เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่493 เรื่องนี้ผิดที่ฉันเอง
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่493 เรื่องนี้ผิดที่ฉันเอง
บทที่492 ถูกจับ
หลังจากที่กดวางสาย หานมู่จื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ เธอสังเกตเห็นเย่โม่เซินได้กลับมานั่งอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของตัวเอง แล้วมองเธอที่เดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาที่ลึกซึ้งของเขายังคงจ้องมองไปที่เธออย่างไม่ละสายตา
สายตาที่เร่าร้อนนี้ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกไม่พอใจมากนัก
ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะไม่รู้จริงๆว่าตัวเองหาเรื่องโดนใครกันแน่ อยู่ดีๆก็ดีแล้วทำไมต้องไปเดทกับผู้หญิงด้วย
เดทก็ช่างเถอะ ก็ควรเดทกันดีๆไหม ถึงแม้ว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นจะคบกันจริงๆ ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเธอหานมู่จื่อสักหน่อย
แต่ทำไมเขาต้องมาหาเรื่องเธอด้วย
ตอนนี้ก็ดันมาหาเรื่องโดนคนบ้าคลั่งอีก รู้สึกว่ารอบตัวอันตรายไปหมด
คนปกติทั่วไปก็ต้องกลัวคนสุดขั้วอย่างหลินชิงชิงกันทั้งนั้น วันนี้ที่เธอราดใส่นายคือน้ำกรด ใครจะไปรู้ว่ารอบหน้าเธออาจจะปามีดปอกผลไม้มาเลยหล่ะ?
หานมู่จื่อยังไม่อยากตาย และเธอก็ไม่อยากบาดเจ็บด้วย แน่นอนว่า……เธอก็ไม่ยอมให้คนรอบตัวเธอได้รับบาดเจ็บ
เพราะแบบนี้ในความคิดของเธอมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!
แต่เรื่องมันดันเลยเถิดถึงตอนนี้จนไม่สามารถที่จะควบคุมได้
หานมู่จื่อยกมือขึ้นดูเวลาแวบหนึ่ง เธอตัดสินใจที่จะคุยกับเย่โม่เซินดีๆ
เธอเป็นฝ่ายเริ่มเดินเข้าไปหาเย่โม่เซินก่อน แล้วนั่งนั่งลงตรงหน้าของเขา
“เย่โม่เซิน เรามาเคลียร์กันเถอะ”
น้ำเสียงของเธอที่ยากจะนุ่มนวลและสนิทสนมแบบนี้ แต่เย่โม่เซินกลับรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เม้มปากและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ถ้าเธออยากจะผลักไสฉันให้คนอื่น งั้นระหว่างเราก็ไม่มีอะไรให้คุยกัน”
พูดจบก็หันหัวและหลังให้หานมู่จื่อ
หานมู่จื่อ “……ฉันเคยพูดเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน?”
“งั้นเธออยากเคลียร์เรื่องอะไรกับฉัน?”
“เรื่องนายกับหลินชิงชิง”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว “แล้วบอกว่าไม่ได้ผลักไสฉัน?”
หานมู่จื่อ “ฉันก็แค่อยากบอกนายว่า คนที่เป็นศัตรูเธออยู่ตอนนี้คือฉัน ถึงแม้นายจะบาดเจ็บ แต่ฉันไม่ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้เธอคงหาวิธีต่างๆนาๆ ฉันเชื่อว่าคนเมื่อกี้ที่ฉันเห็นเป็นเธอแน่นอน เธอก็ต้องมาโรงพยาบาลนี้แน่ๆ”
ได้ฟังเท่านี้ เย่โม่เซินเหมือนจะเข้าใจความหมายที่เอต้องการสื่อถึง “เริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่เธอเริ่มกลัวการตายขึ้นมา?”
