เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 131 พูดคุยเรื่องงานชมดอกบัวอีกครั้ง
“ได้ยินว่าที่ทะเลสาบลี่หูในวันนี้พวกเจ้าพบเจอกับปัญหาไม่น้อยเลย” ซั่งกวนฮ่าวเผยยิ้มมองสองสามีภรรยาซั่งกวนเจวี๋ย เวลานี้ได้ทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย คนทั้งหมดจึงมานั่งรับลมเย็นในสวนดอกไม้ สิ่งที่เรียกว่าได้ยินนั้น ย่อมไม่พ้นเป็นการที่ได้ฟังมาจากซั่งกวนจิ่นที่ส่งผู้ดูแลติดตามไปเสียมากกว่า
“ใช่แล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ยผงกศีรษะ กล่าวยิ้มๆ “ข้าคาดไม่ถึงมาโดยตลอดว่าทางทะเลสาบลี่หูนั้นจะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อีกมากมายถึงขนาดนั้น ยังเป็นมี่เอ๋อร์ที่ละเอียดรอบคอบ มีความคิดหลากหลาย ทั้งยังความรู้กว้างไกล!”
เป็นเวลาเกือบทั้งวันที่ทั้งสองคนเดินสำรวจบริเวณรอบเกาะน้ำแร่เย็นและเกาะสะท้อนเงาจันทร์ เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองในมุมมองของผู้หญิง นางเลือกสรรอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่สิ่งก่อสร้างบนเกาะไปจนถึงพืชพรรณดอกไม้ที่ปลูก ทั้งตั้งแต่ศาลาริมน้ำที่ทอดยาวจนถึงกระทั่งเครื่องครัวเครื่องใช้ที่ใช้ในการรับแขก รายละเอียดส่วนมากล้วนปรับเปลี่ยนเกือบทั้งสิ้น ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรกว่าความละเอียดละออของผู้หญิงนั้นมีมากมายไม่เหมือนดั่งพวกเขาจริงๆ
“ดูท่าแล้วยังคงเป็นมี่เอ๋อร์ที่ทำได้ยอดเยี่ยม” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวทั้งยิ้มๆ สำหรับเรื่องนี้ นางนั้นชอบฟังชอบดูเสียมากกว่า…แม้ว่าในนามนางจะเป็นผู้รับผิดชอบงานชมดอกบัวของทุกปี แต่ใครก็ล้วนรู้ว่า เรื่องหลักๆ ล้วนเป็นซั่งกวนจิ่นและอนุภรรยาอู๋ที่เป็นคนทำ เยี่ยนมี่เอ๋อร์เพียงไปเดินสำรวจดู ก็หาจุดบกพร่องออกมาได้มากมาย นี่แสดงให้เห็นว่าอนุภรรยาอู๋ทำงานไม่รอบคอบเป็นอย่างมาก
“เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นข้าที่ไม่รอบคอบ คาดไม่ถึงว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง” แม้ว่าซั่งกวนจิ่นจะเป็นคนที่ถูกจับผิดเช่นกัน กระนั้นเขาก็ไม่รู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย สถานที่หลักๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย มีเพียงเพิ่ม ‘การประลองสุรา’ และ ‘การประลองชา’ ขึ้นมาเท่านั้น สิ่งที่นางพิถีพิถันล้วนเป็นปัญหายิบย่อยเล็กๆ และเขาที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง หากทุกรายละเอียดล้วนทำออกมาได้อย่างงดงามไร้ที่ติ เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าขันแล้ว
“ลุงจิ่นไม่รอบคอบที่ไหนกัน” เยี่ยนมี่เอ๋อร์คลี่ยิ้ม “เดิมทีสิ่งพวกนี้ก็ล้วนเป็นรายละเอียดปลีกย่อย หากลุงจิ่นที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้แต่ปัญหาพวกนี้ก็แก้ไขได้อย่างหมดจดจริงๆ นั่นจึงจะแปลกมากกว่า”
