เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่314 ไข้ขึ้นสูงไม่ยอมลด
“ฉันท้องลูกของเขา แต่คุณสิท้องลูกของใครไม่รู้ คุณคิดว่า….คุณชายเย่จะเอาคุณงั้นหรอ?”
“คุณชายเย่ไม่อยากเจอคุณ คุณก็ห้ามเหยียบเข้ามาในประตูนี้อีก ต่อจากนี้คุณไม่ใช่คุณนายน้อยสองของตระกูลเย่อีกต่อไป เชิญคุณออกไปเถอะ”
“นี่คือสัญญาการหย่า เซ็นชื่อของคุณ จากนี้ไปคุณกับฉันเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
“แกแต่งงานเข้าไปในตระกูลเย่ที่ร่ำรวยขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะโย่วโย่วมอบโอกาสนี้กับแก แกจะมีโอกาสได้เป็นคุณนายน้อยสองหรอ? ให้แกมาช่วยจ่ายหนี้การพนันแล้วมันจะทำไม? ฉันเลี้ยงแกจนโตขนาดนี้ จะบอกว่ามันไม่สมควรงั้นหรอ?”
“ดูหน้าตาอัปลักษณ์อย่างคุณ ผู้ชายคนไหนจะเอาคุณกัน สามีที่นอนร่วมเตียงกับคุณถึงสองปีไม่เคยแตะต้องคุณเลยสักนิด คุณไม่ลองกลับไปนึกย้อนดูดีดีว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่?”
“ไสหัวออกไป ออกไปจากตระกูลเย่ ไม่ต้องกลับมาอีกตลอดไป”
ไม่ ไม่นะ….
ผู้คนเหล่านั้นและเรื่องต่างๆในอดีตปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอทีละเรื่อง มันได้คว้าจุดอ่อนในใจของเธอแล้วโจมตีเธออย่างรุนแรง
“อย่านะ…อย่าไล่ฉันไป อย่า……”
เย่หลิ่นหานที่เฝ้าเสิ่นเฉียวอยู่ข้างเตียง เขาได้ยินเธอพูดพึมพำหลายครั้ง นอกจากคำว่าไม่เอา ก็คือคำว่าอย่าไล่ฉันไป พูดวกไปวนมาแค่สองคำนี้
เย่หลิ่นหานฟังแล้วจึงถอนหายใจออกมา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจ
ตั้งแต่ที่อุ้มเสิ่นเฉียวกลับมาที่โรงพยาบาล เธอก็มีไข้ขึ้นสูง จนถึงตอนนี้ไข้ก็ยังไม่ลดลง เพราะเธอท้อง
อยู่ จึงไม่สามารถให้ยาเธอซี้ซั้วได้ ได้แค่ทำให้ร่างกายของเธอเย็นลงเท่านั้น
เย่หลิ่นหานเฝ้าเธออยู่ข้างๆเป็นเวลานาน เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ไข้ของเธอก็ยังไม่ลดลง แต่กลับสูงขึ้นและแย่ลงเรื่อยๆ
นางพยาบาลคนหนึ่งอยู่ข้างๆคอยดูแลอยู่เสมอ เธออดไม่ได้จึงหันไปมองเย่หลิ่นหาน จากนั้นพูดเตือน “คุณผู้ชายคะ คุณไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพื่ออยู่ดูแลเธอมาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆแล้ว ร่างกายของคุณก็ไม่อาจจะทนไหวเช่นกัน คุณรีบไปพักผ่อนรักษาตัวเองก่อนเถอะ ตรงนี้ให้ฉันดูแลก็พอค่ะ ”
“ไม่ได้ ” เย่หลิ่นหานเม้มปากแล้วส่ายหัว “ไข้ของเธอยังไม่ลดลงเลย ฉันยังวางใจไม่ได้”
“ตรงนี้ฉันดูแลอยู่ ไข้ของเธอต้องลดแน่นอน คุณมาเฝ้าแบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ถ้ายังเฝ้าแบบนี้ต่อไปร่างกายของคุณจะไม่ไหว ”
เย่หลิ่นหานไม่พูดอะไรอีก สายตาของเขาไม่ละไปจากเสิ่นเฉียวเลยสักนิด เขาคอยเปลี่ยนผ้าเย็นบนหน้าผากของเธอตลอด
นางพยาบาลรู้สึกเอือมระอาเป็นอย่างมาก คนคนนี้ช่างหัวรั้นเสียจริง เตือนยังไงก็ไม่ฟัง ทั้งสองคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายพวกเขายังหนีออกไปด้วยกัน ตอนที่พวกเขากลับมาก็เปียกฝนทั้งคู่ ผู้หญิงมีไข้ขึ้นสูงแล้วสลบไป แผลบนร่างกายของผู้ชายก็ติดเชื้อ แต่เขาก็ไม่ยอมรักษาเสียที เขาเอาแต่ดูแลผู้หญิงพยายามทำให้อุณหภูมิร่างกายของเธอลดลง เธอมองดูแล้วช่างรู้สึกปวดหัวเสียจริง
“คุณผู้ชาย อย่าหาว่าฉันพูดจาไม่ดีเลยนะ ร่างกายของคุณเต็มไปด้วยบาดแผล แถมยังตากฝนมาอีก ถ้าผ่านไปอีกสักพักบาดแผลจะเริ่มอักเสบและติดเชื้อ คุณเองก็จะมีไข้ขึ้นสูงเช่นกัน ถ้าคุณไข้ขึ้นสูง คุณคิดว่าต่อให้เธอไข้ลดลงแล้ว ตัวคุณเองจะไม่แพร่เชื้อให้กับเธองั้นหรอ?”
