เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่494 ยัยโง่
บทที่494 ยัยโง่
โรงพยาบาล
หานมู่จื่อได้กลับไปแล้ว เหลือเพียงเย่โม่เซินภายในห้องพักผู้ป่วยคนเดียว
เพราะหลินชิงชิงโดนจับไปแล้ว หลายวันมานี้เลยรู้สึกสงบขึ้น เย่โม่เซินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วจิ้มไปยังรูปโปรไฟล์ในวีแชทของหานมู่จื่อ แล้วเข้าไปดูหน้าไทม์ไลน์ของเธอ เขาเลื่อนดูรูปและแคปชั่นบนหน้าไทม์ไลน์เธอวนไปมา
เธอไม่ได้จงใจจะซ่อนหน้าไทม์ไลน์ของเธอ แต่เธอกลับเปิดเผยโพสต์ทั้งหมดเพื่อให้เพื่อนได้เชยชม
ในนั้นมีรูปเซลฟี่ของเธอ แต่ก็ค่อนข้างน้อย จะเป็นเรื่องในชีวิตประจำวันเสียส่วนใหญ่ และผลงานที่เธอออกแบบ
เขาสุ่มกดเข้าไปดูรูปรูปหนึ่ง เหมือนว่าจะมีคนถ่ายรูปนี้ให้เธอ เธอยืนอยู่ข้างทะเลกับกระโปรงผ้ามุ้งสีฟ้าที่กลมกลืนกับสีทะเล งดงามจนเหมือนไม่ใช่มนุษย์
เย่โม่เซินขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น เขามองดูใบหน้าของผู้หญิงที่คุ้นเคยในรูป ไม่ว่าจะบนใบหน้าบนริมฝีปากหรือแม้แต่ในดวงตาก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
จิ๊ ผู้หญิงคนนี้……
ยิ่งดูก็ยิ่งตกหลุมรัก
ท่าทางที่ราวกับเด็กของเย่โม่เซิน เขายื่นมือตัวเองไปถูหว่างคิ้วของเธอเบาๆ แล้วพูดเสียงต่ำ
“ยัยโง่”
เซียวซู่ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ “……”
เหอะๆ เขาขอทำเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์ล่องหนได้ไหม?
ก็แน่นอนว่าไม่ได้!
การมีตัวตนของเขานั้นอาจจะแข็งแรงเกินไป หรืออาจจะเพราะสายตาและอารมณ์เขาเมื่อสักครู่มันดูเปิดเผยเกินไป
เพราะเย่โม่เซินดันเงยหน้าขึ้นมา แล้วใช้สายตาเหมือนจะฆ่าคนมองไปยังเขา เซียวซู่รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันที เสียวจนขนหลังลุกซู่
“คือว่า……คุณชายเย่……เมื่อสักครู่ผมไม่เห็นอะไรเลยครับ!”มุมปากของเซียวซูกระตุกก่อนจะพูด
“เหอะ”เย่โม่เซินยิ้มอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็เก็บมุมปากเข้าที่เดิม พูดอย่างเย็นชาว่า “ไปไหนก็ไป!”
เซียวซู่ “……ครับ ได้ครับ”
จากนั้นเขาก็รีบหันหลังเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ขณะที่เซียวซู่เตรียมตัวออกจากห้องพักผู้ป่วยนั้น ทันใดที่เพิ่งเปิดประตูห้อง เงาของคนคนหนึ่งนอกห้องก็พุ่งเข้ามา
เป็นความเร็วที่เร็วมาก เซียวซู่ไม่ทันจะได้ห้ามเขาด้วยซ้ำ คนๆนั้นก็เดินผ่านตัวเขาเข้ามาในห้องแล้ว จากนั้นก็ไปถึงตรงหน้าของเย่โม่เซิน
“คุณเย่!”เซียวซู่อุทานออกมา “ระวังครับ!”
“ไอ้เด็กบ้านี่! กล้าไปรังแกเด็กผู้หญิงเขาได้ยังไง!”
เย่โม่เซินยังจับโทรศัพท์ไว้อยู่เลย แต่ส้งอานดันพุ่งตัวเข้าตรงหน้าของเขา แล้วตบเขาจนล้มในทันที
เขายังไม่ทันได้ตั้งสติ ร่างทั้งร่างก็ตกลงไปบนเตียงที่อยู่ด้านข้าง โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็ปลิวออกไป!