ความคิดของหานมู่จื่อโดนเย่โม่เซินแทรก เธอหันหน้ามองไปยังเย่โม่เซิน สายตาของเขาไม่มีความเยาะเย้ยอยู่ในนั้นเลย แต่คำพูดของเขานั้นทำให้ฟังรู้สึกถึงเจ็บปวด
“ฉันไม่ได้กลัวตาย ฉันก็แค่……”
กลัวว่าคนรอบตัวจะโดนไปด้วย โดยเฉพาะเสี่ยวหมี่โต้ว
ตอนนี้เขาเป็นคนที่เธอผูกพันที่สุด ถ้าหลินชิงชิงรู้ถึงการมีตัวตนของเสี่ยวหมี่โต้ว นั่นมันจะเป็นเรื่องที่แย่ขนาดไหนกัน
เพราะฉะนั้น เธอต้องให้เย่โม่เซินเคลียร์เรื่องหลินชิงชิงให้เสร็จ
“เพราะอะไร?” เย่โม่เซินไล่ถาม
เพราะอะไร?
เธอไม่สามารถบอกเหตุผลให้เขาได้ หานมู่จื่อหันหัวอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่เพราะอะไร นายคิดเสียว่าฉันกลัวตายก็แล้วกัน แล้วฉันก็กลัวความเจ็บปวด ฉันไม่อยากโดนคนอื่นราดน้ำกรดใส่ด้วย และฉันไม่อยากโดนใครเอามีดมาแทง เรื่องมันก็แค่นี้”
เพิ่งจะพูดจบประโยค หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าเย่โม่เซินขยับตัว จากนั้นเขาก็ยกมือของเธอขึ้นมา
มือหนาของเย่โม่เซินกุมมือเธอเอาไว้ พร้อมพูดเสียงต่ำ “กลัวตายก็ดี ไม่กลัวตายก็ดี ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว”
“เย่โม่เซิน……”
“นี่ก็ใช้ทั้งตัวบังเธอแล้วไม่ใช่หรือไง? คิดเล่นๆก็รู้ว่าฉันจะไม่ยอมให้เขามาทำร้ายเธออีก”
“แล้วนายคิดจะจัดการยังไง?”หานมู่จื่อขมวดคิ้วขึ้น “ทางตำรวจตามหาเขาอยู่ตลอด แต่ตอนนี้เขา……”
“เหอะ”เย่โม่เซินหัวเราะเสียงต่ำ “งั้นก็ต้องพึ่งทางตำรวจ ให้หาตัวเธอ”
หลังจากที่ฟังจบ หานมู่จื่อเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แค่ขอให้เย่โม่เซินยินดีที่จะจัดการ งั้น……หลินชิงชิงก็จะโดนจับง่ายๆ
ทุกอย่าง ค่อยคิดหลังเธอโดนจับแล้วกัน
*
เย่โม่เซินเพิ่งลงมือจัดการ หลินชิงชิงก็โดนจับกุมอย่างรวดเร็ว ฝ่ายตำรวจพาเธอไปยังสถานีตำรวจ
ได้ข่าวว่าตอนที่เธอโดนจับเข้าไป เธอยังพกมีดติดตัวเอาไว้อีกด้วย
ตอนที่ได้ยินข่าวนี้ หานมู่จื่อรู้สึกเสียวสันหลังวาบเลยทีเดียว
เธอไม่ได้ตายใจจริงๆด้วย
เพราะว่าหลินชิงชิงโดนจับ ดังนั้นทางตำรวจจึงต้องสอบปากคำหานมู่จื่อและเย่โม่เซินเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องมีคนเป็นพยานด้วย
ก่อนหน้านี้เสี่ยวเหยียนที่รอหลินชิงชิงโดนจับกุมได้เตรียมหลักฐานทุกอย่างเอาไว้นานแล้ว พอหลินชิงชิงโดนจับ ก็ยื่นหลักฐานทันที
ในห้องพักของพวกเขานั้นมีกล้องวงจร เพราะฉะนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องพักวันนั้นโดนบันทึกเอาไว้หมดแล้ว
และนี่ก็เป็นหลักฐานโดยตรง แล้วเสี่ยวเหยียนก็ไปหาพวกผู้หญิงที่ไปก่อเรื่องด้วยกันในวันนั้นมาเป็นพยาน และเพราะหลักฐานที่แน่น ดังนั้นหลินชิงชิงจึงโดนควบคุมตัวในทันที แต่ถ้าจะตัดสินคดีก็ต้องรอขึ้นศาลอีกที
