เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่312 คนดื้อรั้นสองคน
ปกติเขาจะไม่เอาหนังสือข้อตกลงการหย่าออกมา แต่ในวันนี้มาถึงจุดที่เขาเอาหนังสือข้อตกลงออกมา นั่นบ่งบอกถึงเขาได้แสดงเจตนารมณ์ของตัวเองต่อเรื่องในครั้งนี้แล้ว น่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีก!
แต่เสิ่นเฉียวไม่เข้าใจจริงๆ!
ก็แค่งานเลี้ยงงานหนึ่งเท่านั้นเอง ทำไมเขาถึงต้องแคร์จนถึงขั้นนี้ด้วย ต่อให้งานเลี้ยงนั้นสำคัญมากจริงๆ ต่อให้เธอไม่ได้ไป เขาจะโกรธมันก็คือสิ่งที่ควร
แต่ทำไมเขาถึงต้องแคร์จนเป็นแบบนี้ แม้แต่หนังสือข้อตกลงเรื่องการหย่ายังยื่นออกมาให้เธอ
ในเรื่องนี้ ตกลงมีอะไรที่เธอไม่รู้แฝงอยู่กันแน่?
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ เธอยิ่งต้องถามเย่โม่เซินให้ชัดเจน!
“คุณนายน้อย คุณฟังฉันเตือนหน่อยเถอะ ถือว่าเซียวซู่ขอร้องคุณก็ได้ ฉันและทุกคนไม่อยากเห็นพวกคุณต้องแตกหักแล้วแยกทางกันเช่นนี้!”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร อีกทั้งไม่อยากจะสนใจเซียวซู่อีก
เธอไม่เชื่อหรอกว่ารอให้ผ่านไปไม่กี่วันข้างหน้าแล้วเขาจะหายโกรธ เรื่องนี้ต้องจัดการทันทีที่เกิดเรื่องขึ้น ถ้าเธอกับคนอย่างเย่โม่เซินยังคงทำสงครามเย็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ มีแต่ที่จะทำให้คนสองคนต้องโดนแช่แข็งไปเท่านั้นเอง
ไม่ว่าจะรอให้เวลาผ่านไปหนึ่งวัน หรือสองวัน หรือแม้กระทั่งหนึ่งสัปดาห์ เย่โม่เซินก็ไม่หายโกรธอย่างแน่นอน
ความโกรธของเขามีแต่จะเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ยิ่งปล่อยไว้นานแรงโกรธก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“คุณนายน้อย…..” ยามหลายคนที่อยู่ด้านข้างก็วิ่งเข้ามาเตือนเธอ
เสิ่นเฉียวรู้สึกเอือมระอาเล็กน้อย จากนั้นพูด “พวกคุณไม่ต้องพูดแล้ว ฉันมีแผนของฉันอยู่”
เธอช่างดื้อรั้นมากจริงๆ ทั้งๆที่ร่างกายไม่อาจจะทนไหว แต่ก็ยังยืนหยัดอยู่ตลอด เซียวซู่พูดเตือนเธออยู่นาน แต่ก็ยังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเสิ่นเฉียวไว้ได้ สุดท้ายเขาจึงยอมแพ้แล้วเดินไปหาจูหยุน
หลังจากที่จูหยุนมาถึง เธอมองเห็นเสิ่นเฉียวยืนอยู่ตรงนั้นไกลๆ ร่างที่บอกบางนั้นเมื่อยืนอยู่ภายใต้แสงไฟที่ส่องลงมายิ่งแลดูผอมบางขึ้นไปอีก เธอรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก เธอเดินเข้าไปแล้วเรียก “คุณนายน้อย”
“จูหยุน……” เสิ่นเฉียวมองไปที่เธอ สายตาของเธอขยับหันมามอง
“ความคิดของฉันเหมือนกับเซียวซู่ ตอนนี้คุณชายเย่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ต่อให้คุณนายน้อยยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนจริงๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คุณนายน้อยไม่กลับไปพักผ่อนจริงๆงั้นหรอ? ยังไงซะยืนหรือไม่ยืนอยู่ตรงนี้ก็มีค่าเท่ากัน คุณตัดสินใจเลือกอีกอย่างดีกว่านะ”
เสิ่นเฉียวจ้องมองเธอ “แม้แต่เธอก็มาเตือนฉันงั้นหรอ?”
