เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 106 แผนร้ายของแต่ละฝ่าย (1)
“พี่หวง ท่านว่านางหมายความว่าอะไร?” สือหย่าฉีเผยท่าทีมึนงง กล่าวถามกับหวงเซียวเซียงที่หลังออกจากเรือนมีคู่มาก็มีสีหน้าเขียวคล้ำ กระนั้นตัวนางเองก็เตรียมแผนอื่นไว้ในใจแล้วเช่นกัน
“หมายความว่าอะไร? จะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ!” หวงเซียวเซียงกล่าวอย่างเรียบเย็น “ดูท่าแล้ว ที่ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนพูดมาจะเป็นความจริง นางนั้นเป็นคนไม่ยอมใครง่ายๆ เดิมทีข้าคิดจะผูกสัมพันธ์ที่ดีต่อนางก่อน หลังจากเข้าตระกูลมา แล้วก็จะเข้ากันเป็นอย่างดีได้ ทั้งไม่ต้องให้พี่เจวี๋ยมาลำบากใจในเรื่องระหว่างพวกเรา แต่ดูยามนี้…เหอะ ในเมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์
มองข้ามความหวังดีเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำดีต่อนาง รอให้นางเป็นฝ่ายเอ่ยปากยอมรับให้เข้าตระกูลอีกแล้วล่ะ
ล่าเหมย พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางเช้าเสียหน่อย กลับไปเชิญท่านพ่อให้มาพูดคุยเรื่องกำหนดงานแต่งของข้ากับพี่เจวี๋ย ข้าจะรอดูสิว่าพอถึงเวลานั้นนางยังจะสามารถมองข้ามหัวคนเหมือนดั่งตอนนี้ได้หรือไม่!”
“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ล่าเหมยยิ้มรับคำสั่ง คล้อยหลังก็กล่าวด้วยยิ้มเริงร่า “คุณหนูควรจะทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว ดีที่ทางยุทธภพนายท่านก็มีฐานะตำแหน่งอยู่บ้าง คุณชายซั่งกวนต้องรับท่านเข้ามาเป็นภรรยารอง มิเช่นนั้น หากเข้าตระกูลไป อาศัยจากนิสัยของสะใภ้ใหญ่ ยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก เพียงแต่คุณหนูอู๋ผู้นั้นก็น่าสงสาร หญิงสาวที่บอบบางไร้กำลัง ตกอยู่ในกำมือสะใภ้ใหญ่ผู้นั้น ชีวิตคงต้องระทมทุกข์!”
“พี่หวง ท่านคงไม่ได้ออกไปเองกระมัง!” สือหย่าฉีถามอย่างกังวล ที่หวงเซียวเซียงพูดมาจะจริงหรือไม่จริงนั้นนางไม่กังวล แต่สิ่งที่กังวลคือหากหวงเซียวเซียงไปแล้ว เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็อาจจะหาเหตุผลมาขับไล่ตัวเองและอวี้เมิ่งเหยาไปได้…เมื่อมาด้วยกัน พอหวงเซียวเซียงจากไป นางและอวี้เมิ่งเหยาก็ไม่มีเหตุผลให้พำนักต่อที่ตระกูลซั่งกวนอีกแล้ว
“ข้ารึ?” หวงเซียวเซียงกลอกตา กล่าวอย่างเค้นเสียง “ข้าย่อมไม่คิดจะกลับเยว่ลู่ เส้นทางไปกลับต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือน ระหว่างทางก็ยังลำบากไม่น้อย แต่ข้าก็ไม่อยากจะรั้งตัวอยู่ขัดหูขัดตาที่ตระกูลซั่งกวน ข้าคิดจะย้ายออกจากตระกูลซั่งกวนก่อน พี่เจวี๋ยย่อมจัดการให้ข้าไปพำนักเรือนด้านนอกชั่วคราว แม้ว่าอาจจะไม่ได้พบหน้าพี่เจวี๋ยสักพักใหญ่ แต่ก็คงจะสบายกว่าการที่จะต้องเห็นหน้าหญิงสาวผู้นั้น!”
“พี่หวง ท่านไม่กังวลหรือว่ายามที่ท่านไม่อยู่ หญิงผู้นั้นจะเป่าหูให้พี่เจวี๋ยเปลี่ยนใจ ไม่รับท่านเข้ามาในตระกูล?”