หานมู่จื่อยังไม่ทันที่จะได้ดำเนินเรื่อง ทางเย่โม่เซินก็ได้เตรียมทนายความที่เก่งที่สุดในเมืองเป่ยเอาไว้ให้เธอแล้ว จากท่าทีของเย่โม่เซินแล้ว เขาค่อนข้างคาดหวังให้หลินชิงชิงได้รับโทษหนักที่สุด
เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถ้าหากเธอมาสงสารหลินชิงชิงในเวลานี้หล่ะก็ งั้นเธอก็คงจะปัญญาอ่อนจริงๆแล้วแหละ
ยังไงแล้วคนที่สาดน้ำกรดใส่เย่โม่เซินก็คือเธอ แล้วทำไมตอนนั้นหลินชิงชิงไม่ใจอ่อนบ้างหล่ะ? ดังนั้น……ใจอ่อนกับศัตรูก็คือการทำร้ายตัวเอง
หลินชิงชิงถูกควบคุมตัวไปแล้ว
ในที่สุดหานมู่จื่อก็ได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก ส่วนแผลของเย่โม่เซินนั้นก็ค่อยๆดีขึ้นตามกาลเวลา
แผลของเขานั้นสาหัสอย่างมาก ยังต้องผ่าตัดศัลยกรรมแผลด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น……
แต่หมอก็พูดแล้วว่า ถึงแม้จะทำการผ่าตัดแล้ว แผ่นหลังของเขาก็ยังคงจะมีแผลเป็นน่าเกลียดแถวยาวอยู่ดี
เรื่องนี้ ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
แผลเป็นนั้นแตกต่างจากของอย่างอื่น เพราะจะติดตามตัวไปตลอด ถึงตอนแก่ จนตายไป
“ถ้าเธอรู้สึกแย่จริงๆ ก็อยู่เคียงข้างฉันตลอดไปสิ ถือว่าเป็นการชดใช้ก็แล้วกัน”
เสียงติดตลกของเย่โม่เซินดังมาจากด้านหลัง หานมู่เซินนิ่งไปครู่นึงแล้วขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะมองแรงใส่เขา
“ทำไม? ไม่อยากหรอ?”เย่โม่เซินยกคิ้ว
“อีกไม่กี่วันก็ตะขึ้นศาลแล้ว นายหาทนายความที่เก่งขนาดนั้น เพราะหวังว่าจะได้เพิ่มโทษให้เธอหนักขึ้นหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วยังไง?”พูดถึงหลินชิงชิง สายตาที่อบอุ่นของเย่โม่เซินก็หายไปในทันที สายตาที่เย็นชาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเข้ามาแทนที่แทน แม้แต่รอยยิ้มตรงมุมปากก็กลายเป็นยิ้มที่ดุร้าย “อยากจะทำร้ายผู้หญิงที่ฉันรัก ก็ต้องจ่ายราคาที่สูงหน่อย”
ผู้หญิงที่ฉันรัก……
หานมู่จื่อตกใจกับคำคำนี้
พอรู้ตัวว่าหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้น หานมู่จื่อก็ทำเป็นไม่ได้ยินประโยคเมื่อสักครู่ แต่กลับถามกลับว่า “เธอเป็นคู่เดทของนายเลยนะ แล้วเธอก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วย นายทำลงหรอ?”
เย่โม่เซินจ้องเธออย่างตั้งใจ “นอกจากเธอ ก็ไม่มีใครสำคัญสำหรับฉันแล้ว”
หานมู่จื่อ “……แล้วแม่สื่อที่แนะนำให้พวกนายเดทกันหล่ะ?”
คำพูดเพิ่งออกจากปาก หานมู่จื่อเห็นเย่โม่เซินอึ้งอย่างสำเร็จ เธอยิ้มจืดๆ แล้วหันหน้ามาพูดว่า “ปรากฏว่าฉันเดาถูกสินะ นายไม่ได้ชอบเธอ แต่นายก็ไปเดทกับเธอ ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่นายไปเดทก็มีแค่ข้อเดียว ก็คือคนที่สั่งให้นายไป นายไม่สามารถปฏิเสธได้ งั้นฉันขอเดา คนที่ฉันเคยไปเจอตอนนั้นคุณส้งอานคุณหมอส้ง ใช่ไหม?”