“จูหยุนก็ไม่อยากจะเตือนคุณนายน้อยหรอก แต่สถานการณ์ในตอนนี้เป็นแบบนี้จริงๆ ฉันได้ยินเซียวซู่บอกว่าคุณนายน้อยจะรออยู่ตรงนี้ทั้งคืน ถ้ารอแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ มันก็คือตัวคุณนายน้อยเองที่ต้องมารับเคราะห์ไม่ใช่หรอ? แต่คุณนายน้อย เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ต่อให้คุณนายน้อยกำลังทนทุกข์ทรมานอยู่ คุณชายเย่ก็ไม่ได้เจ็บปวดใจอะไรกับคุณเลย”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร เธอแค่มองไปข้างหน้าเงียบๆ จากนั้นพูด “ฉันอยากจะรออยู่ตรงนี้ ฉันไม่สนใจว่าเขาจะยอมหรือไม่ยอมออกมาเจอฉัน จะปวดใจหรือไม่ปวดใจกับฉันหรือไม่ นี่คือความคิดส่วนตัวของฉัน คืนนี้ฉันเป็นคนทำผิดสัญญาเอง ต่อให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน รอจนทนไม่ไหว นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันเองควรจะได้รับ เพราะว่าฉันเป็นคนทำผิดสัญญาจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก้มหน้าแล้วมองไปที่พื้น
“ดังนั้น ฉันไม่ใช่แค่รอเขา ฉันกำลังทำโทษตัวเองที่ทำผิดในวันนี้ คุณพอจะเข้าใจใช่มั้ย?”
จูหยุนอึ้งทันที เธอพูดอะไรไม่ออกแล้วจ้องมองไปที่เธอ
ถ้าเสิ่นเฉียวคิดแบบนี้จริงๆละก็ งั้นเธอ…..พูดอะไรมากกว่านี้ก็ดูเหมือนจะไปล่วงเกินเธอจนเกินเหตุ
เมื่อนึกถึงจุดนี้ จูหยุนจ้องมองเธออย่างจดจ่อ “คุณนายน้อย คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ? คุณจะไม่เสียใจทีหลังใช่มั้ย?”
“ไม่เสียใจ”
“โอเค!”จูหยุนพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไม่เตือนคุณนายน้อยอีก ฉันก็จะบอกกับเซียวซู่ว่าไม่ต้องให้เขาเข้ามาเตือนคุณอีก คุณนายน้อยวางใจได้”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวรู้สึกซาบซึ้งแล้วหันมามองเธอ “ขอบคุณ”
จูหยุนหันหลังแล้วเดินออกไป เซียวซู่วิ่งตามเธออย่างกระวนกระวายใจ “คุณนี่มันยังไงกัน? ฉันให้คุณมาเตือนเธอให้ออกไป ไม่ใช่ให้คุณมา….”
“คุณได้ยินแล้วนี่ ฉันไปเตือนก็ไม่ได้ผลอะไร อีกอย่างเธอตัดสินใจมุ่งมั่นขนาดนี้แล้ว พวกเราที่อยู่ข้างๆพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ ฝั่งคุณนายน้อยพูดเกลี้ยกล่อมอะไรไม่ได้แล้ว ฝั่งคุณชายเย่พวกเราก็นึกแผนดีดีไม่ออก ทำได้เพียงพึ่งพาคุณให้ช่วยสอดส่องคุณนายน้อยที่อยู่ข้างนอกหน่อย ถ้าเธอเกิดไม่สบายตรงไหนขึ้นมา คุณดูแลเธอให้มากๆหน่อย”
“ฉัน….”
