เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่327 เธอมีสิทธิอะไรที่จะได้ทุกอย่างไป
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่327 เธอมีสิทธิอะไรที่จะได้ทุกอย่างไป
คุณแม่เสิ่นมองดูบัตรธนาคารที่ถูกเก็บไป กัดฟันกรอดๆ ในใจรู้สึกแค้นจนแทบทนไม่ไหว
เงินห้าล้านที่กำลังจะมาอยู่ในมือของเธอลอยออกไปแบบนี้เลยอย่างนั้นหรือ เธอจะต้องคิดหาวิธีเอากลับคืนมาให้ได้
ทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด คุณแม่เสิ่นเอ่ยพูดออกมาอย่างเย็นชา : “สรุปแล้ว ตอนนี้เธอเป็นลูกสาวของตระกูลเสิ่น พวกคุณหายไปหลายปีขนาดนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิพูดถึงความรับผิดชอบนี้ได้เลยด้วยซ้ำ ตอนนี้มาปรากฏตัวแล้วบอกว่าเธอเป็นคนของตระกูลหาน ก็จะต้องเป็นคนของตระกูลหานของพวกคุณอย่างนั้นหรือ? พวกคุณออกไปเถอะ! กลับไปซะ!”
คิดไม่ถึงว่าเธอจะโมโหขนาดนี้ ดวงตาของซูจิ่วปรากฏรอยยิ้มออกมา “คุณนายเสิ่น คุณรู้ไหมคะว่าทางกฎหมาย รู้เรื่องแต่ไม่บอกบอกกล่าวก็เป็นความผิดเหมือนกัน? อย่างเช่น ตอนนั้นที่คุณรู้ว่าเด็กคนนี้หายตัวไป คุณเองก็รู้ว่าเธอตกอยู่ในมือของพ่อค้ามนุษย์ แต่ทั้งๆที่คุณรู้ แต่กลับไม่บอก ถ้าอย่างนั้น…..คุณกับพ่อค้ามนุษย์คนนี้ก็ทำความผิดเหมือนกัน”
คุณแม่เสิ่นเคยเรียนเรื่องกฎหมายพวกนี้ที่ไหนกัน เธอก็เป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วคนหนึ่ง ปกติก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อถูกซูจิ่วเอ่ยพูดมาเช่นนี้ เธอจึงรู้สึกอึ้งไปจริงๆ
“คุณ คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร?”
“ฉันหมายความว่า ถ้าหากจะคิดบัญชีล่ะก็ พวกเราตระกูลหานสามารถฟ้องร้องคุณได้ แน่นอนว่าจากเงื่อนไขของตระกูลหานสามารถที่จะหาทนายดีๆได้ และพอถึงตอนนั้น…….”
“พวกคุณกำลังขู่ฉันอย่างนั้นหรือ?”
ซูจิ่วยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ไม่กล้าหรอกค่ะ ถึงอย่างไรคุณก็เป็นผู้มีบุญคุณกับตระกูลหานของเรา”
“ถ้าอย่างนั้นพวกคุณหมายความว่าอะไร?”
“หวังว่าคุณนายเสิ่นจะคืนเธอให้กับเจ้าของเดิม เสิ่นเฉียวเป็นคนของตระกูลหานของเรา ส่วนสร้อยยันต์คุ้มกันนั้น ก็จะต้องคืนกลับมาให้ด้วยเหมือนกัน ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นของของเสิ่นเฉียวอยู่แล้ว ไม่ใช่ของเสิ่นโยว่ เข้าใจใช่ไหมคะ?”
ซูจิ่วก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้มีความอดทนอะไรแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างตรงไปตรงมาเพื่อให้เข้าใจตรงกันในจุดนี้
“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว พวกคุณเอาเรื่องกฎหมายมาพูดแทนเสิ่นเฉียว! ฉันนี่น่าสงสารจริงๆ ที่เลี้ยงดูเธอจนโตมาด้วยความยากลำบากขนาดนี้! ถึงแม้ว่าฉันจะเห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่ได้มีคุณงามความดีแต่ก็ทำงานหนักมาเหมือนกันนะ ไม่คิดว่านอกจากพวกคุณจะไม่ขอบคุณฉันแล้วยังจะมาขู่ฉันแบบนี้อีก ชีวิตฉันนี่มันรันทดจริงๆเลยนะ!” คุณแม่เสิ่นเริ่มโวยวายขึ้นมา ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
เสียงจอแจนี้ทำให้หานชิงอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ ออร่าที่แผ่ออกมาจากร่างของเขานั้นมีความเย็นชามากยิ่งขึ้น แววตาที่ดุดันมองไปยังร่างของคุณแม่เสิ่น
คุณแม่เสิ่นรู้สึกได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นพักหนึ่ง จึงสบตากับหานชิงอย่างไม่รู้ตัว จนลืมเรื่องแกล้งร้องไห้ไปเสียแล้ว
และเวลานี้พอดีกับที่เสิ่นโย่วกลับมาจากไปซื้อของ เธอผลักประตูออกมาเห็นแม่ของตัวเองนั่งร้องไห้อยู่บนพื้นเย็นๆ แล้วจึงวิ่งเข้ามาอย่างลุกลี้ลุกลน : “แม่ นี่มันอะไรกัน? พวกคุณทำอะไรแม่ฉัน?”
