เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่496 ถ้าเกิดว่าแกโทษเธอล่ะ
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่496 ถ้าเกิดว่าแกโทษเธอล่ะ
บทที่496 ถ้าเกิดว่าแกโทษเธอล่ะ
สายตาของเย่โม่เซินทำให้เธอทำตัวไม่ถูก สุดท้ายหานมู่จื่อจึงเลือกที่จะหลบสายตาแทน
ส้งอานเป็นหมอ จึงรู้โดยสัญชาตญาณว่าต้องตรวจบาดแผลของเย่โม่เซินอย่างไร หานมู่จื่อรออยู่ข้างๆครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงหายใจของส้งอาน จากนั้นเธอก็ถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำ ทำไมลูกถึงได้รับบาดเจ็บแบบนี้?”
ไม่มีใครตอบคำถามของส้งอาน เธอยังคงดูบาดแผลของเย่โม่เซินอยู่ สุดท้ายเธอทนดูแผลต่อไปไม่ได้ จึงพันแผลให้เขาใหม่ จากนั้นก็ไปนั่งเงียบๆสงบสติอารมณ์คนเดียว
หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ลง ส้งอานหันไปมองเย่โม่เซินแล้วถามขึ้นว่า
“อย่าบอกนะว่า บาดแผลพวกนี้เป็นฝีมือของหลินชิงชิง?”
หลังจากได้ยิน เย่โม่เซินก็แสยะยิ้มออกมา “หรือว่าผมจะเป็นคนทำมันเอง?”
ส้งอาน “………….”
ถึงแม้จะรู้ว่าหลินชิงชิงอาจจะทำร้ายเย่โม่เซิน แต่ส้งอานก็คิดไม่ถึงว่าบาดแผลจะเป็นแบบนี้ เธอเคยเห็นบาดแผลแบบนี้……..แต่ก็น้อยครั้งมาก ทว่าความน่ากลัวของบาดแผลนั้นทำให้ส้งอานจำได้อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นส้งอานจึงรู้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเลยว่าบาดแผลที่หลังของเย่โม่เซินได้มาได้อย่างไร
ถ้าบาดแผลพวกนี้หลินชิงชิงเป็นคนทำจริงๆ แล้วส่งเธอขึ้นศาล ก็เหมือนจะสมเหตุสมผล
ได้รับบาดเจ็บถึงเพียงนี้ แถมยังเป็นการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา
“งั้น……….”อยู่ๆส้งอานก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี เธอมาโดยการวานจากคุณแม่หลิน แต่ตอนนี้……….เธอต้องรักและเป็นห่วงหลานชายของตัวเองสิ ทว่าบาดเจ็บก็ได้รับแล้ว ตอนนี้ส้งอานแปลกใจกับอีกเรื่องหนึ่งมากกว่า
สายตาของเธอมองไปยังตัวของหานมู่จื่อด้วยความสงสัย “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเธออีก? แล้วพวกเธอไปพบกันตอนไหน?”
ในที่สุดหัวข้อบทสนทนาก็วกกลับมาหาตัวเอง? หานมู่จื่อถอนหายใจในใจ รู้สึกว่านี่คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ทว่าเย่โม่เซินยังคงทำหน้าบึ้ง งั้นเธอมาอธิบายเองดีกว่า
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“คุณน้าส้งคะ ตอนนี้คุณชายเย่เป็นลูกค้าของบริษัทฉันค่ะ”
หลังได้ยินสิ่งที่เธอพูด ส้งอานก็ตกใจจนเบิกตากว้าง เย่โม่เซินเป็นลูกค้าของบริษัทเธอ? หมายความว่ายังไง?
และเย่โม่เซินที่อยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของหานมู่จื่อก็ขมวดคิ้วเป็นปม
“ลูกค้า? หมายความว่ายังไง?”
