เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่337 เธอคิดจะดึงดูดเขาใช่ไหม
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่337 เธอคิดจะดึงดูดเขาใช่ไหม
“ฉันไม่ทันระวังเอง ขอโทษทีนะคะ ป้าเหลียนมีธุระก็ไปทำก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวถ้าฉันได้เจอเขาแล้วจะเอาคืนเขาเอง”
“ได้ค่ะ”
ป้าเหลียนรีบกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เสิ่นเฉียวรอจนเธอกลับออกไปแล้ว จึงเอาคอมพิวเตอร์วางลงไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็กลับมาตรงโต๊ะอาหารเพื่อเตรียมจะกินข้าวแต่เสียงออดประตูก็ดึงขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนที่เธอเดินมาตรงประตูเพื่อจะส่องตาแมวดูนั้น โทรศัพท์ก็ส่งเสียงดังขึ้น เสิ่นเฉียวอ่านข้อความในwe chatที่เสี่ยวเหยียนส่งมา
“เปิดประตู ฉันมาอยู่หน้าประตูแล้วนะ”
“นี่ ได้ยินเสียงwe chatเธอดังแล้ว รีบเปิดประตูต้อนรับสิ”
เสิ่นเฉียว : “………”
เธอเหลือบไปมองตรงตาแมวนั้น พบว่าเป็นเสี่ยวเหยียนอย่างที่คิดไว้จริงๆ ไม่คิดว่ายัยนี่จะ…..
เสิ่นเฉียวเปิดประตู หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเห็นเธอแล้วก็รีบพุ่งตัวแทรกเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ : “ทำอะไรอยู่น่ะ ฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์ของเธอดังแล้ว แต่กว่าเธอจะเปิดประตู ไม่ไว้ใจฉันหรือยังไง?”
เสิ่นเฉียวมองเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ : “ทำไม? จะไม่ให้คนอื่นเคลื่อนไหวได้ช้าบ้างเลยหรือไง?”
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินเข้ามาแล้วจึงปิดประตูลง หลังจากนั้นจึงอุทานออกมา : “ว้าว เธอนี่เลือกที่เป็นจริงๆเลยนะ สายตานี่ดีมากจริงๆ”
เสี่ยวเหยียนเดินมาด้านใน ตอนที่เห็นอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะนั้นเธออดที่จะเบิกตาโตขึ้นมาไม่ได้ “ว้าว ชีวิตเธอนี่ดีเกินไปแล้วนะ…..มีของกินเยอะขนาดนี้เลย”
ด้วยความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยกันของเธอกับเสิ่นเฉียว ดังนั้นเธอจึงนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ : “ฉันยังคิดอยู่เลยว่าเธออยู่ที่โรงแรมคนเดียวแบบนี้จะหิวตายหรือเปล่า อยากจะมาพาเธอออกไปกินอาหารเช้าด้วยกัน นึกไม่ถึงเลย…..ว่าฉันความกังวลของฉันจะสูญเปล่าไปแบบนี้”
เสิ่นเฉียวเดินมานั่งลงตรงด้านหน้าเธอ : “ในเมื่อเธอมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็กินด้วยกันเลยสิ เพราะถึงยังไงอาหารตั้งมากขนาดนี้ฉันคนเดียวก็กินไม่หมดอยู่แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจเธอแล้วนะ” เสี่ยวเหยียนหยิบขนมที่ทำจากแป้งชิ้นหนึ่งขึ้นมากัด หลังจากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม : “ดูสภาพเธอตอนนี้คงจะปรับอารมณ์ตัวเองได้แล้วสินะ เมื่อวานยังดูอดอาลัยตายอยากอยู่เลย”
ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวยังคงรักษาความนิ่งเงียบเอาไว้ หลังจากนั้นจึงได้เอ่ยขึ้น : “ฉันยังจะทำอย่างไรได้อีกล่ะ ให้หมดอาลัยตายอยากต่อไปแบบนั้นน่ะหรือ? เดิมทีตอนแรกฉันควรจะรู้ผลลัพธ์อยู่แล้ว ว่าในการแต่งงานของฉันครั้งนี้จะต้องเกิดความหวังที่เลือนรางขึ้นอยู่แล้ว ฉันทำผิดครั้งใหญ่เองแหล่ะ”
เธอหลบตาลง หยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำซุปขึ้นมาเข้าปาก
เสี่ยวเหยียนมองดูท่าทางของเธอ แล้วอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้
“จะว่าแบบนี้ก็ไม่ได้หรอกนะ หลายๆเรื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะควบคุมมันได้ ยิ่งเป็นเรื่องของความรู้สึกด้วย อีกอย่างตอนแรกที่พวกเธอแต่งงานกัน…..ก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว เธอจะชอบเขาก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเธอจะแยกกันแล้ว แต่ฉันรู้สึกว่า……จะตัดก็ต้องตัดให้ขาด ระหว่างพวกเธอมีความเชื่อใจต่อกันน้อยเหลือเกิน แยกกันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีก็ได้นะ”
เอ่ยพูดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนแอบเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกัดริมฝีปากของตัวเองไว้พลางเอ่ยขึ้นอย่างลังเล : “ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อีกสองสามปีพวกเธออาจจะกลับมาดีต่อกันก็ได้?”