สือหย่าฉีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านลองคิดดู แม้กระทั่งอนุภรรยานางล้วนไม่ยอมง่ายๆ หากให้นางรู้ว่าพี่เจวี๋ยตกปากรับท่านเข้ามาเป็นภรรยารองแล้ว นางจะยังนั่งดูอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นได้เช่นนี้รึ?”
“เรื่องนี้ข้าไม่กังวล!” หวงเซียวเซียงกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่น “พี่เจวี๋ยแต่ไหนแต่ไรก็พูดคำไหนคำนั้น ย่อมไม่อาจกลับคำเพราะเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่แล้ว แม้ว่านางจะโวยวายขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่าง พี่เจวี๋ยเคยพูดว่าเรื่องนี้จะเก็บเป็นความลับชั่วคราว ไม่ให้นางรู้ แม้ว่านางจะรู้มาจากคนอื่น แต่พี่เจวี๋ยก็ย่อมไม่ยอมรับ รอจนพูดคุยเรื่องงานแต่งทั้งหมดเสร็จแล้ว นางจะก่อเรื่องอะไรก็ไม่มีประโยชน์! ดังนั้น น้องหย่าฉีไม่จำเป็นต้องกังวลแทนข้า!”
“พี่หวงยังคงเข้าใจพี่เจวี๋ยอย่างแท้จริง!” สือหย่าฉีร้อนใจ กล่าวอย่างฝืนยิ้มอยู่บ้าง “แม้ว่าพี่เจวี๋ยจะตอบรับแล้ว ขอเพียงแค่หญิงสาวผู้นั้นโวยวายขึ้นมา ฮูหยินซั่งกวนก็ย่อมออกหน้า หากมีผู้อาวุโสออกปากปฏิเสธงานแต่งครั้งนี้ เกรงว่าพี่หวงคงทำได้เพียงคว้าน้ำเหลวแล้ว! อุ๊ย จริงสิ ยังมีฮูหยินใหญ่อีก นางคาดหวังให้หญิงสาวดื้อรั้นของตระกูลทั่วป๋าคนนั้นแต่งเข้าตระกูล หากได้รู้เข้า เกรงว่านางก็คงจะคัดค้านเช่นกัน!”
“เจ้าคิดจะทำอะไร?” หวงเซียวเซียงมองนางอย่างดุดัน “ข้ามองพวกเจ้าเป็นพี่น้อง จึงได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับพวกเจ้า ทั้งเพื่อให้พวกเจ้าได้ครุ่นคิดถึงหนทางของตนเองให้เร็วหน่อย แต่ไม่ใช่ให้พวกเจ้ามาใช้เป็นจุดอ่อนทำร้ายข้า!”
“ข้าย่อมไม่อาจทำร้ายพี่หวง!” สือหย่าฉีกล่าวยิ้มๆ “แต่ว่า ตัวน้องก็ไม่อาจคิดเผื่อตัวเองเช่นกัน หากพี่หวงย้ายออกไป ข้ายังจะสามารถอยู่ที่นี่ได้อีกอย่างไรกัน? หากพี่หวงยอมทนรับความไม่เป็นธรรมเสียหน่อย รออยู่ที่ตระกูลซั่งกวนจนพี่เจวี๋ย ยอมรับพวกเราเข้าตระกูล ข้าย่อมไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้แก่ผู้ใด แต่ว่า หากข้าต้องติดพันไปด้วย จำต้องออกจากที่นี่ล่ะก็ ข้าก็คงไม่อาจจัดการกับปากตัวเองได้เช่นกัน…”
“เจ้า…เอาเถิด! ข้าพักอยู่ที่ตระกูลซั่งกวนไม่ไปไหนก็ได้ แต่ข้าย่อมไม่อาจเอาตัวไปยุ่งอะไรกับพวกเจ้าเด็ดขาด ทั้งจะไม่ไปข้องเกี่ยวอะไรกับผู้หญิงคนนั้นด้วย หากว่าพวกเจ้าทั้งสองรบกวนความเงียบสงบของข้า ข้าจะย้ายออกไปทันที ให้พวกเจ้าให้สองอยู่ที่นี่ต่ออีกไม่ได้เช่นกัน!” หวงเซียวเซียงกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ล่าเหมย ปี้ลั่ว พวกเราไปกัน!”