“นั่นน่ะสิ!” ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่านางได้เสนอปัญหาอะไรออกมาเพื่อปรับเปลี่ยนบ้าง ก็กล่าวยิ้มๆ “หากน้องจิ่นพบเจอปัญหาเหล่านั้นได้ พวกเราคงจะแปลกใจในนิสัยของเขามากกว่า แต่ว่า น้องจิ่น เจ้าว่าปัญหาที่มี่เอ๋อร์เสนอออกมานั้น สามารถแก้ไขในระยะเวลาสั้นๆ ได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา” คนรับใช้ข้างกายของซั่งกวนเจวี๋ยและเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้เตรียมปรับเปลี่ยนตามความต้องการทั้งหมดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์แล้ว ทั้งยังให้ซั่งกวนจิ่นดูคร่าวๆ แล้วเช่นกัน เขาย่อมมีความคิดในใจอยู่แล้ว “เพียงแต่ยังคงต้องขอยืมตัวสาวใช้ที่เชี่ยวชาญเรื่องชาคนนั้นของสะใภ้ใหญ่ เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้จะให้นางช่วยฝึกสอนสาวใช้กลุ่มหนึ่ง นอกจากนี้ข้าได้ส่งคนเชิญตัวผู้ที่มีความช่ำชองด้านนี้มาจำนวนหนึ่ง เชื่อว่างานชมดอกบัวในปีนี้ย่อมทำให้ผู้คนเปิดหูเปิดตาได้แน่!”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว!” ซั่งกวนฮ่าวผงกศีรษะ “ทะเลสาบโม่โฉวและสระบัวทางนั้นยังมีอะไรต้องปรับเปลี่ยนหรือไม่ มี่เอ๋อร์จะปรับเปลี่ยนพวกมันทั้งหมดในครั้งเดียวเลยก็ได้ ปีนี้งานชมดอกบัวจะได้โดดเด่นขึ้นมา”
“ข้าคิดว่าทางด้านทะเลสาบโม่โฉวและสระบัวนั้นทำเพียงแค่ต้อนรับให้เหมือนกับทะเลสาบลี่หู สนใจรายละเอียดปลีกย่อยให้มากหน่อยก็เพียงพอแล้ว ไม่ควรที่จะปรับเปลี่ยนมากเกินไป หากปรับเปลี่ยนอะไรที่พอจะใช้ได้ในคราเดียว เช่นนั้นงานชมดอกบัวในปีหน้าก็คงจะเทียบไม่ติดแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ “ดังนั้นข้าคิดว่า ข้าวควรจะค่อยๆ ทานทีละคำ เรื่องก็ควรค่อยๆ ทำไปทีละเรื่อง การเปลี่ยนแปลงก็ควรเปลี่ยนทีละครั้งในหนึ่งปี ปีหน้าก็เปลี่ยนไปเน้นที่ทะเลสาบโม่โฉวแทน ให้คนได้มาสัมผัสความรู้สึกใหม่ๆ งานชมดอกบัวจึงจะได้พัฒนาดียิ่งขึ้นไปในทุกปี!”
นางกระจ่างใจดี งานชมดอกบัวสำหรับตระกูลซั่งกวนแล้วก็เป็นเพียงเรื่องของหน้าตาเท่านั้น หากเทียบงานชมดอกบัวกับงานชมบุปผาอื่นๆ คนของตระกูลซั่งกวนก็จะมีความโดดเด่นขึ้นมา ดังนั้นนางจึงไม่คิดที่จะใช้แผนที่วางไว้ในคราวเดียวกันทั้งหมด แม้ว่าการทำเช่นนั้นอาจจะทำให้งานชมดอกบัวในปีนี้เผยความโดดเด่นออกมาอย่างถึงที่สุดก็ตาม แต่หลังจากนั้นเล่า? สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่ความโดดเด่นที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา แต่เป็นแม่น้ำสายเล็กที่ไหลรินไปได้อย่างไม่แห้งเหือดต่างหาก
“หรือสะใภ้ใหญ่ไม่กังวลว่าความคิดพวกนี้ของท่านจะถูกคนอื่นนำไปใช้ก่อนบ้างหรือ?” อนุภรรยาอู๋กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในยามที่ซั่งกวนฮ่าวรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เสนอความคิดพวกนี้ ก็พูดออกมาหนึ่งประโยคซึ่งทำให้นางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า ‘ความคิดของคนแต่ละคนล้วนไม่อาจเทียบกันได้ เห็นน่งอวิ๋นที่เหมือนจะคิดรอบคอบในทุกด้าน แต่สุดท้ายก็เพราะชาติกำเนิดที่แตกต่าง จึงไม่มีหูตาดั่งเช่นเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ไม่อาจทำเรื่องใหญ่สำเร็จได้’
