เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่320 เกมส์นี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่320 เกมส์นี้ฉันเป็นคนตัดสินใจเอง
เมื่อคิดเช่นนี้ เย่โม่เซินจึงโยนปากกาที่อยู่ในมือออกไปอีกข้าง จากนั้นหมุนล้อรถเข็นไปที่ห้องพักผ่อนด้วยสีหน้าที่เย็นชา
จริงๆแล้วหลายวันมานี้เขานอนหลับไม่ค่อยดี เพราะเรื่องของผู้หญิงคนนั้น คุณภาพของการนอนหลับของเขาจึงลดต่ำลง ทุกคืนที่หลับตาจะเห็นภาพใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาอย่างชัดเจนเสมอ ไม่ง่ายเลยที่เขาจะโยนภาพใบหน้าของเธอออกไปได้ แต่เธอก็เข้ามารบกวนแม้แต่ในความฝันของเขา
ดังนั้นหลายวันมานี้เย่โม่เซินนอนหลับไม่ค่อยสนิท อีกทั้งจิตไม่อยู่กับร่องกับรอย คราวนี้….ขอบตาล่างของเขาเริ่มคล้ำเล็กน้อย ดูก็รู้ว่าอดหลับอดนอนมา
หลังจากที่ผลักประตูห้องพักผ่อนแล้ว เย่โม่เซินก็หยุดชะงักทันที คิ้วที่ขมวดอยู่ก็ยังคงขมวดแน่นอยู่ตลอดเวลา
บรรยากาศในห้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ มันไม่ใช่กลิ่นบรรยากาศของที่นี่
เพราะสำหรับเย่โม่เซินแล้ว ห้องพักผ่อนของเขามีพนักงานเฉพาะทางมาทำความสะอาด อีกทั้งที่นี่คือสถานที่ที่เขาใช้พักผ่อน เขาจึงมีมาตรฐานที่สูงมาก ดังนั้นเขาจะไวต่อกลิ่นมาก
บรรยากาศในห้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อยู่ๆเย่โม่เซินก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
เย่โม่เซินสังเกตเห็นว่ากลิ่นของบรรยากาศนี้ค่อนข้างจะคุ้นเคย เขากวาดสายตามองไปรอบทิศ แต่ไม่เห็นเงาร่างที่เขาคุ้นเคย
สุดท้าย สายตาของเย่โม่เซินจ้องมองร่างที่อยู่ด้านหลังของตัวเอง เธอนอนอยู่บนโซฟาขนาดใหญ่
เสียงล้อรถเข็นเบามาก แต่เมื่ออยู่ในห้องพักผ่อนที่เงียบสงบเสียงล้อก็เด่นขึ้นมา เสิ่นเฉียวนอนอยู่บนโซฟาที่อ่อนนุ่ม เธอไม่ได้ยินเสียงที่กำลังเข้ามาใกล้ตัวเธอ
หนึ่งวินาที สองวินาที….
ในที่สุด เย่โม่เซินก็มาอยู่ด้านหน้าโซฟา เขามองเห็นผู้หญิงที่นอนอยู่ในนั้น
คนคนนั้นคือผู้หญิงที่ทำให้เขาทั้งรู้สึกโมโหและคิดถึงไม่ใช่หรอ?
ในจังหวะที่เขามองเห็นเสิ่นเฉียว อยู่ๆเย่โม่เซินก็รู้สึกว่าความโมโหและแรงโกรธในสองวันมานี้ค่อยๆลดลง จากนั้นเขาเข้ามาใกล้เสิ่นเฉียวโดยไม่รู้ตัว
เสิ่นเฉียวกำลังนอนหลับอย่างเงียบสงบ ใบหน้าที่ขาวผ่อง โหงวเฮ้งที่ดูดีกำลังได้ที่ ขนตายาวโค้งงอนเป็นรูปพัดรอบดวงตาของเธอ ผ้าม่านของห้องพักผ่อนถูกเลื่อนมาปิดเพียงครึ่งเดียว แสงอ่อนๆส่องเข้ามาในห้องทำให้เธอแลดูสวยอย่างไร้ที่ติ
เสิ่นเฉียวหายใจลากยาว ผิวพรรณอันขาวผ่องและละเอียด แลดูแล้ว…มีความรู้สึกที่สงบสุขอย่างหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้เอาหัวใจของเขาไปแล้ว
ตั้งแต่ที่เธอมาอยู่ในบ้านตระกูลเย่ เธอเติมเต็มหัวใจของเขาจนอิ่มเอม หลังจากที่ทั้งสองทะเลาะกัน เขากลับลืมเธอไม่ได้เลยสักนิด
ถ้า…เธอสามารถอยู่ในสภาพเหมือนตอนนี้ไปได้ตลอด อยู่เคียงข้างเขาอย่างเงียบสงบ ไม่ต้องถามเรื่องอะไร ไม่ต้องไปยุ่งกับใคร โดยเฉพาะเย่หลิ่นหานก็คงจะดี
แต่….
เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน อารมณ์ที่นิ่งสงบของเย่โม่เซินอยู่ๆก็โมโหขึ้นมาอีกครั้ง
ราวกับมหาสมุทรที่นิ่งสงบแล้วอยู่ๆมีคลื่นพัดเข้ามา อีกทั้งคุณไม่มีทางคาดเดาได้ว่าต่อมามันจะกลายเป็นคลื่นลูกใหญ่หรือไม่
เสิ่นเฉียวนอนหลับอย่างนิ่งสงบมาก หลายวันมานี้เธอไม่ได้นอนหลับให้ดี ดังนั้นเมื่อมาถึงที่ของเย่โม่เซิน เธอจึงหลับได้อย่างวางใจ
แต่อยู่ๆบรรยากาศโดยรอบเริ่มไม่เป็นปกติ เหมือนกับว่าอยู่ๆมันหนาวเย็นมากขึ้น…
เสิ่นเฉียวเริ่มรู้สึกตัวแล้วส่งเสียงออกมาเบาๆหนึ่งที เธอขมวดคิ้ว จากนั้นนอนขดตัวจนตัวกลม
ถึงแม้จะทำเช่นนี้ แต่ความหนาวเย็นรอบๆก็ยังไม่หายไป เธอยังคงรู้สึกหนาวมาก สุดท้าย….เธอรู้สึกว่ามันแปลกๆจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา
เธอที่พึ่งตื่น มองเห็นภาพต่างๆค่อนข้างมัว
ในจังหวะที่เย่โม่เซินมองเห็นดวงตาคู่นี้ เขาก็อึ้งในทันที
ราวกับว่าคุณได้มาในโลกแห่งน้ำแข็งแห่งหนึ่ง แต่โลกแห่งน้ำแข็งนี้อยู่ๆมีหมอกขึ้นมา มองไปทางไหนก็มีแต่หมอกมัวสลัว ทำให้เธอมองไม่เห็นทางข้างหน้า
หลังจากที่เสิ่นเฉียวค่อยๆมองเห็นเย่โม่เซินอยู่ตรงหน้าแล้ว ความมัวในดวงตาค่อยๆหายไป จากนั้นจึงมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
“เย่ เย่โม่เซิน……หุ…..”
เธอพึ่งจะเอ่ยชื่อของเขาออกมา ข้อมือของเธอก็โดนเขาคว้าเอาไว้อย่างแรง เธอยังไม่ทันดึงสติกลับมาว่าเกิดอะไรขึ้นก็ถูกดึงขึ้นมาจากบนโซฟา จากนั้นเธอเข้าไปแนบอยู่ในอ้อมอกที่ทั้งแข็งและเย็น
ต่อมา ริมฝีปากของเธอโดนทาบอย่างรุนแรง
เสิ่นเฉียวเบิกดวงตาโต จ้องมองใบหน้าของเย่โม่เซินที่เข้ามาใกล้
เขาไม่ได้หลับตา แต่ลืมตาที่สุขุมลุ่มลึกคู่นั้นแล้วจ้องมองเธอ ราวกับสาวตาเหยี่ยวที่หลักแหลมจ้องมองจนเธอรู้สึกตกใจ
ทั้งทั้งที่ริมฝีปากแนบชิดกัน แต่เสิ่นเฉียวกลับไม่รับรู้ถึงความรักความอบอุ่นเลยสักนิด บรรยากาศที่อยู่รอบๆทั้งสองช่างหนาวเหน็บเหลือเกิน
ราวกับว่าเธอได้เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง อีกทั้งไม่มีแรงจะตอบโต้
ความเจ็บแสบบนริมฝีปากทำให้เสิ่นเฉียวดึงสติกลับมาเล็กน้อย เธอเบิกดวงตาโตแล้วส่งเสียงอู้อี้ออกมา เธอต้องการจะผลักเย่โม่เซินออกไป
แต่ตอนนี้เย่โม่เซินราวกับเป็นภูเขาใหญ่ที่ไม่ขยับเขยื้อน
แรงของเธอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้วมันช่างน้อยนิด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เย่โม่เซินจึงถอนริมฝีปากของตัวเองออกมา จากนั้นใช้แรงผลักเธอออกไป
ตุบ!
