เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่4 ต้องตามหาเธอให้เจอ
เมื่อพูดถึงตรงนี้เขาก็ไม่พูดต่อให้จบ แต่เสิ่นเฉียวกลับรู้ดีว่า คำพูดเหล่านั้นสื่อถึงการข่มขู่เธอบางอย่าง เธอรู้สึกโกรธเล็กน้อย เป็นเพราะเขาคนเดียวเธอจึงต้องลาออกจากงานของตัวเอง แถมยังต้องคอยเดินตามเขาไปทุกที่
เดิมทีเคยบอกว่า เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่ตอนนี้กลับโดนผูกให้อยู่ตัวติดกัน เสิ่นเฉียวเองก็ไม่พอใจเช่นกัน
เพียงแต่เธอไม่พูดอะไรออกมา สถานการณ์ตอนนี้ของเธอช่างน่าอึดอัดเหลือเกิน
พวกเขาเดินจนถึงปากทางเข้าโดยที่ไม่พูดอะไรกันสักคำ เย่โม่เซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นมีคนช่วยพยุงเขาขึ้นรถส่วนตัว เสิ่นเฉียวกำลังจะโน้มตัวลงมาเพื่อขึ้นรถด้วย เธอกลับโดนเซียวซู่ ยื่นแขนมาขวางตัวเธอเอาไว้
“คุณหนูเสิ่น นี่คือรถส่วนตัวของคุณชาย”
เสิ่นเฉียว ชะงักเล็กน้อย “หมายความว่ายังไง?”
เย่โม่เซินหันหน้ามามองดูเธอ แววตาที่สุขุมลุ่มลึกและเย็นชาคู่นั้นมองดูเธออย่างเย้ยหยัน “เธอน่ะหรอจะมาเป็นผู้ช่วยของฉัน คุณสมบัติไม่ถึงหรอก”
เมื่อฟังจบ สีหน้าของเสิ่นเฉียวก็เปลี่ยนไป “หมายความว่ายังไง? งั้นเมื่อตะกี้คุณตอบตกลงคุณปู่ทำไม?”
เย่โม่เซินไม่สนใจคำพูดของเธอ หันแววตาที่เย็นชาของเขาไปมองที่อื่น เซียวซู่ทำหน้านิ่ง เขากำลังจะปิดประตูรถ เสิ่นเฉียว ยื่นมือมาขวางประตูเอาไว้แล้วถามเย่โม่เซิน “ถ้าคุณไปแล้ว แล้วฉันจะทำยังไง? คุณปู่นั้น….”
เมื่อพูดถึงนายท่าน แววตาของเย่โม่เซินก็เป็นประกาย เขาหรี่ตาลง จ้องมองเธอด้วยสายตาที่ข่มขู่เธอ
“เซียวซู่ บอกเส้นทางให้เธอที ให้เธอเดินตามไป”
เสิ่นเฉียว “……”
ทำไมถึงเป็นคนสารเลวได้ขนาดนี้?
เซียวซู่ยังคงมีสีหน้าที่ดูนิ่ง ไร้ความรู้สึก เขาบอกเธอเส้นทางการเดินทางให้กับเธอ จากนั้นก็ปิดประตูรถอย่างเย็นชา
“คุณหนูเสิ่น ขอให้คุณโชคดี”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินขึ้นรถแล้วขับรถออกไป
เสิ่นเฉียว ยืนอึ้งอยู่หน้าปากทางเข้าที่แสนจะวุ่นวาย ยามที่หน้าประตูจ้องมองเธอด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าเธอช่างน่าเวทนาเธอเหลือเกิน
เมื่อเธอรับรู้ถึงสายตาที่ยามกำลังมองดูเธออย่างเวทนานั้น ตัวเสิ่นเฉียวก็รู้สึกแย่เหลือเกิน
เธอกำหมัดในมือแน่น
ไปเองก็ได้
บนรถ
“คุณชายครับ ทำแบบนี้กับเธอมันไม่เกินไปหน่อยหรอครับ?”