หานมู่จื่อพูดขึ้นเบาๆว่า “ฉันเปิดบริษัทออกแบบ และคุณเย่ก็มาว่าจ้างบริษัทของเราค่ะ” เมื่อฟังถึงตรงนี้ ส้งอานก็เข้าใจในที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น
ฟังจากสิ่งที่เธอพูดแล้ว เย่โม่เซินเป็นคนเข้าไปพัวพันกับเธอเองสินะ?
คิดไปคิดมาก็จริงอย่างที่ว่า ตั้งแต่เธอเปิดประตูเข้ามาในห้องผู้ป่วยนี้ ดวงตาของหลานชายของส้งอานก็เหมือนจ้องไปยังตัวเธออยู่ตลอด และการใช้สรรพนามของเธอก็ใช้คำว่า ‘คุณ’ มันแสดงให้ชัดเจนเลยว่าไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
“ทำไมสรรพนามการเรียกเปลี่ยนไปล่ะ?”ในเวลานั้นเอง เย่โม่เซินถามออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก
หานมู่จื่อ “…………”
เธอประหม่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบคำถามของเย่โม่เซิน ทำเพียงมองไปยังส้งอาน แล้วยิ้มออกมาอย่างมีมารยาท
อาจจะเป็นเพราะรู้สึกบรรยากาศรอบห้องแปลกๆ เมื่อเย่โม่เซินเห็นว่าเธอไม่ตอบ จึงเอ่ยปากเรียกชื่อเธอ “มู่จื่อ”
หานมู่จื่อกะพริบตา จากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ที่จริงแล้ว คุณเย่ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยฉันค่ะ เพราะเช่นนั้นช่วงเวลาที่เขาพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันจะมาเฝ้าเขาตลอดค่ะ”
พอฟังถึงตรงนี้ ส้งอานได้รับข้อมูลเพิ่มเติมมากขึ้น ในหัวของเธอประมวลผลได้ในพริบตา จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าเธอเคยพบกับชิงชิงแล้ว และ…….เขาก็รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ”
ขณะที่พูด ส้งอานก็หรี่ตาแล้วมองไปยังเย่โม่เซิน “สรุปคือในช่วงนี้ ลูกกำลังเดทกับหลินชิงชิง และยังไปบริษัทของเธอ?”
เย่โม่เซินยังคงขมวดคิ้วไม่พูดอะไรออกมา เขายังคงแปลกใจและสับสนกับสรรพนามที่หานมู่จื่อเรียกเขา
“ค่ะ คุณหลิน…….ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นลูกค้าของฉันค่ะ”
ส้งอาน “…………” นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หลินชิงชิงก็เป็นลูกค้าของเธอ? ทำไมคนเหล่านี้ถึงพัวพันกันหมดแล้วล่ะ?
ในหัวของเธอสับสนไปหมด ส้งอานรู้สึกว่าถ้ายังปะติดปะต่อเรื่องต่อไปสมองของเธอต้องระเบิดแน่ๆ เธอจึงเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหานมู่จื่อ “เราออกไปคุยที่ข้างนอกกันเถอะ”
หานมู่จื่อรู้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงพยักหน้า “ค่ะ”
ใครจะไปรู้ว่าในตอนที่ทั้งสองกำลังจะออกไปด้านนอก จู่ๆเย่โม่เซินก็พูดขึ้นว่า “ห้ามไป!”
ทั้งสองคนชะงักส้งอานหันกลับไปก็พบกับเย่โม่เซินที่ลุกขึ้นมาอย่างไร้เรี่ยวแรง สายตาของเขาจ้องมองไปยังบนตัวของหานมู่จื่อ“ฉันไม่ให้เธอไป กลับมา”
ไอ้เด็กบ้านี่ ส้งอานกัดฟันอย่างเหลืออด
หานมู่จื่อไร้การตอบสนอง ผ่านไปครู่หนึ่งถึงหันกลับมาแล้วพูดขึ้นว่า “เรื่องราวทั้งหมดควรมีคนอธิบายให้ชัดเจน นายพักผ่อนเถอะ พวกเราไปคุยกันแค่ครู่เดียว เดี๋ยวก็กลับมา”
วินาทีต่อมา เย่โม่เซินก็ลงมาจากเตียง แล้วเดินเข้าไปจับข้อมือของหานมู่จื่อไว้ “ฉันบอกเธอว่าห้ามไป เธอก็ห้ามไป”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วแน่น “เย่โม่เซินนาย……..”