เมื่อฟังจบ การกระทำของเย่หลิ่นหานหยุดชะงักลง ราวกับว่าคำพูดของเธอทำให้เขาคิดได้
นางพยาบาลเห็นเช่นนี้แล้วจึงรีบพูด “ดังนั้นตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเถอะ ฉันจะต้องดูแลเธออย่างดีแน่นอน คุณไปจัดการกับบาดแผลก่อนเถอะ”
เย่หลิ่นหานพยักหน้า จากนั้นยื่นผ้าในมือส่งให้กับเธอ
นางพยาบาลเห็นเช่นนี้แล้วจึงรู้สึกโล่งอกมากขึ้น นี่คือคนไข้ที่เธอรับมา ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เธอจะต้องไม่โอเคแน่ๆ
เย่หลิ่นหานไม่ได้เดินออกไปไหนไกล ทั้งสองอยู่ในห้องพักผู้ป่วยห้องเดียวกัน เขาอยู่เตียงผู้ป่วยที่อยู่ข้างๆ นางพยาบาลไปตามหมอมารักษาบาดแผลของเขา ส่วนตรงนี้ตัวเธอเป็นคนดูแลเสิ่นเฉียวเอง
ถึงแม้จะมีคนมารักษาบาดแผลของเย่หลิ่นหานแล้ว แต่สายตาของเขายังคงมองไปทางเสิ่นเฉียว
“นอนลงเถอะ คุณเองก็มีไข้เช่นกัน” คุณหมอตบบ่าของเขาแล้วบอกให้เขานอนลง
เย่หลิ่นหานรู้สึกไม่วางใจ เขายังคงจ้องมองไปที่เสิ่นเฉียว
“ถ้าคุณไม่ยอมรักษาดีดี อีกสักพักคุณล้มลงไปแล้ว ใครจะมาจ้องมองเธอ? ดังนั้นรีบนอนลงเพื่อทำการรักษา ร่างกายของคุณแข็งแรงดีมาก ขอแค่ได้รับการรักษาดีดีก็จะไม่สลบไปหรอก”
เย่หลิ่นหานจึงรู้สึกวางใจแล้วเอนตัวลงนอน
หลังจากผ่านการยืดเยื้อไปสักพัก คุณหมอก็ได้รักษาบาดแผลบนร่างกายของเย่หลิ่นหานเรียบร้อย อีกทั้งไข้ของเสิ่นเฉียวก็ค่อยๆลดลง เพียงแต่ว่าเธอยังคงตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน เธอยังคงละเมอแล้วพูดพึมพำซ้ำไปซ้ำมา บนหน้าผากมีเหงื่อออกตลอดเวลา
พยาบาลที่พึ่งถูกส่งตัวเข้ามาในตอนหลังได้มาอยู่ด้วยกันกับนางพยาบาลคนนั้น จากนั้นพวกเธอก็เดินออกไปจากห้องด้วยกัน พวกเธอเดินไปด้วยพูดไปด้วย
“พระเจ้าช่วย ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่มีความรักที่ลึกซึ้งเสียจริง อีกอย่างมีความอุตสาหะเป็นอย่างมาก คุณดูเขาบาดเจ็บถึงขนาดนั้นแต่ถึงตอนนี้ยังไม่ล้มลงไปเลย ความตั้งใจและมุมานะของเขาช่างแรงกล้าเสียจริง ถ้าฉันบาดเจ็บขนาดนั้นละก็ ฉันจะทนไหวได้ยังไงกัน?”