สองสามปีหลังจากนี้…..
ได้ยินคำนี้แล้ว เสิ่นเฉียวอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ : “คงจะไม่มีโอกาสอีกแล้วล่ะ เย่โม่เซินดูถูกไม่ชอบฉัน แล้วเขาก็ใช่ว่าจะขาดฉันไม่ได้ด้วย ข้างๆกายของเขามีผู้หญิงมากมายที่อยากจะเป็นภรรยาตระกูลเย่ ผู้หญิงพวกนั้นเก่งและดีกว่าฉันมาก หรือบางทีคงไม่ต้องรอสองสามปีหรอก ผ่านไปไม่กี่วันเขาก็อาจจะมีผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ได้ ทั้งหมดนี่….ฉันขอมากเกินไปสินะ แล้วอีกอย่าง ฉันเองก็คงจะไม่กลับไปอยู่ข้างๆเขาอีกแล้วล่ะ”
เสี่ยวเหยียนไม่ได้เอ่ยพูดออกมา เธอเคี้ยวขนมที่ทำจากแป้ง ในปากนั้นรู้สึกขมไปหมด แม้แต่ขนมในปากรสชาติยังแปลกๆขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ทั้งสองคนจัดการอาหารเช้าตรงหน้ากันอย่างเงียบๆ
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยี่ยนก็ลูบท้องอย่างพอใจพร้อมกับนั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้น : “อาหารเช้าพวกนี้ใครเป็นคนเตรียมให้เธอน่ะ? ทำไมเยอะขนาดนี้? ตอนที่ฉันมาเจอกับคุณป้าคนนึงที่เดินลงไป ป้าเดินออกมาจากทางห้องเธอนี่แหล่ะ ป้าคนนั้นหรือ?”
“อืม” เสิ่นเฉียวพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรอย่างอื่นอีก
เดิมทีเสี่ยวเหยียนกลัวว่าสถานการณ์ของเธอจะไม่ดีเท่าไรนัก จึงมาดูเธอตั้งแต่เช้า ตอนนี้เห็นท่าทางของเธอราวกับว่าตัวเองคิดได้แล้วนั้น จึงอดจะถอนหายในออกมาไม่ได้ : “ตอนแรกฉันคิดว่าเธอจะเสียใจนานเสียอีก แต่ตอนนี้ดูแล้วความสามารถในการฟื้นฟูสภาพของเธอนี่แข็งแกร่งดีมากเลยนะ โดนโจมตีมาขนาดนี้ยังกินอะไรได้เยอะขนาดนี้อีก”
เสิ่นเฉียว : “………”
“เธอเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นเธอ…..วางแผนจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ?”
“ต่อไป?” เสิ่นเฉียวยิ้ม : “ยังไม่คิดเรื่องนี้ชั่วคราวน่ะ”
“เธอจะยังให้เด็กเกิดมาใช่ไหม?” แม้จะรู้ว่าคำถามนี้จะเป็นการล่วงเกิน แต่เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตัวเองจำเป็นจะต้องเอ่ยถามเธอ
“แน่นอนสิ” เสิ่นเฉียวพยักหน้า : “นับตั้งแต่ที่ฉันตัดสินใจว่าจะเอาลูกไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะทอดทิ้งเขาอีกเลย”
เสี่ยวเหยียนได้ยินแล้วนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา : “ในอนาคตลูกจะต้องรักเธอมากอยู่แล้ว เธอดีกับเขาขนาดนี้ ใช่แล้ว รองประธานเย่เป็นห่วงเธอมากเลยนะ เธอจะ…..”