หานชิงลุกขึ้นยืน ร่างสูงใหญ่หล่อเหลานั้นมีอำนาจที่ดูไม่ธรรมดาปรากฏออกมา เสิ่นโย่วมองสีหน้าท่าทางของเขาแล้วก็รู้สึกหลงใหลขึ้นมา
“คุณนายเสิ่น พวกเราให้เวลาคุณคิดสามวัน คุณคิดดีแล้วก็ค่อยโทรหาฉัน วันนี้พวกเราไปก่อนแล้วกันนะคะ”
ซูจิ่วพูดเสร็จแล้วนั้น แล้วจึงเคลียร์ทางให้กับหานชิง หลังจากนั้นคนกลุ่มนั้นก็ออกไปจากที่นี่
เสิ่นโย่วยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม เป็นเวลานานกว่าเธอจะดึงสติกลับมาได้ : “อา ฉันเพิ่งจะซื้อของว่างมาเอง พวกคุณไม่ทานกันหรือคะ?”
“เด็กบ้า!” คุณแม่เสิ่นโมโหมาก เธอบิดเสิ่นโย่ว : “เห็นผู้ชายเข้าหน่อยแกก็เดินไม่เป็นแล้วรึไง? ไม่สนใจแม้แต่แม่แกแล้วหรือ?”
“โอ้ย แม่…..เจ็บ! ปล่อยสิ!”
เสิ่นโย่วถูกหยิกเสียจนร้องโอดครวญออกมา
“แกรู้จักเจ็บด้วยหรือ? เมื่อกี้คิดจะทำอะไร?ฉันจะบอกแกให้นะ อย่าไปหาเรื่องผู้ชายคนนั้นเชียว!”
“ทำไมล่ะแม่?” เสิ่นโย่วทำปากจู๋ออกมาอย่างไม่พอใจ : “หนูโตขนาดนี้แล้ว หนูมีสิทธิตัดสินใจเองได้แล้ว หนูอยากจะดีกับใคร ทำไมแม่จะต้องมายุ่งด้วย?”
คุณแม่เสิ่นลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วปัดเสื้อผ้าของตัวเอง พลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง : “เขาไม่ใช่คนดีอะไร อีกทั้ง……เรื่องราวครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน”
เสิ่นโย่วไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำเสียงฮึดฮัดออกมา หลังจากนั้นจึงเอ่ยถาม : “สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แม่ ทำไมแม่ถึงได้รู้จักผู้ชายที่โดดเด่นขนาดนี้? ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยได้ยินแม่พูดถึงเลย? เขามาหาแม่ทำไมน่ะ?”
คุณแม่เสิ่นมองไปยังเสิ่นโย่วแวบหนึ่ง คิดแล้วจึงเล่าเรื่องนั้นให้เธอฟัง
หลังจากที่เสิ่นโย่วได้ฟังจบแล้วนั้นก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อยู่พักใหญ่ แล้วถึงจะดึงสติกลับมาได้
“แม่หมายความว่า….พี่…..เสิ่นเฉียวเป็นลูกสาวของตระกูลหานอย่างนั้นหรือ?”
คุณแม่เสิ่นพยักหน้าด้วยสีหน้าที่หนักแน่น : “ใช่ แม่ไม่ได้คลอดเธอออกมา ตอนนั้นแม่เพียงแค่รับมาเลี้ยงดูจากสถานสงเคราะห์ ใครจะไปรู้……ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของตระกูลหานกัน” พูดมาถึงตรงนี้แล้ว คุณแม่เสิ่นจึงกัดฟันด้วยความโมโห “ผู้หญิงที่สมควรตายคนนั้น ให้เงินแม่มาห้าล้านแล้ว แต่กลับเอาคืนไป สีหน้าที่จอมปลอมแบบนั้น แล้วยังจะมาบอกว่าแม่เป็นผู้มีบุญคุณของตระกูลหานอีก ทำไมไม่เอาเงินให้แม่ซักสิบล้านกัน? โมโหจริงๆ”
เสิ่นโย่วกลับไม่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้เลย เธอรู้เพียงแค่…..ไม่คิดว่าเสิ่นเฉียวจะเป็นคุณหนูผู้สูงส่งที่ตระกูลหานนั้นตามหากันมาตลอด? แล้วหานเส่โยวนั่นล่ะ? ไม่ใช่หานเส่โยวหรอกหรือ?