“คุณหนู ข้ารู้สึกว่าคำพูดของคุณหนูหวงมีปัญหา!” หลังจากชุนเยี่ยนเห็นหวงเซียวเซียงเดินไปไกลแล้ว ก็กล่าวกับสือ
หย่าฉีที่เผยใบหน้าจมดิ่งกับความคิด “คุณหนูหวงไม่ใช่คนที่จะปรารถนาดีอะไรต่อผู้อื่น หากคุณชายซั่งกวนรับปากจะรับนางเป็นภรรยารองจริงๆ นางคงออกจากเรือนหิมะสุขใจไปตั้งนานแล้วแน่ๆ ใช้เรื่องนี้มาบีบพวกท่าน ให้พวกท่านไม่มีเหตุผลที่จะรั้งตัวอยู่ที่นี่ต่อ!”
“ข้ารู้!” สือหย่าฉีกล่าวอย่างเยือนเย็น “หวงเซียวเซียงไม่ได้มีคุณสมบัติดีพอที่จะให้พี่เจวี๋ยตอบรับนางเข้าเป็นภรรยารอง หวงเซิ่งเป็นจอมยุทธ์ใหญ่ในยุทธภพ แม้ทางยุทธภพจะมีตำแหน่งอยู่บ้าง แต่ก็แทบเทียบไม่ได้อะไรกับตระกูลซั่งกวน แม้ว่าจะเปรียบเทียบกับพวกเราสำนักดรุณีหยก ก็ไม่ใช่ว่าจะสูงไปกว่ากันเท่าไร แต่นางเป็นลูกสาวคนเดียวของหวงเซิ่ง ส่วนข้าเป็นเพียงหนึ่งในศิษย์ของอาจารย์ที่มีลูกศิษย์นับสิบคน คำพูดของนางเชื่อไม่ได้ แต่ว่ามีจุดหนึ่ง…หากนางยอมลดตัวแต่งเป็นอนุภรรยาล่ะก็ พี่เจวี๋ยย่อมไม่อาจปฏิเสธ ฐานะของนางล้วนดีกว่าข้าและอวี้เมิ่งเหยาเป็นไหนๆ”
“เช่นนั้นความหมายของคุณหนูคือ…” ชุนเยี่ยนรู้ดีว่าคุณหนูของตนไม่ได้ดูง่ายดายเหมือนภายนอกขนาดนั้น หากง่ายดายล่ะก็ คงไม่มีโอกาสได้รู้จักมักคุ้นกับคุณชายใหญ่ซั่งกวนหรอก เดิมก็อาจจะถูกเจ้าสำนักให้แต่งออกไปตั้งนานแล้ว
“หวงเซิ่งและพี่เจวี๋ยย่อมเคยพบกันมาแล้วแน่ ทั้งก็คงพูดคุยหยั่งเชิงกันมาบ้างแล้ว แต่พี่เจวี๋ยย่อมไม่อาจตกปากรับนางมาเป็นภรรยารองอย่างแน่นอน แต่อาจจะตกลงพิจารณาของเรื่องทั้งสองคน เช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้คือ นางนำไปก่อนก้าวหนึ่ง ได้รับประโยชน์มากที่สุด จะแต่งให้พี่เจวี๋ยในฐานะภรรยารอง แต่พี่เจวี๋ยไม่ยินยอมที่จะรับนางในฐานะอนุภรรยา ทว่าก็ไม่ได้คัดค้านนางเข้าตระกูล” สือหย่าฉียิ้มอย่างเยือกเย็น “ดังนั้น นางอยากจะเห็นข้าและอวี้เมิ่งเหยาสู้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ส่วนนางก็จะนั่งรอชุบมือเปิบ ให้พี่เจวี๋ยได้เห็นถึงด้านที่เหลือทนของผู้หญิงคนนั้นยามที่ห้ำหั่นกับพวกเรา เปลี่ยนความคิดและตัดสินใจจะรับภรรยารองเข้ามา ถ่วงดุลภรรยาเอกเอาไว้ เพียงแต่เหตุใดนางไม่คิดบ้างว่ายังมีทั่วป๋าฉินซินซ่อนอยู่ในที่ลับอีกคน!”