เพียงแค่ประโยคเดียว ความพยายามที่ผ่านมาทั้งหมดเกือบครึ่งชีวิตของนางก็ได้หลั่งไหลออกไปดั่งสายน้ำ นางยังคงเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่จัดการดูแลเรื่องเล็กๆ เท่านั้น ไม่อาจยกขึ้นมาเชิดหน้าชูตาได้ตลอดกาล
เยี่ยนมี่เอ๋อร์ชำเลืองมองไปที่อนุภรรยาเล็กน้อย ก่อนจะมองอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างกายนาง เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มหวานขึ้น “อนุภรรยาไม่รู้หรือว่างานชมดอกบัวมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร? มีความคิดมากมายที่จะนำมาใช้ในงานชมดอกบัว แต่งานอื่นๆ กลับไม่อาจใช้ได้ หรือถึงแม้ว่าพวกเราจะใช้ แล้วคนอื่นจะใช้ต่อ ก็เป็นเพียงการเลียนแบบที่ไม่อาจเทียบขั้นได้เท่านั้น”
“จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหัวเราะร่า “มี่เอ๋อร์นี่นะ เจ้าก็อย่าได้อ้อมค้อมทำให้คนมึนงงเลย น่งอวิ๋นมีชาติกำเนิดเป็นเพียงสาวใช้ข้างกายข้าเท่านั้น นางจะรู้เรื่องที่ลึกล้ำขนาดนั้นได้อย่างไร อธิบายให้นางฟังไปเลยเสียดีกว่า!”
ซั่งกวนฮ่าวยิ้มขมขื่นส่ายศีรษะอย่างจนใจ หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเองก็คล้ายว่าจะรู้ไม่ถึงจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครเช่นกัน นางมักจะพูดว่างานชมดอกบัวนั้นยากที่จะคิดปรับเปลี่ยนอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากการล่องเรือ ก็ไม่มีจุดเด่นอื่นอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าตัวนางเองนั้นอยากรู้ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนอื่นไป กระนั้นกลับไม่รู้ว่าเมื่อใดที่นางเริ่มใช้ฐานะของน่งอวิ๋นมาทำให้ตัวนางลำบากใจกัน? นางไม่ใช่ว่าเกลียดที่ยกเรื่องชาติกำเนิดของน่งอวิ๋นมาพูดอย่างที่สุดหรอกหรือ?
อนุภรรยาอู๋ใบหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อ กระนั้นกลับไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ ในใจยิ่งชิงชังเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะนาง หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะเอาชาติกำเนิดของตนมาเล่นอยู่อย่างนี้หรือ?
เยี่ยนมี่เอ๋อร์เผยยิ้มอย่างงดงาม “ดอกเหมยยืนหยัดอย่างภาคภูมิ ดอกกล้วยไม้งามสง่า ดอกท้อสดสวยแพรวพราว ดอกสาลี่บริสุทธิ์อ่อนหวาน ดอกโบตั๋นงามล้ำเหนือใต้หล้า ดอกฉัตรทองนิ่มนวลอรชร ดอกกุ้ยฮวากลิ่นหอมชวนพิศ ดอกเบญจมาศเบ่งบานสดใส ดอกฝูหลงโดดเด่นชื่นตา ดอกสุ่ยซานเปล่งประกายพิศุทธ์ ดอกฉาฮวาเพริศพรายเจิดจรัส ดอกแต่ละพันธุ์คล้ายกับว่ามีจุดเด่นแตกต่างกันออกไป แต่เมื่อพินิจให้ละเอียด กลับไม่ใช่ว่าอย่างนั้นเสมอไป โบตั๋น พุดตาน ดอกฉาฮวา ล้วนเด่นเรื่องความงามสดใส ดอกที่เป็นช่อขนาดใหญ่อย่างกล้วยไม้ กุ้ยฮวา