“เสี่ยวเหยียน ฉันไม่อยากให้ความหวังใดๆกับเขา” เสิ่นเฉียวเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยเหยียนแล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างจริงจัง : “ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับเขา และยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนของตระกูลเย่ด้วย ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว”
ต่อไป…..เธอขอใช้ชีวิตเองเพียงลำพังดีกว่า
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปฉันจะไม่พูดถึงแล้ว”
หลังจากนั้นเสี่ยวเหยียนก็ช่วยเธอเก็บข้าวของบนโต๊ะ แล้วก็อยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงแรม รอจนถึงตอนกลางวันป้าเหลียนก็มาส่งอาหารให้อีก เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนอยู่ที่นี่ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเสิ่น เดี๋ยวอีกซักพักคุณหานอาจจะมานะคะ ไม่รู้ว่า…..คุณจะสะดวกหรือเปล่า”
หานชิงจะมา?
“เขาจะมาทำไมหรือคะ?” เสิ่นเฉียวรู้งง สมองยังไม่ทันได้ตอบสนองดีแต่ปากกลับเอ่ยถามออกไปก่อนเสียแล้ว
ป้าเหลียนเองก็ถูกคำถามที่เธอเอ่ยถามมานั้นทำให้ถึงกับอึ้งไป ประมาณไม่คิดว่าเธอจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ หานชิงจะมาทานข้าว ราวกับเธอ….ดูเหมือนจะดูไม่ต้อนรับเขาเท่าไรนัก?
แต่ตอนนั้นหานชิงจากทางปลายสายก็บอกแล้ว ว่าเพียงแค่ให้เธอบอกกับเสิ่นเฉียวก็พอ
“อันนี้ป้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ ป้าเพียงแค่มาบอกต่อกับคุณเท่านั้น อาหารกลางวันส่งมาให้หมดแล้ว ป้าไปก่อนนะคะ”
ป้าเหลียนออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อยากจะตอบคำถามของเธออย่างไรอย่างนั้น
เสิ่นเฉียวยืนเหม่อลอยอยู่ตรงที่เดิม เสี่ยวเหยียนที่ได้กลิ่นความผิดปกตินี้จึงพุ่งเข้ามา : “คุณหาน? เป็นใครน่ะ?จะมาหรือ? สถานการณ์มันเป็นยังไง??”
เสิ่นเฉียว : “………”
เป็นเวลาซักพักหนึ่ง ที่เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับเสี่ยวเหยียนอย่างไรดี
ครอบครัวนี้ของเธอมาเร็วเกินไป เหมือนกับพายุทอร์นาโด
“ฉัน…….”
“คุณหาน? แซ่นี้ฟังดูแล้วคุ้นหูจัง หืม? ไม่ใช่แซ่เดียวกับนังผู้หญิงที่ชอบแอ๊บว่าตัวเองใสซื่ออย่างหานเส่โยวนั่นหรอกใช่ไหม? ว้าว เฉียวเฉียว นี่….ผู้หญิงคนนั้นแย่งสามีเธอไป ส่วนเธอก็แย่งพี่ชายเขามาอย่างนั้นหรือ?”
เสิ่นเฉียวอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ : “เธอพูดอะไรมั่วๆแบบนี้ล่ะ”
“หรือว่าฉันเดาผิด? แต่ถ้าหากฉันพูดผิด ถ้าอย่างนั้นเขาจะมาทำอะไรล่ะ? เขาเป็นถึงพี่ชายของหานเส่โยวเลยนะ เฉียวเฉียวเธออย่าไปหลงกลเชียวนะ!” พูดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนยังคงดูร้อนใจ จับแขนเธอเอาไว้ : “เธอจะไปมาหาสู่กับเขา ฉันยอมให้เธอคบกับรองประธานเย่ดีกว่า อย่างน้อยๆ…..รองประธานเย่ก็เป็นพี่ชายของคุณชายเย่ ต่อไปถ้านังผู้หญิงเลวๆคนนั้นคบกับคุณชายเย่จริงๆ ผู้หญิงคนนั้นก็จะต้องเรียกเธอเป็นพี่สะใภ้ด้วยนะ”
เสิ่นเฉียว : “อย่าพูดเหลวไหลน่า เรื่องราวไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดเสียหน่อย”