“ในเมื่อคุณหนูทราบเช่นนี้ ไฉนยังต้องยอมตกหลุมพรางด้วยเจ้าคะ?” แม้ว่าชุนเยี่ยนจะเป็นสาวใช้ที่โดดเด่น (ตามความคิดของสือหย่าฉี) แต่กลับไม่ฉลาดพอ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดสือหย่าฉีรู้ทั้งรู้ว่าหวงเซียวเซียงหลอกใช้ตัวเองก็ยังปล่อยตัวเองให้ถูกบีบบังคับ
“ข้าไม่มีทางให้ถอย!” สือหย่าฉีกล่าวอย่างขมขื่น “หากข้าไม่สามารถคว้าจับโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ได้ อาจารย์ย่อมผิดหวังในตัวข้ามากไปอีก ชุนเยี่ยน เจ้ายังจำศิษย์พี่รองได้หรือไม่?”
ชุนเยี่ยนสั่นสะท้านขึ้นมา กล่าวเสียงแผ่ว “คุณหนู เจ้าสำนักให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับท่านอยู่เรื่อยมา ไม่อาจทำเช่นนั้นกับท่านแน่!”
“ไม่ เจ้าผิดแล้ว!” สือหย่าฉีกล่าวอย่างเรียบเย็น “ศิษย์พี่รองรูปโฉมงดงามกว่าข้า หลักแหลมกว่าข้า ทั้งฝีมือวรยุทธ์ยังสูงกว่าข้า เวลานั้นท่านอาจารย์โปรดปรานนางเป็นอย่างมาก! แทบที่จะมีคำร้องขออะไรก็ล้วนรับปาก แต่นางไม่ควรฝันลมๆ แล้งๆ คิดไปว่าอาจารย์จะยอมให้นางสมหวังกับชายผู้ที่เพิ่งจะปรากฏตัวในยุทธภพ สมปรารถนากับความรักอะไรนั่น ท่านอาจารย์เลี้ยงดูพวกเรามาจนเติบใหญ่เพื่ออะไร ก็เพื่อที่หลังจากเติบโตแต่งงานออกไปแล้ว พวกเราจะสามารถสร้างประโยชน์ให้นางและสำนักดรุณีหยกได้ ดังนั้น ศิษย์พี่รองจึงถูกทำลายวรยุทธ์ กลายเป็นนางโลมแห่งฉินไหว ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจพลิกกายกลับมาได้ ข้าไม่อยากจะมีจุบจบเช่นนั้น ดังนั้น ไม่ว่าจะถูกคนหลอกใช้อย่างไร ข้าล้วนทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้า ไม่อาจถอยกลับได้!”
“เช่นนั้น คุณหนูวางแผนที่จะทำอย่างไรเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนไม่ได้เกลี้ยกล่อมสือหย่าฉีให้ขบคิดอีกครั้ง นางกระจ่างใจดี หากสือหย่าฉีมีจุดจบเหมือนดั่งศิษย์พี่รองผู้นั้น ตัวเองก็ย่อมหนีไม่พ้นเช่นกัน ตอนแรกสาวใช้ข้างกายของศิษย์พี่รองผู้นั้นถูกขายกลายเป็นคนต่ำต้อยไร้ค่าที่สุดในซ่อง สถานที่เช่นนั้นถึงแม้จะสามารถรอดชีวิตอยู่มาได้ แต่ก็ย่อมมีสภาพเป็นคนที่ไม่ต่างจากผี นางไม่อยากให้ตัวเองมีสภาพอย่างนั้นเช่นกัน
“ข้าน่ะหรือ!” สือหย่าฉีเผยยิ้มอย่างเยือกเย็น “ข้าเพียงแค่คิดจะกวนน้ำให้ขุ่น พอถึงเวลานั้น ข้าก็แค่ชุบมือเปิบเท่านั้น!”
“กวนอย่างไรเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนไม่รู้ว่านางคิดจะทำอะไร
“คนพวกนั้นอยากได้ตำแหน่งว่าง ก็ย่อมต้องมีคนออกมากวนน้ำอยู่แล้ว!” ในแววตาสือหย่าฉีปรากฏไอสังหารวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ความหมายของท่านคือ…” หลังจากชุนเยี่ยนคิดออกก็สั่นสะท้านไปทั่วร่าง กล่าวอย่างกังวล “คุณหนู ที่นี่คือตระกูลซั่งกวน หากถูกรู้เข้า ผลลัพธ์ที่จะตามมาย่อมเลวร้ายจนแทบที่ไม่กล้าคิดนะเจ้าคะ!”
