เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่491 อย่าผลักไสฉันให้คนอื่น
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่491 อย่าผลักไสฉันให้คนอื่น
บทที่491 อย่าผลักไสฉันให้คนอื่น
หลินชิงชิง?
ระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่านั้น ไม่มีแม้แต่เงาของคนสักคน
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเอาไว้ เธอมองเหม่อไปยังท้ายทอยของเย่โม่เซิน
เขาคงไม่ที่จะไม่เชื่อเธอหรอกมั้ง?
ในขณะที่คิดอยู่นั้น เย่โม่เซินไม่ได้กล่าวอะไรอีก แต่เขากลับไปยังห้องผู้ป่วยแทน หลังจากนั้นก็ยื่นมือไปปิดประตูห้องผู้ป่วย พร้อมกับลากหานมู่จื่อ ให้เดินเข้าไปด้วย
หานมู่จื่อรู้สึกหัวร้อนเล็กน้อย เขาไม่พูดไม่จาแบบนี้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา?
เธออยากจะสะบัดมือของเขาออก แต่เธอก็นึกถึงแผลตรงหลังของเขาเลยยอมแพ้ แล้วอดทนเอาไว้พร้อมถามว่า “ว่าไง? นายไม่เชื่อฉันใช่ไหม?”
ได้ยินเช่นนั้น เย่โม่เซินชายตตามองเธอแวบหนึ่ง พร้อมพูดกับหัวเราะเสียงต่ำ “ฉันจะไม่เชื่อเธอได้ยังไง? ฉันเย่โม่เซินถึงจะไม่เชื่อใครหน้าไหนก็ตาม แต่ฉันก็ไม่มีทางที่จะไม่เชื่อเธอ”
แล้วตอนนั้นที่เธอให้เขามาเจอกับเธอสักครั้ง แล้วรับฟังเธออธิบาย ทำไมเขาไม่ยอมมาเจอ?
คำว่าไอ่คนโกหกเกือบหลุดออกมาจากปาก ท้ายที่สุดหานมู่จื่อก็ยังคงทนเอาไว้
เธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองอดทนเก่งจริงๆ จนแทบจะกลายเป็นนินจาเต่าแล้ว
พอนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อหันหลังกลับ ไม่ได้มองดวงตาของเย่โม่เซินอีก แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วนายลากฉันเข้ามาทำไม? ถ้าหากว่าเธออยู่ในนี้จริง ฉันอาจจะหาเธอเจอก็ได้”
“หาเจอแล้วยังไงต่อ?” เย่โม่เซินถามกลับ
“อะไร?”หานมู่จื่อเบิกตากว้าง เหมือนไม่คาดคิดว่าเขาจะถามแบบนี้อย่างนั้นแหละ
“ฉันถามเธออยู่นะ หาเจอแล้วยังไงต่อ? ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย เธอคิดว่าเขาจะมาที่นี่อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหรอ? วันนั้นที่สั่งสอนไปยังไม่ทำให้เธอตื่นอีกหรือไง? หรือว่า……”เย่โม่เซินพูดเน้นชัดเจนทีละคำ “วันนั้นที่ฉันบังเธอจากน้ำกรด แล้วให้เธอปลอดภัยอยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้นเธอไม่รู้ถึงความอันตรายอะไรเลย คิดว่าตัวเองปรากฏตัวต่อหน้าเขาเมื่อไหร่ก็ได้หรอ ไม่กลัวโดนน้ำกรดสาดอีกรอบหรือไง?”
หานมู่จื่อเบิกตากว้างอย่างไม่น่าเชื่อ “นายหมายความว่ายังไง? นายกำลังใส่ร้ายฉัน?”
เย่โม่เซินไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
หานมู่จื่อเหมือนกับรู้สึกว่าตลก พูดขึ้นหลังผ่านไปไม่นาน “แล้วนานยคิดว่าเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ได้เพราะอะไรหล่ะ?”
สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ ยังคงเงียบและไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม
แต่หานมู่จื่อกลับมองเขาอยู่นิ่งๆ “ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนาย ฉันก็คงไม่เข้าไปยุ่งกับผู้หญิงที่น่ากลัวแบบนี้หรอก นายเดทกับเธอดีๆก็ได้แล้วไหม ทำไมต้องลากมาถึงฉันด้วย? แล้วยังมาต่อต้านฉันอีก ตอนนี้นายกำลังใช้อารมณ์กับใครอยู่?”
“……ฉันไม่ได้ชอบเขา ทำไมต้องเดทกับเขาด้วย?”
“นายไม่ชอบเธอ นายเดทกับเธอกี่ครั้งแล้ว? เย่โม่เซินนายกำลังล้อเล่นกับฉันอยู่หรือไง?”หานมู่จื่อเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย คำพูดเริ่มจะไร้เหตุผลขึ้นมา
เย่โม่เซินเริ่มจะโมโหขึ้นมา หรือบางทีเขาอาจจะแค่อยากอธิบายให้เธอฟัง ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปจับข้อมือของเธอเอาไว้และพูดอย่างเย็นชา “แล้วที่ฉันเดทกับเขามาหลายรอบเธอไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด เธอก็อยู่ด้วยทุกครั้งไม่ใช่หรือไง?”
หานมู่จื่อ “……”
เธอนิ่งไปสักพักก่อนจะสะบัดมือเย่โม่เซินออกจากข้อมือของเธอ
“นั่นมันในสถานการณ์ที่ฉันไม่รู้เรื่อง ถ้าฉันรู้ว่านายอยู่ ฉันไม่มีทางไปแน่นอน”
“จริงหรอ?”เย่โม่เซินหัวเราะเสียงเย็นชา “ถึงเธอจะไม่รู้ เธอก็ไปมาแล้ว แล้วตอนนี้เธอก็ดูแลฉันอยู่ในห้องผู้ป่วยของฉัน มู่จื่อ เธอไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดมันไม่ได้เป็นไปตามที่เธอคิดเอาไว้หรอ?”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนได้สำเร็จ
เขาพูดไม่ผิด เรื่องราวทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่หานมู่จื่อคิดเอาไว้ แต่กลับเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่เธอคิดเอาไว้ เบี่ยงเบนไปในทิศทางที่ไม่คาดคิด
นี่มันเป็นเรื่องที่น่ากลัว
พอนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อหันหลังกลับ พูดด้วยเสียงเย็นชา “นั่นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ไม่ว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน นายเดทกับเธอก็คือนายเดทกับเธอ นายเดทกับเธอดีๆก็ได้แล้ว ฉัน……”
เธอยังไม่ทันพูดจบ ก็โดนเย่โม่เซินพูดแทรก “คนที่ฉันชอบคือเธอ จะเดทกับเขาดีๆได้ยังไง?”
หัวใจของหานมู่จื่อกระตุกวูบ
นายนี่มัน กำลังพูดเรื่องบ้าบออะไรอยู่?
ในขณะที่เธอกำลังหงุดหงิด แผ่นหลังกลับรู้สึกอุ่นขึ้น เย่โม่เซินกอดเธอจากด้านหลังนี่เอง
หานมู่จื่อยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “นายทำอะไร?”
“อย่าผลักไสฉันให้คนอื่น”
“ถึงแม้เธอจะไม่อยากได้ ก็อย่าผลักไสฉันให้ออกไป”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่ในเวลานี้นั้น หานมู่จื่อกลับรู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย?