ดอกเหมยต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องกลิ่นหอมที่น่าหลงใหล ดอกท้อ สาลี่ เบญจมาศล้วนมีหลากสีสัน ฉัตรทองอ่อนช้อยงามล้ำกว่าดอกสุ่ยซาน ทว่ากลับพ่ายแพ้ในความพิศุทธ์ของดอกสุ่ยซานไป และสิ่งที่สำคัญก็คือการชมดอกไม้ตามฤดูกาล ดอกทุกประเภทล้วนมีฤดูกาลที่เหมาะสมกับมัน แต่ดอกบัวนั้นไม่เหมือนกัน ดอกบัวกำเนิดจากโคลนตมกลับไม่แปดเปื้อน รูปร่างขาวบริสุทธิ์ สีสันสดสวย ดอกมีขนาดใหญ่ ไม่มีดอกก็ชื่นชมใบบัวสีเขียวสดแทนได้ ยามเบ่งบานส่งกลิ่นเย้ายวน ยามดอกไม้ร่วงโรยก็เกิดเป็นฝักบัว ใบแห้งเฉายังคงมีรากบัวหอม ยามเช้าดอกเบ่งบานโผล่หาแสงอาทิตย์ ยามพิรุณพรำก็ชมเม็ดหยกที่ตกระยิบระยับบนใบบัว ฟังเสียงฝนโปรยปราย ตั้งแต่กำเนิดจนถึงเหี่ยวเฉาล้วนมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป หากนี่ไม่ใช่จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครแล้วจะเป็นอะไรได้อีก? อีกอย่าง ดอกบัวยังมีจุดเด่นในการลอยอยู่บน ‘น้ำ’ ล่องเรือชมดอกบัวนั้นก็เพราะชมทัศนียภาพ พายเรือเก็บดอกบัวยังไม่เคยมีไม่ใช่หรือ? ปีหน้าปลูกดอกบัวที่ทะเลสาบโม่โฉวให้เร็วหน่อย แบ่งเป็นการเก็บดอกบัวที่ใกล้จะบาน ใกล้จะเหี่ยว หรือใกล้จะเป็นฝักบัวแล้ว เพิ่มกิจกรรมเก็บดอกบัวเข้าไปอีกหนึ่งอย่าง คาดว่าคงพอจะสามารถดึงดูดความสนใจได้แน่!”
“ความคิดนี้ไม่เลวเลย!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหลุดปากกล่าวชมออกไป “จำได้ว่าตอนที่ข้ามาเยือนลี่โจวเดือนเจ็ดครั้งแรกในปีนั้นก็ได้พายเรือเก็บดอกบัวและฝักบัวด้วยกันกับนายท่านที่ทะเลสาบโม่โฉว ช่างสนุกสนานเสียยิ่งกว่ากระไร! ไฉนข้าจึงนึกถึงความคิดนี้ไม่ออกมาโดยตลอดกันนะ?”
เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองใบหน้าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่รำลึกความหลังทั้งยังเสียดาย ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ในสายตาของท่านแม่ นั่นก็เป็นเรื่องในอดีตที่หวานชื่น ในความเห็นของท่านพ่อ นั่นก็เป็นเพียงเรื่องที่เห็นจนชินตา ไม่รู้สึกว่ามีอะไรน่าสนใจ มี่เอ๋อร์โตที่อู๋โจว อู๋โจวนั้นไม่มีทะเลสาบ ยิ่งไม่คุ้นตาการปลูกหรือเก็บดอกบัวแต่อย่างใด ย่อมรู้สึกว่าแปลกใหม่เป็นธรรมดา ใช้ความคิดของตนเองชั่งน้ำหนักกับความคิดของคนอื่น ตัวเองคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจอย่างนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่น คาดว่าก็คงไม่ต่างกัน”
“ยามนี้สะใภ้ใหญ่ก็พูดความคิดออกมาอีกแล้ว ไม่กลัวว่าคนอื่นจะลอกเลียนแบบ จนทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ตื่นตาตื่นใจหรอกหรือ?” อนุภรรยาอู๋ประกายแววตาเหน็บแนมออกมา หากข่าวนี้รั่วหลุดออกไป ยังจะเป็นผลดีอะไรอีกหรือไม่? นางรอคอยยิ่งนัก!
“ลอกเลียนแบบ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แย้มยิ้มมองนาง เผยแววตาเรียบนิ่งและเยือกเย็น “ที่นี่ไม่มีคนอื่นเสียหน่อย หากเรื่องนี้หลุดรั่วออกไป แค่ค้นหาความจริงจากไม่กี่คนที่นี่ก็เพียงพอแล้ว!”