เมื่อได้ยินเธอเรียกชื่อของตัวเองอีกครั้ง เย่โม่เซิน ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาที่หลงใหล “จะดีกว่านี้ถ้าเธอยินดีที่จะเรียกชื่อฉันโดยไม่มีนามสกุล”
ส้งอานที่อยู่ข้างๆ “………..”
ไอ้เด็กบ้านี่ ตอนนี้เปลี่ยนอารมณ์เก่งขนาดนี้แล้วหรอ? แม้แต่น้าแท้ๆของตัวเองอยู่ข้างๆก็ไม่สนใจแล้ว?
เมื่อนึกถึงตอนนี้ ส้งอานต้องพิจารณาหานมู่จื่อใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เธอรู้ถึงความสำคัญของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อเย่โม่เซินมาโดยตลอด แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไป5ปี โม่เซินจะเปลี่ยนไปมากเพราะผู้หญิงคนนี้
“ปล่อย”หานมู่จื่อขัดขืน คิดที่จะชักมือของตัวเองออกมา
ทว่าเย่โม่เซินจับข้อมือของเธอไว้แน่น เมื่อเห็นว่าเธอขัดขืน เขาจึงเลื่อนลงไปจับมือเธอแทน มือทั้งสองประสานกันแน่น
การกระทำนี้ทำต่อหน้าส้งอาน หน้าขาวใสของหานมู่จื่อแดงขึ้นมาในทันที จากนั้นเธอก็รีบพูดขึ้นว่า “ถ้านายยังไม่ปล่อย ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาดูแลนายอีก”
คำพูดนี้มันทรงพลังมาก เย่โม่เซินที่เมื่อสักครู่ยังจับมือเธอแน่น ตอนนี้ค่อยๆคลายมือออกเพราะคำพูดของเธอ แต่เขายังคงไม่พอใจนัก “งั้นเธอก็ห้ามออกไป”
เขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ส้งอานจะปล่อยให้หลานชายของตัวเองทรมานได้อย่างไร เธอจึงพูดขึ้นว่า “โอเค พวกเธอทั้งสองคนไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น ฉันออกไปเอง โอเคไหม? ฉันจะไปทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ก่อน จากนั้นไปกินข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมาใหม่!”
พูดจบ ส้งอานก็เดินออกไปจริงๆ
หลังจากที่เธอเดินออกไป หานมู่จื่อก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ตอนนี้นายปล่อยมือได้หรือยัง?”
วิกฤตผ่านไป เย่โม่เซินถึงเต็มใจที่จะปล่อยมือเธอ แต่ตัวของเขานั้นเดินเข้าไปใกล้ตัวเธอมากขึ้น “ไม่ต้องพูดกับแกเยอะ เรื่องราวเหล่านั้นเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟัง”
“ฉันบอกตอนไหนว่าฉันจะอธิบายให้เค้าฟัง?”หานมู่จื่อเม้มปาก “เค้าเป็นน้าของนาย แล้วก็เป็นแม่สื่อให้กับนายและคุณหลิน เค้าเป็นคนที่ลำบากใจที่สุด ฉันก็เลยคิดว่าแกควรรู้เรื่องนี้ นายไม่อยากพูด งั้นก็ให้ฉันพูดสิ ในเมื่อเป็นเรื่องที่พูดไม่กี่ประโยคก็เข้าใจได้”
“แล้วถ้าเกิดว่าเค้าโทษเธอล่ะ?”เย่โม่เซินถามขึ้นมาทันที