าไปหมดแล้ว ทั้งความสงสัย ความสับสน ความลังเลใจทุกอย่างมันได้พังทลายลงไปหมดแล้ว
เชื่อใจเขาเถอะ ในเมื่อเขาเอ่ยปากแล้ว
เป็นครั้งแรกที่รักผู้ชายคนหนึ่งมากขนาดนี้แล้วก็ควรจะเชื่อใจเขาให้ถึงที่สุด จากนั้น…ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ก็จะไม่เสียใจภายหลัง
ปมในใจของเสิ่นเฉียวได้คลายลงแล้ว เธอเผชิญหน้ากับจูบของเย่โม่เซินและค่อย ๆ ตอบรับจูบของเขาอย่างใสซื่อ
ใบไม้แห้งและไฟที่โหมกระหน่ำ ทั้งสองกอดกันแน่นและเมื่อเย่โม่เซินกดเธอลงบนผ้านวมนุ่มและต้องการที่จะเข้าไปในตัวเธอ เสิ่นเฉียวแอ่นเอวรับแต่ทันใดนั้นเย่โม่เซินก็หยุด
เขาหยุดและจ้องมองเธออย่างแผ่วเบาอยู่ตลอดจนเธอชาไปทั้งตัว
เสิ่นเฉียวกะพริบตาแล้วถามขึ้นอย่างพร่ามัว: “ทะ…ทำไมเหรอ?”
เย่โม่เซินยังเงียบ เขาเม้มปากและยังคงจ้องเธออยู่อย่างนั้น
เสิ่นเฉียวที่ชาไปทั้งตัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงอึดใจเดียวเย่โม่เซินก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เธอ อกหนักของเขากระเพื่อมและหายใจถี่ เสิ่นเฉียวเองก็ใจเต้นไม่ต่างกัน ทั้งสองคนหายใจอย่างหนักหน่วง
“เกิดอะไรขึ้น…กันแน่?”
“ลืมเหรอ?” เย่โม่เซินเหลือบมองเธอ: “เธอท้องอยู่”
เสิ่นเฉียวหน้าซีดเผือด: “คะ…คุณรังเกียจฉันเหรอคะ?”
อ่อนไหวเพราะใส่ใจมากเกินไปหรือเปล่า? เย่โม่เซินลากผ้าห่มมาคลุมตัวเธอปิดคลุมความเย้ายวนตรงหน้านั้นไว้ จากนั้นก็พึมพำขึ้น “รังเกียจอะไรกัน? ยัยโง่ ก่อนหน้านี้เธอบอกฉันเอง ถ้าทำมากเกินไปจะส่งผลต่อลูกของเธอไม่ใช่รึไง?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เสิ่นเฉียวก็ตาโตและมองเย่โม่เซินอย่างแทบไม่เชื่อสายตา
สาเหตุที่เขาไม่ทำต่อเพราะกลัวจะทำเธอเจ็บเหรอ? แต่สิ่งแรกที่เธอคิดกลับคิดว่าเขารังเกียจตัวเธอ? ทันใดนั้น เสิ่นเฉียวที่ตื่นเต้นจนแทบจะทนไม่ไหว เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วยื่นมือออกไปโอบคอของเย่โม่เซินโดยไม่คิดอะไรทั้งนั้น จากนั้นก็กอดรัดเขาไว้แน่นและกระซิบกับเขาเบา ๆ
พูดจบหน้าเธอก็แดงเสียจนเส้นเลือดแทบจะแตก
“เธอพูดว่าไงนะ?” เย่โม่เซินตัวสั่นสะท้านเมื่อถูกเธอกอดเป็นครั้งแรก มือใหญ่จับเอวบางไว้แน่น “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ? พูดอีกทีสิ”
เสิ่นเฉียวก้มหน้า คำพูดแบบนั้นพูดครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ทำไมต้องให้พูดอีกรอบด้วย?
เธอส่ายหน้าและตอบด้วยความลนลาน: “ไม่ ฉันไม่ได้พูดอะไร…”
“หึ ใช่เหรอ?” ไม่รู้ทำไม ในใจของเย่โม่เซินจู่ ๆ ก็เกิดความรื่นรมย์ขึ้น ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และพูดหยอกเย้าขึ้น: “ทำไมเหมือนฉันจะได้ยินใครบางคนบอกว่า…เบาหน่อยก็น่าจะไม่เป็นไรล่ะ?”
เสิ่นเฉียวอายจนไม่มีหน้าจะไปพบเจอใครได้อีกแล้ว เธอมุดหน้าอยู่ภายใต้แผงอกของเขาไม่ยอมเงยหน้าขึ้น แก้มนุ่มของเธอแนบชิดอยู่กับแผงอกของเขาอยู่อย่างนั้น เย่โม่เซินรู้สึกว่าส่วนที่เปราะบางที่สุดในใจได้ถูกสัมผัสแล้ว
“ช่างเถอะ ฉันกลัวจะทำเธอเจ็บ รอก่อนก็ได้”
คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาจะยอมแพ้ เสิ่นเฉียวค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น กะพริบตาและมองดูเขา: “ถ้าไม่ทำ คุณไม่เป็นไรเหรอ?”
“จะเป็นอะไร?” ดวงตาสุกใสสกาวเหมือนบ่อน้ำใสสะอาดจ้องมองเขา เย่โม่เซินหลับตาและข่มอารมณ์ของตัวเองไว้
มันไม่ง่ายที่จะง้อเธอกลับมาได้ หากว่าทำเธอเจ็บอีก ถึงเวลาคนที่ต้องปวดหัวก็คงเป็นเขาเอง
จะเป็นอะไรไป? เสิ่นเฉียวกะพริบตา ถึงแม้เขาจะพูดว่าไม่เป็นไร แต่ที่ตรงนั้นของเขา…กลับไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
เพราะเสิ่นเฉียวนอนอยู่บนตัวเขา ดังนั้นเธอจึงรับรู้ถึงมันได้ชัดเจน
อย่างไรก็ตามการที่เขาควบคุมความปรารถนาของตัวเองไว้ได้และไม่ยุ่งกับเธอ มันคือความอุ่นใจเป็นอย่างมาก
เสิ่นเฉียวยิ้มและนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา: “ขอบคุณค่ะ”