อนุภรรยานิ่งงัน สั่นสะท้านในใจ รู้ว่าประโยคนี้ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์จงใจพูดให้ตนเองฟัง นับวันในใจก็ยิ่งไม่สบอารมณ์มากขึ้น
“แต่ว่า ข้าก็ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะหลุดรั่วออกไปหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เกี่ยวกับความเป็นความตายเสียหน่อย พูดออกไปก็ไม่นับเป็นเรื่องร้ายแรงอันใด” เยี่ยนมี่เอ๋อรเปลี่ยนเรื่องพูด ในใจนั้นได้มีแผนแล้ว “ในยามนี้ข้ายังมีความคิดอื่นอีก หลังจากงานชมดอกบัวจบลง ก็ให้แจกเทียบเชิญแนะนำงานชมดอกบัวในปีหน้ากับแขกที่มา เขียนเรื่องที่จะเตรียมปลูกดอกบัวเร็วขึ้น และกิจกรรมเก็บดอกบัวที่จะเพิ่มขึ้นมาลงไป ให้พวกเขาได้มีความประทับใจ นึกถึงงานชมดอกบัวที่จะจัดขึ้นที่ลี่โจวปีหน้า ท่านพ่อท่านแม่มีความเห็นว่าอย่างไร?”
“มี่เอ๋อรร์หัวไวจริงๆ นี่ก็เป็นความคิดที่ดี!” ซั่งกวนฮ่าวกล่าวชม “สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก[1]หากเรื่องนี้ถูกบอกกล่าวให้รับรู้ก่อน ย่อมทำให้แขกที่จะมาหรือไม่มา พากันมาออหน้าประตูเป็นจำนวนมากแน่ เรื่องนี้ลงความเห็นตามนี้ก่อนก็แล้วกัน ส่วนหลักๆ มี่เอ๋อร์จัดการเองก็เพียงพอแล้ว!”
“เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตอบกลับทั้งรอยยิ้ม อนุภรรยาอู๋หลุบตาต่ำ กลัวว่าตัวเองจะอดไม่ไหว เผยอาการชิงชังออกมาให้คนเห็น ส่วนอู๋เลี่ยนเยี่ยนนั่งฟังอยู่เงียบๆ ไม่ได้เปิดเผยอารมณ์ใดออกมา
“มี่เอ๋อร์จะไม่ไปดูทะเลสาบโม่โฉวและสระบัวหรอกหรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยกลับผิดหวังอยู่บ้าง “ข้าล้วนสะสางงานต่างๆ ไม่กี่วันนี้ไปหมดแล้ว สามารถไปเป็นเพื่อนเที่ยวชมกับมี่เอ๋อร์ได้พอดี มี่เอ๋อร์อยู่เรือนสดับวายุมาช่วงหนึ่งแล้ว คงจะคุ้นเคยกับสระบัวไม่น้อย แต่ทะเลสาบโม่โฉวนั้นไม่เหมือนกัน มี่เอ๋อร์ไม่มีความคิดที่จะไปดูสักหน่อยเลยหรือ?”
“ฮ่าๆ!” ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะเสียงดังขึ้นมา นี่ยังใช่ลูกชายที่ไม่เต็มใจ ถูกบังคับให้แต่งกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อยู่หรือเปล่า? ไฉนจู่ๆ ก็หวานเลี่ยนขึ้นมาเช่นนี้กัน?
“ข้าว่าอย่างไรก็ไปดูเสียหน่อยเถิด!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อชอบที่ทั้งสองคนได้ใช้เวลาใกล้ชิดกันทั้งเช้าทั้งเย็น เผยยิ้มออกมา “ทะเลสาบโม่โฉวมีทัศนียภาพที่งดงามตระการตา แตกต่างจากทะเลสาบลี่หูที่ดูมีชีวิตชีวาอย่างสิ้นเชิง มี่เอ๋อร์ไม่อาจเอาแต่ขลุกตัวอยู่ในตระกูล ออกไปข้างนอกบ้างก็นับเป็นเรื่องดี แต่ว่า เจวี๋ยเอ๋อร์มีภาระมากมาย อย่างไรข้าไปเป็นเพื่อนมี่เอ๋อร์จะดีกว่า!”