เย่โม่เซิน ยักคิ้วขึ้นแล้วพูด “งั้นนายจะลงไปอยู่กับเธอมั้ยล่ะ?”
สีหน้าของเซียวซู่เปลี่ยนไป “คิดซะว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกมาละกัน”
เย่โม่เซินส่งเสียง หึ ออกมาเบาๆ แววตาที่เย็นชานั้นได้จ้องมองไปที่กระจกมองหลังเห็นร่างผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้า เขาเหลือบตาไปมองเพียงแค่แว็บเดียว หลังจากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก ริมฝีปากเรียวบางของเขาขยับเล็กน้อย
“ผู้หญิงคนนั้นที่ฉันให้นายไปตามหา เจอเบาะแสอะไรบ้างรึยัง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มือของเซียวซู่กำแน่นเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแล้วพูด “คุณชายครับ ถนนเส้นนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด อีกอย่างวันนั้นฝนตกหนักมาก ถนนค่อนข้างมืด มองไม่เห็นคนที่เดินอยู่ แต่คุณให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะครับ ผมเชื่อว่าผมจะสามารถตรวจสอบให้เจอจนได้”
ช่างน่าอึดอัดใจเหลือเกิน ปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่คุณชายสั่งมา เซียวซู่ก็สามารถทำทุกอย่างได้สำเร็จ
มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวที่เขายังทำไม่สำเร็จ
เย่โม่เซิน ถอนหายใจออกมา ท่าทีของเขาดูเย็นชามากขึ้น คิ้วของเขาขมวด “หนึ่งเดือน ถ้าหัวใจถูกสร้างขึ้นมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นน่าจะท้องแล้วล่ะ”
เซียวซู่ ตกใจเป็นอย่างมาก ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ไม่รู้จักชื่อ ไม่รู้หน้าตาอยู่ๆจะมาท้องลูกของคุณชายอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะนี่ สีหน้าของเซียวซู่เริ่มจริงจังขึ้นมา
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะให้คนไปสังเกตตามโรงพยาบาลต่างๆด้วยครับ”
เย่โม่เซิน หลับตาลง
เขาไม่เคยสัมผัสกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ผู้หญิงในคืนนั้นคือคนแรกของเขา!
ดังนั้น ยังไงก็ตามหาเธอให้เจอ!
เสิ่นเฉียว ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงบริษัทตระกูลเย่
แต่เมื่อมาถึงบริษัทตระกูลเย่ เสิ่นเฉียวกลับโดนขวางอยู่ข้างนอก เป็นเพราะเธอไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าเอาไว้ ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปได้
ที่เมืองเป่ย บริษัทตระกูลเย่ นั้นยิ่งใหญ่ราวกับว่าเป็นทุกอย่างในเมืองเป่ยก็ว่าได้
บริษัทตระกูลเย่ นั้นใหญ่โตและโดดเด่น แทบจะเป็นแกนนำให้เศรษฐกิจของเมืองเป่ย พัฒนาขึ้น เมื่อสิบห้าปีที่แล้วเมืองเป่ยยังคงเป็นเมืองเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ในวันนี้กลับเป็นเมืองที่พัฒนาก้าวไกล
บริษัทที่ใหญ่โตเพียงนี้ คงไม่ให้ใครเดินเข้าออกง่ายๆแน่นอน
“ขอโทษด้วยนะคะ รบกวนคุณช่วยคุยกับเย่โม่เซิน ให้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของเขาจริงๆค่ะ”