ผัวะ——
เซียวซู่ที่อยู่หน้าประตูรับหันหลังกลับมา ตาเบิกกว้างมองภาพตรงหน้า
หนึ่งวิ
สองวิ
สามวิ……
กว่าเซียวซู่เรียกสติกลับมาได้ เขาตะโกนเสียงดังว่าคุณชายเย่แล้วพุ่งไปด้านหน้าเพื่อพยุงเขาให้ลุกขึ้น “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
เย่โม่เซินบาดเจ็บอย่างสาหัสมาก แม้จะพักฟื้นมาหลายวันแล้ว แต่แผลของเขาไม่ได้หายง่ายขนาดนั้น อีกอย่างถ้าเขาไม่ได้บาดเจ็บสาหัสมาก เขาจะโดนส้งอานตบจนลงไปนอนที่พื้น แล้วโดนเข้าที่แผลพอดี
เพียงในชั่วพริบตา ใบหน้าอันของเย่โม่เซินนั้นซีดขึ้นทันที ริมฝีปากที่กว่าจะเริ่มกลับมาชมพูหลังจากพักฟื้นเริ่มซีดขึ้น บนหน้าผากเริ่มมีเหงื่อแห้งไหลออกมา
“ผมไปเรียกหมอให้นะครับ!”เซียวซู่รู้สึกไม่ดี รับพยุงเขาให้ลุกขึ้นมาแล้วไปเรียกหมอ
แต่ส้งอานที่มองภาพตรงหน้าอยู่นั้นหรี่ตาลง เย่โม่เซินสภาพแบบนี้ ดูแล้วคงจะสาหัสไม่น้อย
“ลูก——ลูกบาดเจ็บหรอ?”
เย่โม่เซินเชยตาขึ้นมอง ทั้งตัวดูเป็นคนอ่อนแอ “แล้วคิดว่ายังไงครับ? น้า”
ส้งอานนิ่งไปสักครู่ ก่อนจะเรียกสติกลับมาได้ แล้วก้าวมาข้างหน้า “โดนตรงไหนบ้าง? ขอน้าดูหน่อย!”
หลังจากที่เย่โม่เซินลุกขึ้นยืน ก็ไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับเดินหน้าไปยังโทรศัพท์ที่ตกลงพื้นเมื่อสักครู่แล้วหยิบขึ้นมา หน้าจอโทรศัพท์ได้แตกไปแล้ว เขากดลงบนหน้าจอพบว่ายังสามารถใช้ได้ แต่หน้าจอโทรศัพท์นั้นแตกจนไม่เหลือเศษ เพราะหน้าจอที่แตกจึงมองไม่เห็นใบหน้าของคนในรูปได้อย่างชัดเจน
ส้งอานมองเงาของคนในรูปที่เห็นรางๆ ถึงแม้จะมองหน้าได้ไม่ชัด แต่ก็พอจะดูออกว่าเป็นผู้หญิง เธอเหมือนจะได้กลิ่นแปลกๆ หรี่ตาลงเล็กน้อย
“นั่นใคร?”
ได้ยินเช่นนั้น เย่โม่เซินกลับเงียบไม่ตอบแล้วเก็บโทรศัพท์ ทั้งร่างกายแสดงแต่ความเย็นชาออกมา
“น้ามาทำอะไรครับ?”
น้ำเสียงไม่ต้อนรับเลยสักนิด ใบหน้าที่เย็นชาแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากเจอหน้า
“ไอ้เด็กนี่ อย่าคิดว่าลูกสภาพแบบนี้แล้วน้าจะไม่กล้าทำอะไรนะ! สายตาลูกนี่มันยังไง น้าอุตส่าห์มาจากเมืองซูมาเยี่ยม คุณก็ทำหน้านี้เหรอ”
สีหน้าเย่โม่เซินยังคงเดิม “งั้นน้าอยากให้ผมทำหน้ายังไง? เพิ่งมาถึงก็โค่นหลานชายตัวเองลงพื้น แล้วยังทำโทรศัพท์ผมเสียอีก น้าคิดว่าผมต้องแสดงสีหน้ายังไงครับ?”