เนื่องจากว่าเมื่อก่อนเธอให้ความสนใจกับตระกูลหาน เธอจึงรู้ข่าวนี้
แต่เป็นแบบนี้มาตั้งนาน หานเส่โยวเป็นตัวปลอมอย่างนั้นหรือ? เสิ่นเฉียวต่างหากที่เป็นตัวจริงอย่างนั้นใช่ไหม??
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นโย่วกำมือของตัวเองแน่นยิ่งขึ้น
ทำไม? ก่อนหน้านี้ที่เธอรังเกียจคุณชายสองของตระกูลเย่คนนั้นที่เป็นคนพิการไม่ยอมแต่งงานกับเขา พ่อกับแม่จึงให้เสิ่นเฉียวแต่งงานแทนเธอ เธอยังดีใจอยู่เป็นเวลานาน โชคดีที่มีพี่สาวคนนี้ไปแทนเธอ และเธอก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตวัยรุ่นของเธออย่างไรความกังวลได้ต่อไป
แต่คิดไม่ถึง…..ว่าเสิ่นเฉียวจะอยู่ในตระกูลเย่ได้? ใช้ชีวิตเป็นคุณนายน้อย? ไม่ได้ดูน่ารันทดอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย อีกทั้ง….ตอนนี้เสิ่นเฉียวยังกลายมาเป็นคุณหนูผู้สูงส่งของตระกูลหานอีกอย่างนั้นหรือ?
พี่น้องที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จู่ๆก็ได้กลายเป็นหงส์ที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ไปแล้วเสียอย่างนั้น นี่จะให้เสิ่นโย่วรับได้อย่างไร? ถึงอย่างไร เธอก็คาดหวังมาตลอดว่าคนที่จะกลายเป็นหงส์เกาะอยู่บนกิ่งไม้นั่นจะเป็นตัวเอง!
แต่ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้? เสิ่นโย่วรู้สึกโมโหเสียจนกัดริมฝีปากล่างของตัวเองจนแตก กลิ่นคาวเลือดอบอวลเต็มปาก
“โย่วโย่ว โย่วโย่ว!”
เสิ่นโย่วดึงสติกลับมา แล้วมองไปยังแม่ที่กำลังเรียกชื่อตัวเองอยู่ “แม่?”
“เรื่องนี้ต้องค่อยๆปรึกษากันให้ดีๆก่อน แม่ติดหนี้ไว้เยอะขนาดนั้น ครั้งนี้พวกเราจะต้องเอาเงินมาให้ได้มากกว่าเดิม ให้พวกเขาตระกูลหานได้ชดใช้พวกเราเสียหน่อย ต่อไปพวกเราก็จะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายแล้ว แกเข้าใจไหม?”
“ชีวิตที่สุขสบายอย่างนั้นหรือ? อาศัยเพียงแค่เงินที่พวกเขาชดเชยให้เพียงไม่กี่ล้านอย่างนั้นหรือคะ?” เสิ่นโย่วลดสายตาลง แววตาเต็มไปด้วยความมืดมน “ทำไมหนูรู้สึกว่า…..พวกนั้นมันยังไม่เพียงพอล่ะคะ? อีกทั้ง เสิ่นเฉียว….เธอมีสิทธิอะไรที่จะได้เป็นคุณหนูผู้สูงส่งของตระกูลหาน?”
“โย่วโย่ว?”
“ไม่! เธอไม่คู่ควร! เธอได้เป็นคุณนายน้อยของตระกูลเย่ก่อน ตอนนี้ยังจะมากลายเป็นคุณหนูของตระกูลหานอีก? แล้วหนูล่ะ? หนูเป็นอะไร? แม่! แม่บอกหนูสิ! ว่าหนูต่างหากที่เป็นคุณหนูผู้สูงส่งคนนั้นของตระกูลหานที่กำลังตามหากันอยู่ ไม่ใช่เสิ่นเฉียวนั่น พวกเขาจำคนผิดแล้ว หรือว่าแม่จำผิดใช่ไหม? หนูต่างหากที่เป็นเด็กที่แม่เก็บมาเลี้ยงจากสถานสงเคราะห์น่ะ!”
คุณแม่เสิ่นมองเสิ่นโย่วที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไปแล้วเสียอย่างนั้น
“โย่วโย่ว แก……แกเป็นลูกสาวแท้ๆของฉัน ทำไม……”
“ไม่! หนูไม่ใช่!! หนูไม่อยากเป็น!!” เสิ่นโย่วกรีดร้องออกมาแล้วผลักคุณแม่เสิ่นออก “มีสิทธิอะไร? พวกเราโตมาด้วยกัน เธอได้อะไรไปมากมายขนาดนั้น แต่หนูกลับไม่มีอะไรเลย!!”