เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - บทที่96 เป็นคู่ออกงานของฉัน
เสิ่นเฉียวบอกตำแหน่งเสร็จสรรพก็ออกไปรอด้านนอก
รอประมาณ20นาทีรถของหานเส่โยวก็ขับมาอยู่ตรงหน้าเธอ เธอรีบพุ่งไปเปิดประตูแล้วนั่งลงในรถทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไปบริษัทก่อนเถอะ ฉันกำลังจะสายแล้ว เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟังระหว่างทาง”
หานเส่โยวได้ยินก็รีบกลับหัวรถ
“เย่โม่เซินทำไมถึงยึดโทรศัพท์เธอ? เธอไปทำให้เขาโมโหหรือเปล่า? หรือว่าเธอทำความแตกไปแล้ว??”
เสิ่นเฉียวส่ายหน้า “ไม่น่าจะใช่ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ว่าเมื่อคืนเราทะเลาะกัน”
“ทะเลาะกัน? เกิดอะไรขึ้นบ้าง? เล่าให้ฉันฟังหน่อย”
เรื่องที่เสิ่นเฉียวทะเลาะกับเย่โม่เซิน เธอไม่ค่อยกล้าเล่าละเอียดมากนัก เธอแค่พูดเหตุผลรวมๆว่าทำไมถึงทะเลาะกันให้หานเส่โยวฟัง
“โอ้โห เขาไม่ชอบเธอขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? ชอบใช้คำพูดพวกนี้ทำร้ายเธอบ่อยๆ เขานี่มันไม่ต่างจากงูพิษเลย”
ได้ยินประโยคที่บอกว่าเขาไม่ชอบเธอ เสิ่นเฉียวก็รู้สึกใจหาย พยักหน้าอย่างน้อยใจ “ใช่นะสิ เขาน่าจะเกลียดฉันมากๆเลยล่ะ”
“ถ้าพูดจากสถานการณ์ในตอนนี้นะ เธอก็ไม่ได้ทำให้ความลับรั่ว แล้วก็ไม่ได้พูดถึงอะไรแปลกๆ ฉันว่าเขาไม่ได้รู้อะไรถึงจะถูก ยังไงซะ เรื่องนี้ก็มีแค่เราสองคนที่รู้ ใช่ไหม?”
เสิ่นเฉียวพยักหน้าอย่างแรง “ฉันบอกเธอแค่คนเดียว”
“งั้นก็โอเค จากการวิเคราะห์ของฉัน ฉันว่าเขาเอาโทรศัพท์เธอไปเพราะต้องการจะแกล้งเธอเล่นมากกว่าอีกอย่างนะ….. เขาอยากให้เธอชดใช้ ก็คงจะแกล้งหาเรื่องทรมานเธอ”
“เส่โยว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งวิเคราะห์เรื่องนี้นะ ตอนนี้โทรศัพท์อยู่ในมือเขา เขาอาจจะเจอแชทที่พวกเราเคยคุยกันก็ได้
“พระเจ้าช่วย! เรื่องสำคัญขนาดนั้น คุยเสร็จแล้วเธอไม่ได้ลบเลยหรอ?”
เสิ่นเฉียวก็คิดว่าเธอเองไม่ระมัดระวังมากพอ “แชทเก่าๆนะลบแล้ว แต่ล่าสุดที่คุยกันยังไม่ได้ลบ ฉันเองก็ไม่คิดว่าเขาจะมาเอาโทรศัพท์ฉันไป”
“แล้วตอนนี้จะทำไง โทรศัพท์ก็โดนยึดไปแล้ว เขาก็ไม่ยอมคืนให้ เธอก็ทำได้แค่ภาวนาให้เขาไม่ค้นโทรศัพท์เธอแล้วแหละ”
เสิ่นเฉียวรู้สึกปวดหัว เธอยกมือขึ้นไปนวดระหว่างคิ้ว หานเส่โยวหันไปมองเธออย่างเหลืออด เลยด่าเธอขึ้นมาประโยคนึง “ฉันกำลังจะโง่ก็เพราะเธอเนี่ยแหละ ถ้าลบประวัติการแชทไปตั้งแต่แรก ตอนนี้ก็ไม่ต้องมานั่งร้อนใจอยู่แบบนี้หรอก”
เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร
“ฉันไปส่งเธอที่บริษัทก่อน ระหว่างนี้เธอพยายามอย่าตื่นตูมล่ะ ดูสถานการณ์ให้แน่ใจก่อนค่อยลงมือ”
พูดจบ หานเส่โยวก็ยัดโทรศัพท์เครื่องนึงใส่มือเธอ “นี่โทรศัพท์ของฉัน ให้เธอเอาไปใช้ก่อน”
เสิ่นเฉียวพยักหน้า “แล้ว ของเธอล่ะ?”