ส้งอาน “……”
เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะเธอเป็นคนผิดจริงๆ
แต่ว่า พอนึกถึงเรื่องที่คุณแม่หลินเล่าให้เธอฟังนั้น ส้งอานก็กลับรู้สึกว่าเมื่อกี้เธอตีเบาไปด้วยซ้ำ
เธอจึงพูดว่า “น้าแค่ผลักลูก ลูกก็ล้มแล้ว ลูกกลายเป็นคนอ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? ยังจะมาใส่ร้ายน้าอีก”
“ผมกลายเป็นคนอ่อนแอตอนไหน ก็ต้องถามคู่เดทผมที่น้าแนะนำให้”
“คู่เดทที่น้าแนะนำ? เธอทำไม?”ส้งอานเริ่มรู้สึกเริ่มไม่ปกติ เธอจึงเดินก้าวหน้าไปสองสามก้าว เบ้ปากแล้วพูดว่า “ลูกหน้าซีดเกินไป เจ็บตรงไหน? ขอน้าดูแผลก่อน”
“สิ่งที่น้าเป็นห่วงคือแผลของผม? แต่ดูจากท่าทางน้าแล้ว เหมือนมาสอบสวนผมเสียมากกว่า?”
ส้งอาน “ใช่น้ามาสอบสวนก็จริง แต่มันก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่จะทำให้น้าเป็นห่วงหลานหนิ มีปัญหาอะไรไหม?”
เย่โม่เซินไม่ตอบ สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย
ท่าทางแบบนี้ของเขา ดูเหมือนจะโมโหแล้วจริงๆ
กี่ปีแล้ว ที่เย่โม่เซินไม่เคยเป็นแบบนี้ ส้งอานรู้สึกว่า……สงสัยเรื่องในครั้งนี้คงจะหนักจริงๆ
แต่ว่า ผู้หญิงแค่คนเดียว ทำให้เขาอารมณ์เสียขนาดนี้ได้ยังไง?
ในระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่ได้การแล้ว เธอต้องถามให้ชัดเจน
“ก็ได้ ถ้าลูกไม่อยากพูดน้าก็จะไม่บังคับ ลูกไม่ให้น้าดูแผลน้าก็จะไม่บังคับโอเคนะ? ตอนนี้น้าขอถามแล้วกัน ทั้งๆที่เป็นแค่การนัดดูตัว ทำไมลูกต้องถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลด้วย เธอทำอะไรให้ลูกไม่พอใจ? ถึงจะเป็นแค่ความผิดเล็กๆ ลูกก็ต้องนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างน้ากับตระกูลหลินด้วย มองข้ามความผิดเธอไปเถอะนะ?”
“ให้ผมมองข้าม?”เย่โม่เซินกัดฟันพูด หลังจากนั้นก็ทำเหมือนคำพูดที่ได้ยินเป็นเรื่องตลก “น้าครับ น้าก็ไม่ได้เป็นคนโง่ แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นคนที่ใช้ความคิดไม่เป็นหล่ะ? ผมอยากจะฟ้องร้องเธอคือเรื่องที่ผมทำโดยไม่มีหลักฐาน?”
ส้งอานชะงักทันที คำพูดของเย่โม่เซินทำให้เธอดึงสติกลับมาได้ในทันที
ใช่สิ!
ตอนนั้นคุณแม่หลินร้องไห้จนทำเธอรู้สึกรำคาญ แล้วก็หลังจากที่เธอได้รู้เรื่องนี้ก็รู้สึกว่าเย่โม่เซินหุนหันพลันแล่นเกินไป จะหักหน้าของตระกูลหลินได้ยังไงกัน? แต่ตอนนี้เธอสงบใจลง แล้วลองคิดดูอย่างรอบคอบมันก็รู้สึกตุๆเหมือนกัน
หลานชายของเธอไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้จะไม่มีเหตุผล แต่กฎหมายเป็นสิ่งที่ยุติธรรม จะทำให้คนบริสุทธิ์คนนึงขึ้นโรงขึ้นศาลได้ยังไงกัน?