“ก็เพราะที่นี่คือตระกูลซั่งกวน ไม่มีใครคาดถึงหรอกว่าข้าจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ที่ตระกูลซั่งกวน!” สือหย่าฉีกล่าวอย่างเยียบเย็น “อีกอย่าง หากเรื่องนี้สำเร็จ ข้าก็ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดเสียหน่อย ย่อมไม่อาจมีคนสงสัยข้าได้!”
“เช่นนั้นคุณหนูจะลงมือเมื่อใดเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนในยามนี้ทำได้เพียงต้องยอมรับการตัดสินใจเช่นนี้ของสือหย่าฉี
“หลังจากคุ้นเคยกับสถานการณ์ของเรือนมีคู่แล้วก็ค่อยเริ่มลงมือ!” สือหย่าฉีเป็นคนที่โหดเหี้ยมผู้หนึ่ง ไม่ได้เห็นความสำคัญของชีวิตคนอยู่แล้ว “แต่ว่า ก่อนที่จะเกิดเรื่องนั้นข้าต้องการให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์และคนของตระกูลซั่งกวนได้รู้เรื่องหนึ่งเสียก่อน!”
“เรื่องอะไรเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนไม่เข้าใจว่าสือหย่าฉีอยากให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้เรื่องอะไร
“ให้พวกนางรู้ว่า แม้ข้าจะชอบพี่เจวี๋ย แต่ก็รู้ว่าฐานะของตนเองไม่สูงพอ ขอแค่เพียงแต่งเป็นอนุภรรยาก็เพียงพอแล้ว!” สือหย่าฉียิ้มบาง “หากนางสามารถทำให้ข้าสมปรารถนา เช่นนั้นข้าย่อมละทิ้งความคิดที่จะฆ่าคน แต่หากไม่เป็นอย่างนั้น วันตายของนางก็คงมาถึงในเร็ววันแน่!”
“คุณหนู ไม่อย่างนั้นพวกเราวางยาก่อน หากไม่อาจทำให้นางตายได้ ค่อยลงมือก็ไม่สายนะเจ้าคะ!” ชุนเยี่ยนยังคงกังวลอยู่บ้างว่าเรื่องจะผิดพลาดรั่วไหลออกมา
“โง่เง่าสิ้นดี!” สือหย่าฉีด่าออกไปอย่างแรง “เจ้าคิดว่าวางยาเป็นเรื่องง่ายอย่างนั้นรึ? คนของตระกูลซั่งกวนจะเปิดโอกาสอย่างนั้นให้พวกเรา? ถึงแม้จะสำเร็จ ก็ยังต้องพะว้าพะวงว่าจะถูกสืบเสาะความจริงออกมา! ยังมิสู้ลงมือด้วยตนเอง สังหารนางไปอย่างตรงๆ!”
“ไม่เจ้าค่ะ คุณหนู! ความหมายของข้าคือท่านวางยาพิษนางด้วยตัวเอง อย่างเช่นพิษสลายวิญญาณที่มีชื่อเสียงของเซียงซี นั่นเป็นยาพิษที่เพียงแค่ดมก็ตายได้ทันทีนะเจ้าคะ!” ชุนเยี่ยนไม่ได้โง่เหมือนดั่งที่สือหย่าฉีคิดถึงเพียงนั้น
“ข้าเข้าใจแล้ว!” สือหย่าฉีผงกศีรษะ “ยามนี้ยังมีของอยู่ที่ข้าอยู่บ้าง กลับไปดูว่าหากมีของที่เกี่ยวข้องกับสำนักดรุณีหยกก็ให้ทำลายทิ้ง ของอื่นๆ หากมีจำนวนมากก็ทำลายทิ้งเช่นกัน ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะสาวตัวมาถึงข้าได้!”
“คุณหนู ข้าคิดว่าพวกเรายังสามารถเหลือไว้ได้ หากพวกเราไม่มีอะไรเหลือติดตัวก็อาจจะกลายเป็นที่สงสัยได้ แต่ต้องระวังคุณหนูอวี้และคุณหนูหวง พวกนางล้วนเป็นคนที่รับมือได้ยาก โดยเฉพาะคุณหนูหวง เกรงว่านางจะรอเวลาที่คุณหนูอดใจไม่ไหว แล้วฉวยโอกาสชิงผลประโยชน์ไป!” คนที่ชุนเยี่ยนกังวลมากที่สุดก็คือหวงเซียวเซียง อย่างไรอวี้เมิ่งเหยาก็มีเพียงตัวคนเดียว แม้ว่าคิดจะทำอะไรก็ล้วนหัวเดียวกระเทียมลีบไม่มีคนคอยช่วย แต่หวงเซียวเซียงไม่เพียงแต่มีฝีมือสูงกว่าทั้งสองคน ข้างกายของนางยังมีสาวใช้อีกสองคนที่เรียนวรยุทธ์ร่วมกับนางมาตั้งแต่ยังเด็กด้วย
“ข้าเข้าใจแล้ว!” สือหย่าฉีพยักหน้า “พรุ่งนี้เช้าตรู่เจ้าก็ไปหาสาวใช้ของตระกูลซั่งกวนให้บอกผู้หญิงคนนั้นว่า พรุ่งนี้ตอนบ่ายข้าจะเข้าไปหานางเพียงลำพัง”
“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ชุนเยี่ยนรับคำสั่ง จากนั้นก็กล่าวอย่างกังวล “คุณหนูหวงคงจะไม่เคลื่อนไหวชั่วคราว แต่ข้ากังวลว่าคุณหนูอวี้ หากนางไม่อาจพึ่งพิงต้นไม้ใหญ่อย่างคุณชายซั่งกวนได้ ภายหลังคิดจะหาที่พักพิงก็นับเป็นเรื่องยาก หากนางฉวยโอกาสก้าวนำไปก่อน ผูกมิตรกับผู้หญิงคนนั้น ก็อาจจะกระทบกับแผนการใหญ่ของท่านนะเจ้าคะ!”
“อวี้เมิ่งเหยา? หึ ผู้หญิงที่ทำท่าทีอย่างกับนางโลมในซ่องทั้งตีหน้าตายนั้น หากนางไม่ถึงยามเข้าตาจนก็ไม่วางมาดนั้นลงหรอก พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลนาง!” สือหย่าฉีเข้าใจอวี้เมิ่งเหยาดี…หญิงสาวสามคนที่ตั้งแต่ปีที่แล้วก็ตามซั่งกวนเจวี๋ยมาลี่โจวทั้งเอาแต่ต่อสู้กันทั้งที่แจ้งและที่ลับมาโดยตลอดนั้น ต่างฝ่ายต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันดี
“เช่นนั้นคุณหนูอวี้ที่ออกไปก่อนอย่างโมโห ยามนี้จะไปอยู่ที่ใดกันเจ้าคะ?” ชุนเยี่ยนกล่าวอย่างครุ่นคิด “หากคุณหนูหวงพบนางเข้า แล้วยั่วยุให้นางจัดการกับผู้หญิงคนนั้นล่ะก็…”
“อาจเป็นไปได้! พวกเราไล่ตามหวงเซียวเซียงไปก่อน อย่าปล่อยให้หญิงคนนั้นพูดจายั่วยุอวี้เมิ่งเหยาได้!” สือหย่าฉีก็กังวลเช่นกัน ทั้งสองคนรีบไล่ตามไปทางที่หวงเซียวเซียงจากไปทันที…
ไม่ไกลจากด้านหลังต้นไม้นั้นได้ปรากฏร่างหญิงสาวที่สวมชุดสีขาวพิสุทธิ์ทั้งตัว กลับเป็นอวี้เมิ่งเหยาที่ล่วงหน้าจากมาก่อน นางเค้นเสียงหึอย่างเยือกเย็น ครุ่นคิดในใจ ก็ดี ให้หงหลัวซาลงมือก่อน หากนางสามารถสังหารหญิงสาวที่น่าชิงชังผู้นั้นได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องดี และถึงแม้จะทำพลาด ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับตนเช่นกัน แต่ว่า ควรจะทำอย่างไรดี? ดูท่าแล้วต้องเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือจากพี่หญิงตระกูลเฉินเสียแล้ว นางสามารถทำให้คุณชายใหญ่ตระกูลมู่หรงดีกับนางได้ถึงเพียงนั้น ก็ย่อมสามารถชี้แนะให้แก่ตัวนางได้ ทำให้พี่เจวี๋ยดีต่อนางเช่นกัน!
——————–