“เธอโง่รึเปล่า นี่มันโทรศัพท์ที่ฉันเตรียมเอาไว้ใช้ฉุกเฉิน ฉันก็มีเครื่องที่ฉันใช้ประจำย่ะ”
“อืม”
“กำลังจะถึงแล้ว ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรมาหาฉัน เรื่องอื่นเธอก็ดูสถานการณ์แล้วค่อยๆแก้ไขไปแล้วกัน รีบๆเอาโทรศัพท์กลับมาให้ได้ล่ะ”
หลังจากที่เสิ่นเฉียวลงจากรถ เธอหันกลับไปมองหานเส่โยวอย่างกังวล หานเส่โยวโบกมือให้เธอ “รีบเข้าไปได้แล้ว”
ถึงตอนนี้เสิ่นเฉียวถึงได้ยอมก้าวเท้าเข้าบริษัทไป
เธอสูดหายใจเข้า บอกตัวเองว่าต้องใจเย็นๆ อย่าตื่นตูม
หลังจากเดินเข้าบริษัทไปแล้ว เสิ่นเฉียวก็ขึ้นตึกไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เห็นว่าภายในบริษัทยังเงียบอยู่ เธอเลยลุกไปชงกาแฟ แล้วนำเข้าไปข้างใน
ตอนที่ผลักประตูเข้าไป เธอเห็นสายตาของเย่โม่เซินกำลังจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ นิ้วกำลังเคาะอยู่บนแป้นพิมพ์ กำลังใจจดใจจ่อ
เสิ่นเฉียวกลอกลูกตาไปมา เม้มปาก สุดท้ายก็ตัดสินใจวางกาแฟเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเขา
“คุณชายเย่ กาแฟค่ะ”
เย่โม่เซินไม่ตอบอะไรเธอ เธอขยับปากไปมา อยากถามเขาเรื่องโทรศัพท์ว่าเมื่อไหร่จะคืน
สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ถามออกไป พยายามเตือนสติตัวเองเอาไว้ เริ่มใจเย็นลง
ห้ามทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเด็ดขาด
คิดถึงตรงนี้ เธอก็จัดการเก็บคำถามเอาไว้ในใจ วางแก้วกาแฟลงแล้วก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของเขาไป
เย่โม่เซินหลังจากที่ได้ยินเสียงประตูปิดลง ประหลาดใจที่เมื่อกี้เธอเข้ามาแล้วไม่ถามเรื่องโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย แถมยังเงียบราวกับว่าไม่ได้มีใครเข้ามาในห้องนี้อีก เขาเลยอดไม่ได้ที่จะหลุบตามองแก้วกาแฟบนโต๊ะ
เธอไม่ได้ขอโทรศัพท์คืนจากเขา
เย่โม่เซินหรี่ตา หยิบโทรศัพท์ของเสิ่นเฉียวออกมาจากกระเป๋ากางเกง
โทรศัพท์เครื่องนี้เก่ามากแล้ว แค่มองก็รู้ว่าใช้มาเป็นปีแล้ว ต่อให้โยนทิ้งก็ไม่เจ็บใจแต่ว่าหน้าตาร้อนรนของเธอเมื่อวานตอนที่เธอรู้ว่าหาโทรศัพท์หายไป ทำให้เขาอยากรู้ว่าภายในโทรศัพท์เครื่องนี้มีความลับอะไรกันแน่
แต่ว่าจนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้เปิดโทรศัพท์ดูเลย
เย่โม่เซินไม่สนใจหรือยากจะรู้ความลับของคนอื่น
ถ้าไม่ใช่เพราะสามีเก่าของเธอ โทรมาหาเธอแล้วล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางยึดโทรศัพท์เธอมา
ถ้าคืนโทรศัพท์ให้เธอ แล้วสามีเก่าของเธอโทรมา แล้วพวกเขาติดต่อกัน…..
คิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ไม่รีรอ รีบโทรศัพท์หาเซียวซู่
“ช่วยไปซื้อซิมโทรศัพท์ใหม่ให้หน่อย แล้วก็เอาเข็มถอดซิมมาด้วยนะ”
ฝั่งเซี่ยวซู่ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็รีบจัดการทันที
เมื่อเสิ่นเฉียวกลับถึงโต๊ะตัวเอง เธอก็พ่นลมหายใจออกมา
เสียงโทรศัพท์ดัง เสิ่นเฉียวถึงโทรศัพท์ออกมาดู เป็นหานเส่โยวที่ส่งข้อความมาถามเธอว่า ก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว
เสิ่นเฉียวเล่าเรื่องเมื่อกี้ให้เธอฟัง หานเส่โยวชมเธอแล้วบอกให้เธอรักษาสถานการณ์ตอนนี้เอาไว้ อย่างน้อยวันนี้ทั้งวันก็ห้ามไปยั่วยุเย่โม่เซินเด็ดขาด แต่ถ้ามีโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้
เสิ่นเฉียวเก็บโทรศัพท์ไว้ตามเดิม วันนี้ทั้งวันเธอดูอ่อนเพลีย
เธอมัวแต่กังวลเรื่องที่เย่โม่เซินจะรู้ความลับของเธอ แต่ว่าเวลาที่เธอต้องเจอกับเย่โม่เซินเธอก็พยายามรักษาความเงียบเอาไว้ ไม่พูดถึงเรื่องโทรศัพท์อีก
แล้วเย่โม่เซินก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องโทรศัพท์อีกเหมือนกัน เขาทำเหมือนกับว่าลืมเรื่องไปนี้ไปเสียสนิท
จนใกล้เวลาที่จะต้องเลิกงาน อยู่ๆเขาก็บอกเธอว่าไปงานเลี้ยงคืนนี้เป็นเพื่อนเขา
เสิ่นเฉียวคิ้วขมวด
“คุณชายเย่จะต้องไปร่วมงานเลี้ยงส่วนตัว ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนะคะ”
เย่โม่เซินกระตุกหัวคิ้วขึ้น “ก็แค่ไปเป็นคู่ออกงานของฉัน เลิกงานแล้วฉันจะคืนโทรศัพท์ให้”
ฟังจบ เสิ่นเฉียวอดไม่ไหวกัดปากตัวเองอีกครั้ง
ไอ้คนเลวนี่! ยังจะกล้ามาขู่ฉันอีก
เธอเงยหน้ามองเขา “แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าคุณจะไม่โกหกฉันอีก? ทั้งๆที่…..” เมื่อวานเขาก็โกหกเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง
สั่งให้เธอจูบเขา แล้วเขาก็จะคืนโทรศัพท์ให้
ทั้งๆที่เธอจูบกับเขาไปตั้งสองครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ยอมคืนมันให้เธอเสียที
นี่มันจะเกินไปแล้ว!
“ไม่อยากได้?” เย่โม่เซินหัวเราะ “ระหว่างทางที่จะไปงานเลี้ยงต้องผ่าน ทะเลสาบซิ่งสุย ตอนที่ผ่านจุดนั้น ฉันจะโยนโทรศัพท์เธอลงไป”
พอพูดเสร็จเขาก็ไถรถเข็นออกไปต่อหน้าต่อตาเธอ
เสิ่นเฉียวตาโต เธอยืนนิ่งอยู่สิบวินาทีเต็มๆถึงจะได้สติ รีบเดินตามเขาไป “ฉันไปกับคุณก็ได้!”
เย่โม่เซินจินตานการถึงภาพที่อีกคนโมโหจนแทบจะระเบิดกับสีหน้าหมดความอดทนแล้วอดไม่ไหวที่จะยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
เซียวซู่ส่งกล่องใบหนึ่งให้เสิ่นเฉียว
“ผู้ช่วยเสิ่น นี่คือชุดที่จะต้องใส่ออกงานครับ”
หลังจากที่ได้รับชุดมาแล้วเสิ่นเฉียวก็ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ เธอเดินออกมาอยู่ต่อหน้าเย่โม่เซินอย่างไม่เต็มใจนัก
ดวงตามืดมิดของเย่โม่เซินเป็นประกาย เขาหรี่ตามองเสิ่นเฉียวที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ชุดถูกออกแบบมาให้พอดีกับช่วงเอว ทำให้ตอนนี้เอวของเธอดูคอดสวยยิ่งกว่าเก่า พอช่วงเอวพอดีก็ทำให้เห็นส่วนที่นูนออกมาของเธอชัดขึ้นด้วย ใส่แล้วทำให้เห็นรูปร่างของเธอชัดเจน เย่โม่เซินรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีของดี เพียงแต่เวลาปกติมักจะโดนสไตล์การแต่งตัวของเธอบดบังไปก็เท่านั้น
แต่หลังจากที่ได้สัมผัส เขาก็รู้ว่า จริงๆแล้วมันไม่ได้แบนเรียบอย่างที่เห็น