จูหยุนเดินออกไปทันที ทิ้งเซียวซู่ยืนอยู่กับที่เพียงคนเดียว เขาหันไปมองเสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ใต้โคมไฟด้วยความรู้สึกที่เอือมระอา
ช่างมันเถอะ ยังไงก็เกลี้ยกล่อมไม่อยู่ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามพวกเธอไปสินะ
เหมือนกับที่จูหยุนพูด ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ค่อยมาจัดการก็จบ
เวลาผ่านไปทีละนาทีทีละวินาที เสิ่นเฉียวยังคงยืนอยู่ที่เดิม เซียวซู่และคนที่อยู่ด้านข้างหลายคนต่างก็พากันจับตาดูเธอ
เสิ่นเฉียวไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นานเท่าไหร่ พอมาถึงช่วงกลางดึก อุณหภูมิของอากาศหนาวเย็นมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก แม้แต่ผู้ชายที่สวมใส่เสื้อโค้ตยังรู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วร่างกาย พวกเขาเอามือโอบกอดแขนของตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัว
เมื่อหันไปมองดูเสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอใส่ชุดกระโปรงแขนกุด เธอยืนอยู่นอกประตูที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้น ลมทะเลพัดผ่านมาทีละระลอก มันพัดผ่านทะลุเข้ามาในชุดของเธอจนกระทบกับผิวหนังของเธอ จินตนาการดูก็รู้ว่าเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวเพียงใด
เซียวซู่คิดไปคิดมา เขาเดินกลับเข้าไปในห้องแล้วเทน้ำร้อนหนึ่งขวด จากนั้นเดินมาอยู่ตรงหน้าของเสิ่นเฉียว
“คุณนายน้อย ดื่มน้ำร้อนหน่อยเถอะ”
เสิ่นเฉียวเหลือบมามองดูเขา ริมฝีปากสีชมพูขยับไปมา
“ฉันรู้ว่าคุณนายน้อยกำลังยอมรับผิด แต่ถ้าคุณล้มลงไป คงจะรอคุณชายเย่ต่อไม่ได้แน่….เพื่อร่างกายของตัวคุณเอง คุณนายน้อยจะต้องดื่มมัน”
เขาพูดก็มีเหตุผล เสิ่นเฉียวยิ้มให้กับเขา จากนั้นยื่นมือไปรับกระติกน้ำร้อน “ขอบคุณ”
จังหวะที่เธอยื่นมือไปรับน้ำร้อนนั้น ร่างกายของเสิ่นเฉียวเซทันที เธอเกือบจะล้มลงไป
โชคดีที่เซียวซู่เอามือมาพยุงเธออย่างรวดเร็ว “คุณนายน้อย ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
เสิ่นเฉียวพยุงตัวลุกขึ้นมายืนใหม่ เธอส่ายหัว “ฉันไม่เป็นไร”
หลังจากที่เห็นว่าเธอยืนขึ้นมาแล้ว เซียวซู่จึงค่อยๆปล่อยตัวเธอ เสิ่นเฉียวรับกระติกน้ำร้อนมาแล้วดื่มน้ำเข้าไป ความอบอุ่นค่อยๆปกคลุมร่างกายของเธอทันที เธอไม่รู้สึกหนาวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” เสิ่นเฉียวยิ้มให้กับเซียวซู่ จากนั้นยื่นแก้วน้ำคืนให้กับเขา
จริงๆแล้วร่างกายของเธอชาไปหมด เธอประเมินอากาศในช่วงค่ำคืนนี้ต่ำไป ถึงแม้จะยังไม่ถึงฤดูหนาว แต่เธอในตอนนี้รู้สึกหนาวเหลือเกิน ไม่ใช่แค่ร่างกาย แม้แต่หัวใจก็รู้สึกเหน็บหนาวเหลือเกิน
หนาวมากจริงๆ
เย่โม่เซิน….
เธอยืนอยู่ตรงนี้นานขนาดนี้แล้ว เขายังคงไม่อยากจะเจอหน้าเธออีกงั้นหรอ?
หรือจะบอกว่า เขาไม่รู้ว่าตัวเธอยืนอยู่ตรงนี้รอคอยเขาเลยด้วยซ้ำ? หรือจะบอกว่า ต่อให้เขารู้ก็จะไม่ยอมออกมาเจอเธอ?
เพราะคืนนี้เธอทำให้เขาต้องรอคอยเธอตลอดทั้งคืน สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ดังนั้น….เขาในตอนนี้จึงแก้แค้นตัวเธออยู่
เปรี้ยงปร้าง—
อยู่ๆฟ้าก็ร้องขึ้นมา สายฟ้าผ่าลงมาตัดท้องฟ้าเป็นครึ่งซีก ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เซียวซู่เงยหน้าขึ้น “แย่แล้ว ฝนน่าจะใกล้ตกแล้ว คุณนายน้อยและทุกคนมาหลบฝนที่ริมประตูกันเถอะ”
หลบฝน?
เสิ่นเฉียวกะพริบตา เธอเงยหน้าขึ้นไปมองฟ้าแลบบนท้องฟ้า
ดาวสักดวงก็ไม่มี ราวกับความรู้สึกในใจของเธอในตอนนี้ มันเต็มไปด้วยความมืดมิด
“ฝนจะตกงั้นหรอ?”
เซียวซู่จ้องมองเธอสักพัก เขารู้สึกว่าตัวเองพูดเกลี้ยกล่อมเธอไม่อยู่ อยู่ๆเขาก็หันหลังแล้ววิ่งเข้าไปด้านใน
เขาเดินไปไวมาก เสิ่นเฉียวเรียกเขาไม่ทัน หลังจากที่เขาวิ่งออกไปไม่นาน อยู่ๆฝนก็ตกลงมาทันที
“คุณนายน้อย รีบเข้ามาหลบฝนเถอะ”