เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่69 เธออยู่ให้ห่างจากเย่โม่เซินหน่อยได้มั้ย
- Home
- เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก…
- บทที่69 เธออยู่ให้ห่างจากเย่โม่เซินหน่อยได้มั้ย
แค่ไม่นานก็มาถึงจุดนัดพบ เซียวซู่เปิดประตูรถ พอลงรถมาก็รู้สึกถึงความผ่อนคลาย
ปาดเหงื่อไปหนึ่งที เซียวซู่หันกลับไปมองทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในรถ
สองคนนี้……อยู่ๆเซียวซู่ก็รู้สึกว่า เหมือนเป็นบุพเพสันนิวาสจริงๆ
ปกติที่ขับรถให้เย่โม่เซิน บรรยากาศรอบตัวของเย่โม่เซินก็เย็นพอแล้ว แต่พอมีเสิ่นเฉียวมานั่งในรถด้วย เขาก็นึกว่าจะมาช่วยเพิ่มสีสันให้กับภายในรถได้ แต่ใครจะรู้ว่า……อารมณ์ที่เศร้าหมองของเธอกลับยิ่งทำให้บรรยากาศที่เย็นยะเยือกของเย่โม่เซินเพิ่มขึ้นไปอีก
เหมาะสมกันจริงๆคู่นี้ คนหนึ่งหม่นหมองอีกคนหนึ่งเย็นชา
เสิ่นเฉียวกำลังเข็นวีลแชร์ของเย่โม่เซินลงมา หานเส่โยวกับเย่หลิ่นหานก็จอดรถเสร็จแล้วเดินมาหาพอดี หานเส่โยวเห็นสีหน้าของเสิ่นเฉียวไม่ค่อยสู้ดี จึงเดินไปหาเธอข้างๆด้วยความเป็นห่วง
“เฉียวเฉียว สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ ไม่สบายเหรอ?”
ได้ยินแบบนั้น เสิ่นเฉียวก็ฝืนยิ้มออกมา แล้วพูดเบาๆว่า:“ฉันสบายดี”
“ไม่เป็นไรก้ดีแล้ว เดี๋ยวฉันช่วย”
พูดจบก็ไม่รอให้เสิ่นเฉียวได้ตั้งตัว หานเส่โยวเดินไปเข็นรถวีลแชร์แทนเธอ เสิ่นเฉียวยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น มือของเธอคลายลงไปโดยอัตโนมัติ
เธอยืนมองหานเส่โยวเข็นรถวีลแชร์ของเย่โม่เซินไปต่อหน้าต่อตาแบบงงๆ ในหัวเธอตอนนี้คิดอะไรไม่ออก ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับใดๆทั้งสิ้น
แต่เซียวซู่ที่ยืนอยู่ข้างๆพอมองเห็นภาพตรงหน้า ก็งงเป็นไก่ตาแตกไปเหมือนกัน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เพื่อนของผู้ช่วยเสิ่น……รู้สึกว่าเธอจะทำตัวเกินหน้าเกินตาบ่อยนะ?ด้วยเหตุนี้เซียวซู่จึงมองไปทางเสิ่นเฉียว แล้วพูดเบาเรียกสติเธอเบาๆ:“ผู้ช่วยเสิ่น คุณจะไม่ตามไปหน่อยเหรอครับ?”
ได้ยินแบบนั้น เสิ่นเฉียวจึงได้สติ
ตามไป?ตามทำไม?ยังไงเย่โม่เซินเขาก็ไม่ชอบขี้หน้าฉันอยู่ดี เธอตามไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร?
ไม่ใช่สิ นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอควรจะตามไปเพื่อไม่ให้เส่โยวต้องได้รับความทรมานจากเย่โม่เซิน
คิดได้แบบนั้น เสิ่นเฉียวก็รีบจ้ำอ้าวเดินตามไป
เซียวซู่ยืนกอดอกอย่างไม่เข้าใจ มองเสิ่นเฉียวจากด้านหลังแวก็ส่ายหัวไป เส้นประสาทเธอจะตายด้านไปถึงไหน?ถึงขนาดยอมให้สามีของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าโดนคนอื่นแย่งไปได้ แถมยังยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนอีก
ไม่รู้จะเรียกว่าโง่หรือว่าใสซื่อ หรือจะเรียกว่าความรู้สึกช้าดี
“ผู้ช่วยเซียว ยืนทำอะไรตรงนี้?เข้าไปด้วยกันสิ”
เซียวซู่พยักหน้า เขาดึงขาที่กำลังก้าวออกไปดึงกลับมา:“ไม่ดีกว่าครับ ผมจะรอพวกคุณอยู่ตรงนี้ ผมมีเรื่องที่จะต้องไปจัดการนิดหน่อยครับ”
เขาไม่ได้โง่นะ บรรยากาศรอบๆของทั้งสี่คนแปลกไป ถ้าเขาไป มันจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่า?