เสิ่นเฉียวล้มลงไปบนโซฟาที่เธอนอนอยู่ก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
“ผู้หญิงโลเลที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างเธอยังจะมาทำอะไรในห้องทำงานของฉัน?”
หลังจากที่เย่โม่เซินผลักเธอออกไป เขาก็ยกมือขึ้นมาเอานิ้วชี้ป้ายเพื่อเช็ดเลือดบนริมฝีปากของตัวเอง มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและหยิ่งผยอง ท่าทางเช่นนี้ช่างดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก
ไม่สิ….เสิ่นเฉียวส่ายหัวไปมา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะสังเกตอะไรเหล่านี้
เธอมาหาเย่โม่เซินเพราะมีเรื่องต้องคุยกันให้ชัดเจน
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวจึงไม่สนใจความเจ็บปวดบนริมฝีปาก เธอรีบพูด “เย่โม่เซิน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“มีเรื่องต้องคุยกับฉัน?” เย่โม่เซินหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาที่เย็นชาไร้ที่ติจ้องมองเธอ “ คุณมีสิทธิ์อะไรที่รู้สึกว่าฉันจะมีเวลาฟังคุณพูดน่ะ? หรือว่าคุณยังคิดว่าตัวเองยังเป็นคุณนายน้อยสองของตระกูลเย่อีกหรอ?”
เสิ่นเฉียว “……”
เธอกัดริมฝีปากล่าง จากนั้นจ้องมองเขาอย่างกล้าหาญ “ถึงแม้สัญญาฉบับนั้นฉันจะได้มันมาแล้ว แต่มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับการหย่า”
“หึ สัญญาฉบับนั้นฉันแค่แจ้งให้คุณรู้ ไม่ได้เป็นการขอความเห็นจากคุณ หญิงสาว คุณควรพิจารณาสถานะของตัวเองให้ดีดี เกมส์นี้แต่ไหนแต่ไรฉันเป็นคนตัดสินคนเดียวทั้งหมด”
“ทำไม?” เสิ่นเฉียวอยู่ๆถามเขาเสียงดัง “ ก่อนหน้านี้ก็ยังดีดีอยู่เลยไม่ใช่หรอ? เพราะว่าฉันไม่ได้ไปร่วมงานเลี้ยงแล้วให้คุณรอฉันทั้งคืน คุณเลยต้องการหย่ากับฉันงั้นหรอ? เย่โม่เซิน ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณกลายเป็นคนใจแคบขนาดนี้?”
“ใจแคบ?” แววตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนไปทันที เขาหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วมองไปที่เธอ จากนั้นเอามือบีบไปที่คางของเธอ “ตอนที่ฉันให้คุณตัดสินใจเลือก คุณตัดสินใจเลือกอะไร? ฉันให้เวลาคุณทั้งคืนแต่คุณก็ไม่ปรากฏตัวออกมา เขาดีขนาดนั้นเลยหรอ? ดีจนคุณเสียดายเขา คุณเลยอยู่กับเขาทั้งคืนแล้วไม่ยอมมางานเลี้ยงเพื่อเจอกับฉัน?”
เมื่อฟังมาถึงคำพูดด้านหลังของเขาแล้ว ลมหายใจของเสิ่นเฉียวก็หยุดชะงัก เธอจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ
“คุณ…..คุณรู้ว่าคืนนั้นฉันไปเจอกับเย่หลิ่นหาน?”
“เย่หลิ่นหาน? เรียกกันอย่างสนิทสนมเชียว ทำไมไม่ตัดนามสกุลออกไปเลยล่ะ?”