เหอะ ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็ไม่ได้เป็นของเธออยู่แล้ว
พอนึกได้เท่านี้ หานมู่จื่อพูดเสียงต่ำ “นายปล่อยฉันก่อน”
“งั้นเธอตอบฉันมาก่อน ว่าจะไม่ผลักไสฉันให้คนอื่น”
หานมู่จื่อ “……เรื่องนี้ก็ให้ทันจบแค่นี้เถอะ หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก แล้วก็ เมื่อกี้ฉันเจอหลินชิงชิงจริงๆ ฉันรู้สึกว่าตอนนี้เธอเป็นอันตรายมาก ฉันจะโทรศัพท์ก่อนนะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่จริงจังของเธอ เย่โม่เซินค่อยๆปล่อยมือออกจากเธอ แต่ก่อนที่เขาจะปล่อยเธอนั้น เย่โม่เซินก็ได้กดริมฝีปากของเขาลงตรงคอของเธออย่างจงใจ
สัมผัสที่นุ่มนวลและเย็นยะเยือกทำให้หานมู่จื่อหดคออย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นก็ถอยห่างออกจากเขาก่อนที่จะดึงสติกลับมาได้
เธอมองไปยังประตูห้องพักผู้ป่วยก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมา หลังจากนั้นก็เข้าไปซ้อนตัวในห้องน้ำ
ท่าทางลับๆล่อๆแบบนี้เย่โม่เซินเห็นและรับรู้ทุกอย่าง
ลองดูแล้วผู้หญิงคนนี้คงตกใจไม่น้อยเลย แล้วคำพูดของหลินชิงชิงนั้น มีความอันตรายแฝงอยู่จริงๆ
พอคิดถึงตรงนี้เท่านี้ เย่โม่เซินก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเซียวซู่่
ภายในห้องน้ำ
หานมู่จื่อกดเบอร์โทรหาเสี่ยวเหยียน
ฝั่งเสี่ยวเหยียนนั้นกลับไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด จึงทำให้หานมู่จื่อเริ่มรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเหยียนกันแน่? ทำไมยังไม่รับโทรศัพท์อีก?
ท้ายที่สุดหานมู่จื่อก็ได้แต่กดเบอร์ของเธอและโทรเรื่อยๆ
ในที่สุด ในขณะที่โทรเป็นรอบที่ห้านั้นปลายสายก็ได้กดรับเสียที ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย หานมู่จื่อเกือบจะอุทานออกมา
“แกเป็นอะไร? ทำไมเพิ่งจะรับโทรศัพท์? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรอ?”
“หืม?” เสี่ยวเหยียนเหมือนไม่ได้รู้สึกถึงความกังวลของเธอเลยสักนิดเดียว “เมื่อกี้ไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะว่าฉันกำลังอาบน้ำอยู่ มีเรื่องอะไร?”
“พวกแกกลับบ้านตระกูลหานแล้ว?”
“อื้ม แกให้ฉันพาเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา พวกเราก็กลับมาเลยไง”
“แล้วเสี่ยวหมี่โต้วหล่ะ?”
“หลับไปแล้ว”
“แกช่วยไปดูหน่อย ลูกฉันปลอดภัยใช่ไหม?”
“สบายใจได้เลย ฉันรู้ว่าแกต้องเป็นห่วงแน่ คืนนี้ฉันก็เลยให้เสี่ยวหมี่โต้วมานอนที่ห้องฉัน แล้วอีกอย่าง บ้านตระกูลหานมีคนเฝ้าอยู่เยอะแยะ ยัยหลินชิงชิงยังไม่กล้ามาก่อเรื่องที่นี่หรอก เสี่ยวหมี่โต้ว อยู่กับฉันปลอดภัยมาก ถึงแกจะไม่เชื่อฉัน ก็ต้องเชื่อพี่ชายแกจริงไหม?”
ประโยคหลังนั้นปลอบโยนหานมู่จื่อเป็นอย่างมาก เธอเห็นด้วยกับคำพูดของเสี่ยวเหยียน พยักหน้า “อื้ม งั้นแกดูแลลูกฉันดีๆนะ อ้อ……ทางโรงเรียน ลากิจก่อนแล้วกัน ฉันกลัวว่าตอนลูกฉันอยู่โรงเรียนคนเดียว หลินชิงชิงจะไปทำเรื่องไม่ดีใส่”
“เรื่องโรงเรียน? ตามหลักแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้มั้ง? นั่นมันโรงเรียนที่มีระดับนะ ไม่น่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าไปได้หรอก”
“เอางี้หรอ?”ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หานมู่จื่อถึงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา
สุดท้ายก็กดวางสายทั้งๆที่ยังพูดไม่เคลียร์