พนักงานประชาสัมพันธ์จ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลนเธอ
“เธอพูดเรื่องอะไรน่ะ? แต่ไหนแต่ไร ประธานเย่ไม่เคยจะต้องการผู้ช่วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนทั้งบริษัทก็รู้ดี ถ้าเธออยากจะจับผู้ชายคนหนึ่งก็ช่วยไปสืบข่าวของเขามาให้ดีดีก่อน”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียว ก็รู้สึกตกตะลึง เย่โม่เซินคงวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้วสินะ ถึงแม้ว่าเธอจะตามมาถูกที่ แต่สุดท้ายเธอก็เข้าไปข้างในไม่ได้อยู่ดี
“เธอรีบออกไปจากที่นี่เลยนะ คนอย่างเธอจะทำงานเป็นพนักงานธรรมดา คุณสมบัติก็ยังไม่ถึงเลย ยังคิดอยากจะมาเป็นผู้ช่วยท่านประธานอีก”
พนักงานประชาสัมพันธ์ดูถูกเธอมากขึ้นเรื่อยๆ พนักงานคนอื่นๆที่นั่งอยู่ละแวกนั้นต่างก็คล้อยตามแล้วหัวเราะเยาะเธอ
“อุ๊ยตายแล้ว เธอดูสิใส่กระโปรงอะไรมาก็ไม่รู้ ยังกล้ามาบอกว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยอีก แม้แต่ชุดทำงานยังไม่มีเลย ใส่ชุดเสื้อผ้าราคาถูกๆที่ซื้อมาจากข้างทางสินะ”
“ช่างน่าประหลาดจริงๆ คนเรามีหลากหลายรูปแบบจริงๆ ”
“ถ้าเธอไม่ออกไปอีก ฉันจะเรียกยามให้มาลากตัวเธอออกไปแล้วนะ”
เสิ่นเฉียว โดนพวกเธอเหล่านี้พูดจาดูถูกเหยียดหยามจนหน้าของเธอนั้นแดงก่ำ เธอกัดริมฝีปากล่างแล้วก้มลงไปมองดูกระโปรงของเธอ
พวกเธอพูดไม่ผิด กระโปรงตัวนี้เธอซื้อมาจากร้านข้างถนนในตลาดนัดตอนกลางคืน แต่ก่อนเงินเดือนเธอนั้นไม่เคยพอใช้ เสิ่นเฉียวต้องกินอยู่อย่างประหยัดมาตลอด
แต่หลายปีที่ผ่านมา เธอคิดมาตลอดว่าตัวเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่เสมอ
แต่มาวันนี้ เธอโดนคนพวกนี้พูดติเตียน ดูถูกดูแคลนต่อหน้าต่อตา เสิ่นเฉียวรู้สึกแย่ขึ้นมาทันที
“ออกไปสิ กลับไปเปลี่ยนเสื้อซะ แต่งตัวดีดีสักหน่อยแล้วค่อยมาใหม่” ทุกคนต่างมองเธอด้วยสายตาที่เหยียดหยามและดูถูกเธอ เสิ่นเฉียวยิ่งรู้สึกเสียความมั่นใจมากขึ้น เธอกัดริมฝีปากล่าง วินาทีที่เธอกำลังสับสนไม่รู้จะต้องทำยังไงนั้น มีเสียงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังไม่ไกลจากเธอ
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ?”
เสิ่นเฉียว หันหลังไปมอง เธอเห็นแววตาที่อ่อนโยนคู่หนึ่ง
“ท่านรองประธานมา”
“รองประธานเย่!”
คือเย่หลิ่นหาน พี่ชายของเย่โม่เซิน
การที่เสิ่นเฉียวได้พบเจอกับเขา เป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายมาก
เย่หลิ่นหาน เดินมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “มาหาโม่เซินหรอครับ?”
เสิ่นเฉียว พยักหน้าเล็กน้อย สภาพที่น่าอเนจอนาถของเธอในตอนนี้โดนคนอื่นมาเห็นเข้า เขาคงจะเริ่มดูถูกดูแคลนเธอแล้วสินะ? เมื่อเธอนึกถึงจุดนี้ เสิ่นเฉียวก็งุ้มปลายเท้าแล้วเกรงไปทั้งตัว
“ฉันขอโทษ ฉัน….” เธอก้มหน้าลง “ฉันคงสร้างความเดือดร้อนให้กับบริษัทของพวกคุณ…..”