ยืนสูดอากาศสดชื่นๆข้างนี้ดีกว่า!
เย่หลิ่นหานยิ้มมุมปากเล็กน้อย จ้องไปที่เขาแล้วยิ้มให้ ราวกับรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ ผ่านไปสักพักก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็หันหลังเดินเข้าไปข้างใน
อาจเป็นเพราะยังเช้า คนจึงไม่ค่อยเยอะ หานเส่โยวเป็นลูกค้าประจำของร้าน พอเข้าไปเจ้าของร้านก็รีบเข้ามาทักทายเธอ
“เส่โยว ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลย?หืม แล้วนั่นใครน่ะ?แฟนเหรอ?”
เสิ่นเฉียวที่เดินตามหลังมาติดๆพอได้ยินประโยคนี้เข้าก็ต้องหยุดเดินไปตามสัญชาตญาณ แล้วยืนมองดูพวกเขาอยู่ไม่ไกล
หลังจากหานเส่โยวถูกถามไปแบบนั้น ใบหน้ารูปไข่ที่ขาวสวยนั้นก็แดงระเรื่อขึ้นมา แล้วก็พูดหยอกล้อกับเจ้าของร้านไปว่า:“คุณป้าก็ อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิคะ เขาไม่ใช่แฟนของหนู”
คุณป้าเจ้าของร้านเองเป็นคนที่สายตาเฉียบแหลม เห็นเธอทำหน้าทำตาเขินอายแบบนั้น ก็ยิ้มมุมปากแล้วพูดแซวต่อไปว่า
“ตอนนี้ไม่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าหลังจากนี้จะไม่ใช่?”
เสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆกำหมัดแน่น
ทำแบบนี้ได้ยังไง?
เธอเดินขึ้นไปยืนอยู่ข้างๆหานเส่โยวในทันที เธอมองคนที่พูดแซวนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา และใช้น้ำเสียงตำหนิว่า:“ไม่ใช่ว่าเส่โยวบอกแล้วเหรอคะว่าไม่ใช่?คุณเป็นคนจิตใจแบบไหนกันถึงต้องเข้ามายุ่งเรื่องความสัมพันธ์ของคนอื่นแบบนี้?”
เสิ่นเฉียวโมโหขึ้นมาทันที นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึง
รวมถึงเย่โม่เซินที่นั่งอยู่ เขาไม่ปฏิเสธว่าเป็นเพราะเขาอยากจะให้เธอตาสว่าง แต่ใครจะรู้ว่าอยู่ๆเธอจะโมโหแล้วพูดจาแบบนั้นใส่เจ้าของร้าน
ป้าเจ้าของร้านถึงกับอึ้งไป เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เธอมองไปที่เสิ่นเฉียวแล้วพินิจพิจารณาอยู่สักพัก สุดท้ายมองไปที่มือของเธอที่จับรถวีลแชร์เอาไว้ แล้วก็มองไปทางหานเส่โยว แต่หานเส่โยวเองก็หน้าถอดสีไปเหมือนกัน
สถานะเป็นลูกค้า ป้าเจ้าของร้านอาหารเช้าได้สติขึ้นมาทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และเธอก็รีบยิ้มออกมา:“ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า ป้าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ แต่ป้ากับคุณหานสนิทกันมากๆ เลยคุยกันจนเพลินไปหน่อย หวังว่าคุณลูกค้าจะไม่เอาไปคิดเล็กคิดน้อยนะคะ”
หานเส่โยวที่หน้าซีดเผือดไปเมื่อครู่ตอนนี้ก็ได้สติกลับคืนมาในทันที เธอฝืนยิ้มออกมาให้กับเสิ่นเฉียวแล้วบอกกับเธอว่า:“ใช่ๆเฉียวเฉียว คุณป้าเจ้าของร้านปกติก็ชอบล้อเล่นกับฉันแบบนี้ตลอด เธอยังจำหลี่โย่หมิงได้มั้ย? ครั้งที่แล้วฉันมากินข้าวกับเขา แล้วอยู่ๆป้าแกก็ถามหลี่โย่หมิงว่าเป็นของฉันเหรอ?ฮ่าฮ่าฮ่า ทำเอาฉันขำท้องแข็งเลย……จริงๆนะเฉียวเฉียว เธออย่าไปสนใจเลย ป้าแกก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
เสิ่นเฉียวยังไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้
อย่างไรก็ตาม เธอไม่อยากให้เส่โยวและเย่โม่เซินมีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน
คำพูดของเย่โม่เซินเมื่อคืน มันทำให้เสิ่นเฉียวกังวลจนแทบจะบ้า!