ซั่งกวนเจวี๋ยกลอกตามองหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างไม่พอใจ รู้ว่านางจงใจแกล้งตนเอง จึงแสร้งกระแอมไอหนึ่งครั้ง “เรื่องของมี่เอ๋อร์ อย่าได้ลำบากท่านแม่เลย หากท่านรู้สึกว่าอยู่บ้านแล้วอุดอู้ ก็ควรชวนท่านพ่อออกไปเที่ยว ลูกจำได้ว่าท่านพ่อไม่ได้ออกไปเที่ยวเป็นเพื่อนท่านแม่มาหลายปีแล้ว”
หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเดิมทีจงใจที่จะแกล้งเย้าแหย่ลูกชายและลูกสะใภ้ ผลปรากฏว่าพอซั่งกวนเจวี๋ยพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็นึกขึ้นมาได้ สี่ห้าปีมานี้ นอกจากไปร่วมพิธีรำลึกถึงน้องฉิงที่อู๋โจวแล้ว ตัวเองก็แทบไม่ได้ออกจากตระกูลเลย? กระทั่งแม้แต่ครั้งนั้น ซั่งกวนฮ่าวก็ไม่ได้ไปเป็นเพื่อนตน คิดไปคิดมาก็หงุดหงิดใจอยู่บ้าง มองไปทางซั่งกวนฮ่าวอย่างไม่พอใจทันที
เหตุใดตนจึงกลายเป็นแพะรับบาปแทนเล่า? ซั่งกวนฮ่าวคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะถูกลูกชายโยนความผิดมาให้ แต่ว่า มองเห็นแววตาคาดโทษของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เขาก็หัวเราะออกมา “นี่ไม่ใช่เรื่องยาก รองานชมดอกบัวเสร็จสิ้น ข้าก็จะพาแม่ของเจ้าไปเที่ยวเซิ่งจิง นอกจากได้ผ่อนคลายจิตใจ ก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปีด้วย ทั้งสามารถไปดูเด็กสามคนนั้นว่าอยู่เซิ่งจิงเป็นอย่างไรบ้าง เยวี่ยเอ้อ เจ้าคิดว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร?”
“ดีสิ!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเผยรอยยิ้มออกมาทันที “ข้าก็ไม่ได้ไปเซิ่งจิงมาหลายปีแล้ว! ใช่แล้ว ชิ่นเซียนก็ไปด้วยกันสิ! เจ้าก็ไม่ได้กลับไปเซิ่งจิงหลายปีแล้วเช่นกัน ถือโอกาสนี้กลับไปสักครั้ง ไปพบหน้าน้องคนนั้นของเจ้า กราบไว้พ่อแม่สักหน่อยก็ดี อวี่ฮ่าวก็ไปด้วยกัน”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน” อนุภรรยาหวังเผยความซาบซึ้งยินดีทั้งใบหน้า ไม่ได้กราบไหว้พ่อแม่มาหลายปีแล้ว กล่าวว่าไม่สนใจนั้นเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีน้องชายที่เป็นขุนนางอยู่ไกลจากเซิ่งจิงออกไป แม้ว่าตระกูลซั่งกวนจะให้การดูแลมากมาย แต่หลายปีไม่ได้พบหน้าก็ยังคงคิดถึงอยู่ดี
“ยังคงเป็นลูกที่เอาใจใส่สินะ” ซั่งกวนเจวี๋ยเผยยิ้มมองใบหน้าที่อิ่มเอมใจของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ
“ยังพอได้” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อชำเลืองตามองลูกชาย “แต่ว่า…ยามที่มี่เอ๋อร์ไปทะเลสาบโม่โฉว ข้ายังคงจะไปด้วย”
ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะออกมาเสียงดัง มองดูลูกชายที่หงุดหงิดใจ ภรรยาที่ยากจะแกล้งอย่างเอาจริงเอาจัง เยี่ยนมี่เอ๋อร์และอนุภรรยาหวังที่ยิ้มอย่างชื่นมื่น ซั่งกวนอวี่ฮ่าวและซั่งกวนจิ่นที่คอยมองดูละครที่น่าสนุกอย่างเงียบๆ ความอบอุ่นแผ่วบางและความสุขสมระหว่างพวกเขา…และแน่นอนว่าย่อมมองเห็นแววตาชิงชังที่ทิ่มแทงออกมาจากอนุภรรยาอู๋และอู๋เลี่ยนเยี่ยนที่เผยใบหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์เช่นกัน…
———————————
[1] สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก หมายความว่า สุราดีย่อมมีกลิ่นหอม แม้จะอยู่ในตรอกลึก คนก็ย่อมเสาะแสวงหาที่จะลิ้มรส สื่อความว่า ของดีแม้จะยากลำบากเพียงใดก็ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้คนอยู่ดี