“ไม่เป็นไรครับ” เย่หลิ่นหานจับมือของเธอเอาไว้ “ผมพาคุณเข้าไปนะ”
“ห่ะ !!!”
เย่หลิ่นหาน จูงมือเธอเอาไว้ ทำให้พนักงานคนอื่นที่กำลังมองดูอยู่ร้องออกมาด้วยความตกใจ จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
พนักงานประชาสัมพันธ์ทำหน้าไม่ถูกในทันที เดิมทีนึกว่าเธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ดังนั้นจึงหัวเราะเยาะเย้ยเธอไม่หยุด ใครจะไปรู้ว่าเธอนั้นรู้จักกับเย่หลิ่นหานด้วย
หรือว่า….เธอจะเป็นผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานจริงๆ?
เมื่ออยู่ในลิฟต์ เสิ่นเฉียวยังคงรู้สึกกังวล เธอก้มหน้ามองดูมือของเธอโดนเย่หลิ่นหานจับเอาไว้ หัวใจของเธอเต้นรัวและแรงมาก เธอรีบดึงมือของเธอกลับมา ขยับตัวไปด้านข้างสองก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับเย่หลิ่นหาน
เย่หลิ่นหาน ไม่ได้รู้สึกสะดุดใจอะไร ยังคงยืนนิ่งอย่างสง่าแล้วยิ้มอ่อนๆออกมา
เสิ่นเฉียว แอบเหลือบมองดูเขา
ผิวของเขาช่างขาวผ่อง หน้าตาหล่อเหลาดูดี ริมฝีปากหนาบางกำลังดี ใบหน้าของเขามักจะมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แลดูเนี๊ยบเรียบร้อยอยู่เสมอ
ช่างดูดีเหลือเกิน…..
ขณะที่เธอกำลังมองอยู่นั้น ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
พวกเขาขึ้นมาถึงแล้ว
“ออกจากตรงนี้เลี้ยวขวาแล้วเดินไปสุดทางเดิน ห้องทำงานของโม่เซินอยู่ตรงนั้นครับ พอดีผมมีธุระต้องไปต่อ ผมมาส่งถึงตรงนี้ไม่เดินเข้าไปด้วยนะครับ ถ้าเดินไปเองจะไปถูกมั้ยครับ?”
เมื่อฟังจบ เสิ่นเฉียวก็รีบพยักหน้าตอบทันที “อืม ขอบคุณนะคะพี่ชาย”
“ยินดีครับ”
ประตูลิฟต์ปิดต่อหน้าของเธอ บรรยากาศรอบๆเริ่มกลับมาเงียบอีกครั้ง
เสิ่นเฉียว หายใจเข้าลึกๆหนึ่งที เธอเดินตรงไปสุดทางเดิน
ในที่สุดเธอมองเห็นประตูของห้องทำงานแล้ว เสิ่นเฉียวกำลังยื่นแขนออกมาจะเคาะประตูห้อง อยู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก ร่างร่างหนึ่งถูกผลักออกมา
เสิ่นเฉียว หลบไม่ทัน เธอโดนชนเข้าอย่างจังจนตัวเธอล้มนั่งลงกับพื้น
ยังมีอีกร่างหนึ่งที่ชนเข้ากับเธอจนล้มลงเช่นกัน
“นี่ !!! เย่โม่เซิน นายทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง!”
เสิ่นเฉียว เพิ่งจะเห็นว่าคนที่ชนเข้ากับเธอเมื่อตะกี้คือผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งหน้าจัดและแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อย หลังจากที่เธอล้มลง เธอก็รีบลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าคนที่อยู่ในห้อง
เย่โม่เซิน ที่นั่งอยู่บนรถเข็น แววตาของเขาแลดูมืดมนและน่ากลัว ร่างกายของเขามีรังสีอันแรงกล้าบางอย่าง ริมฝีปากอันเรียวบางของเขาพูด
“ไสหัวออกไป”