ถึงเสิ่นเฉียวจะอธิบายให้ป้าเจ้าของร้านฟัง แต่ภายในใจของเสิ่นเฉียวเองก็ยังไม่มีความสุข เธอจึงไม่พูดอะไรต่อ
“ก็แค่การล้อเล่นกันก็เท่านั้น อย่าไปใส่ใจ”จังหวะนั้นเอง เย่โม่เซินก็เอ่ยปากพูดขึ้นมา
ทุกคนต่างพากันมองไปทางเย่โม่เซิน เย่โม่เซินจึงหันหน้าไปด้านข้าง แต่สายตาที่เย็นชาผิดปกตินั้น เสิ่นเฉียวก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันที เธอจับรถวีลแชร์ไว้แน่น แล้วกัดริมฝีปาก
หานเส่โยวตาเป็นประกาย!
“ใช่มั้ยใช่มั้ย แค่หยอกล้อกันเท่านั้นเองค่ะ เชิญค่ะเชิญเข้าไปข้างใน!”ป้าเจ้าของร้านรู้สึกได้ว่าไม่ควรยุ่งกับผู้ชายคนนี้ และก็ไม่กล้าพูดจาซี้ซั๊วอีก จึงได้แต่พาทุกคนไปในข้างในก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อร้านค้าของแก
ภายใต้อารมณ์ที่ไม่โอเคนั้น เสิ่นเฉียวทำได้แต่เดินตามทุกคนเข้าไปในร้าน
เย่โม่เซินถึงกับเอ่ยปากบอกเองว่าไม่เป็นไร ถ้าเธอยังจะไปต่อล้อต่อเถียงอีกล่ะก็ เธอก็จะถูกมองว่าเป็นผู้หญิงที่ไร้เหตุผลอีก
หลังจากนั่งลง ตอนสั่งอาหารเสิ่นเฉียวไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่หานเส่โยวกลับหันไปหาสองพี่น้องบริษัทบริษัทตระกูลเย่แล้วอธิบายถึงวิธีการทำและการรับประทานอาหารของที่นี่อย่างขะมักเขม้น แต่เย่โม่เซินก็ยังคงนั่งทำหน้านิ่งๆ ส่วนเย่หลิ่นหานก็ตอบกลับบ้างบางประโยคตามมารยาท
บรรยากาศแบบนี้เป็นอะไรที่น่าอึดอัด เสิ่นเฉียวจึงลุกขึ้น:“ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ”
เธอลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปเลย
หานเส่โยวที่กำลังพูดอยู่ก็หยุดไป แล้วมองไปที่เสิ่นเฉียว ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นค่อยๆจางหายไป
เหมือนเธอจะคิดอะไรออก ทันใดนั้นก็ลุกขึ้น:“เฉียวเฉียว รอฉันด้วย ฉันไปด้วยคน”
เสิ่นเฉียวที่เดินมาถึงปากประตูก็ต้องหยุดเดิน แล้วหันกลับมามองเธอ
หานเส่โยวเดินเข้ามากุมมือเธอไว้อย่างแนบชิดสนิทสนม แล้วเดินไปทางห้องน้ำด้วยกัน
“เฉียวเฉียว เธอยังโกรธฉันเรื่องเมื่อกี้อยู่อีกเหรอ?จริงๆแล้วป้าแกไม่ได้คิดอะไรเลยนะ เมื่อกี้ฉันก็อธิบายให้เธอฟังแล้วหนิ เธอเชื่อใจฉันนะ?”
สีหน้าของเสิ่นเฉียวเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ พอได้ยินประโยคนี้เข้าก็จึงหยุดเดิน จากนั้นก็เงยหน้ามองไปที่หานเส่โยวด้วยสายตาที่ดูสับสน
“เส่โยว เธออยู่ห่างจากเย่โม่เซิน……หน่อยได้มั้ย?”