“เห้อ คุณไม่เข้าใจหรอก มีผู้ชายบางคนทำเพื่อผู้หญิงที่เขารักแล้วแม้แต่ชีวิตก็ยอมทิ้งได้ แววตาที่เขามองผู้หญิงคนนั้นช่างลึกซึ้งจนฉันแทบจะลุ่มหลง ผู้ชายแบบนี้ ทำไมฉันถึงไม่เจอนะ? ช่างมีความรักที่ลึกซึ้ง หล่อมากๆเลย”
“พอได้แล้ว เลิกพูดเรื่องนี้แล้ว ถ้าหัวหน้าพยาบาลมาได้ยินเข้า เราสองคนโดนสั่งสอนอีกแน่”
“เห้ย ฉันไม่ได้พูดคำไม่ดีสักหน่อย ฉันก็แค่พูดชื่นชมเท่านั้นเอง”
“ชื่นชมก็ไม่ได้ หัวหน้าพยาบาลจะบอกว่าคุณว่างจนไม่มีอะไรทำน่ะสิ รีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองพูดไปด้วยเดินห่างออกไปเรื่อยๆ
บรรยากาศรอบทิศเงียบสนิท ตอนนี้ก็เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว ทางเดินของโรงพยาบาลก็เงียบสงัดเป็นพิเศษ นอกจากเสียงที่ดังออกมาจากเครื่องมือทางการแพทย์แล้วก็มีแต่เสียงลมหายใจของผู้ป่วย
เย่หลิ่นหานนอนตะแคงข้างอยู่บนเตียง เขาจ้องมองเสิ่นเฉียวที่อยู่ไม่ห่างจากเขามาก
หลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆมาตลอดทั้งคืน เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะไม่รู้ว่าคุณหมอให้ยาอะไรกับเขา ทำไมเขาถึงรู้สึกง่วงขนาดนี้? เขารู้สึกหนักหนังตาจนเหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ตาของเขา
เหมือนกับว่าจะนอนหลับไปได้ทันที แต่เย่หลิ่นหานพยายามลืมตาอีกครั้ง
นอนไม่ได้นะ ถ้านอนแล้วใครจะดูเสิ่นเฉียว ถ้าเธอตื่นขึ้นมากลางคันแล้วแอบหนีออกไปอีกจะทำยังไง?
แต่ข้างนอกยังคงฝนตก ก่อนหน้านี้เธอก็มีไข้สูง ร่างกายคงจะทนการบาดเจ็บครั้งสองไม่ไหวอีกแน่นอน
ช่างมันเถอะ อดทนเอาไว้
เย่หลิ่นหานอยากโทรศัพท์ไปหาเลขาแยจื่อ แต่โทรศัพท์ไม่มีแบตแล้ว สุดท้ายเขาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ จึงขอยืมโทรศัพท์ของนางพยาบาลตอนที่เธอมาตรวจห้อง จากนั้นจึงโทรหาเลขาของตัวเอง
ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเช้ามืด แต่หลังจากที่แยจื่อได้รับโทรศัพท์แล้วก็รีบเดินทางมาที่นี่ทันที
“ท่านรองประธานเย่ ทำไมถึง….มีสภาพแบบนี้?” หลังจากที่แยจื่อมาถึงแล้วเห็นเหตุการณ์นี้ เธอก็รู้สึกอึ้งและตกใจเป็นอย่างมาก ทั้งทั้งที่พวกเขายังนั่งอยู่ในร้านอาหารอย่างปกติดีตอนที่เธอไปส่งเอกสาร ทำไมไม่เห็นพวกเขาทั้งสองแค่หนึ่งคืนถึงล้มป่วยกันได้
“เรื่องราวมันค่อนข้างซับซ้อน เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันต้องการให้คุณช่วย”
แยจื่อพยักหน้าทันที “ท่านรองประธานเย่มีเรื่องอะไรกำชับฉันมาได้เลย ฉันเป็นเลขาของคุณอยู่แล้ว ฉันจะช่วยคุณจัดการเรื่องเหล่านี้เอง”
“ขอโทษด้วยนะ มีปัญหาเกิดขึ้นน่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำงานก็ยังเรียกคุณมา”