เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 152 จากไปทีละคน
เยี่ยนมี่เอ๋อร์กับซั่งกวนเจวี๋ยอยู่ที่ประตูจวนแล้วมองหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่ยามนี้ยังลังเลไม่ตัดสินใจพลางถอนหายใจ ซั่งกวนฮ่าวมองนางด้วยสีหน้าจนใจ ในขณะที่คณะเดินทางอีกสามคน ทั้งอนุภรรยาหวัง อวี่ฮ่าวและมู่หรงชิงหวั่นทนไม่ไหวจึงหลบหลีกไปแล้ว
ถูกต้อง มีอีกคนหนึ่งนั่นคือมู่หรงชิงหวั่นซึ่งไม่คาดคิดว่าจะไปเซิ่งจิงด้วย
สองวันก่อนที่สนทนากัน หลังจากมู่หรงปั๋วเย่คิดหน้าคิดหลังถึงเรื่องนี้ก็ยังคงทำตามคำแนะนำของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ พูดทำความเข้าใจขนานใหญ่กับชิงหวั่นว่ายินดีจะแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมด แล้วปล่อยให้ชิงหวั่นโบยบินได้อย่างอิสระ ชิงหวั่นประหลาดใจมาก นางไม่นึกว่ามู่หรงปั๋วเย่จะรู้เรื่องนี้แล้วจริงๆ แต่อวี่ฮ่าวกลับจะแบกรับไว้เสียเอง ไม่ให้นางรำคาญใจด้วยเหตุนี้ สิ่งที่น่าแปลกใจกว่านั้นคือพี่ชายคนโตมีการเปลี่ยนแปลงที่ต่างออกไปเช่นนี้ ไม่ได้พูดพร่ำจ้ำจี้จ้ำไชถึงความรับผิดชอบและภาระหน้าที่เลย
นางนิ่งเงียบทั้งวัน เพิ่งออกมาจากห้องในยามโพล้เพล้ แล้วพูดกับมู่หรงปั๋วเย่อย่างจริงจังและใจเย็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของนางเอง…นางเต็มใจเลือกที่จะละทิ้งชื่อมู่หรงชิงหวั่นรวมทั้งความรุ่งโรจน์ของลูกสาวคนโตของตระกูลมู่หรง และละทิ้งทุกอย่างที่ชื่อนี้ต้องแบกรับด้วย แต่สิ่งที่นางเลือกไม่ใช่อิสรภาพที่ใฝ่ฝันแสวงหา แต่เลือกจะอยู่เคียงข้างกับอวี่ฮ่าว นางจะไปทุกที่ที่เขาไป เว้นแต่เขาจะไม่ต้องการตัวเองเท่านั้น
มู่หรงปั๋วเย่มึนงงไปหมด ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะตัดสินใจอย่างเฉียบขาดในครั้งนี้ แต่ผลกลับกลายเป็นเช่นนี้ เขามองชิงหวั่นอย่างตกตะลึง ฝืนยิ้มแล้วก็ยิ้มอย่างขมขื่น สุดท้ายก็เอ่ยถามว่า “เจ้าไม่ต้องการชีวิตอิสระหรือ? อยากถูกจำกัดด้วยกฎของตระกูลอีกใช่ไหม? เพราะเหตุใดกัน ในที่สุดตอนนี้ข้าก็คิดออก ถึงได้ตัดสินใจ อยากจะทำให้เจ้าสมหวังดังปรารถนา แต่เจ้ากลับไม่ต้องการ?”
“พี่ชายใหญ่ อิสรภาพที่ข้าต้องการคือไม่อยากเป็นเพียงเบี้ยจากครอบครัวเพียงฝ่ายเดียว อยากให้คำนึงถึงความรู้สึกของข้า และไม่ใช่ให้ข้าแต่งกับคนที่ไม่ชอบหรือแม้กระทั่งเกลียดเพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล และบุคคลนั้นอาจขึ้นเป็นฮ่องเต้ แม้อวี่ฮ่าวจะอายุน้อยกว่า แต่ข้าสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเขาที่มีต่อข้า ข้าไม่อยากทำให้เขาผิดหวัง” ชิงหวั่นตัดสินใจหลังจากที่ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ต่อสู้ดิ้นรนขบคิดอย่างหนัก จนสุดท้ายก็ตัดสินใจ
“เจ้า…เฮ้อ…” มู่หรงปั๋วเย่พูดไม่ออก หัวใจของผู้หญิง เข็มที่ก้นทะเล งมไม่ได้จริงๆ เลย!
“สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่ข้าใฝ่หาอย่างหนัก ไม่มีอะไรมากไปกว่าบ้านที่เป็นอิสระและมีความสุขก็เท่านั้นเอง ข้าเชื่อว่าอวี่ฮ่าวคือบ้านของข้า ส่วนเขาก็มีหัวใจและความสามารถที่จะทำให้ข้ามีความสุข! ข้าไม่อยากทำเรื่องโง่ๆ ไม่อยากละทิ้งความสุขที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม และไล่ตามสิ่งที่ไม่รู้จักอันเลื่อนลอยนั้น ข้าไม่อยากเสียใจไปตลอดชีวิต!” หากความสัมพันธ์ก่อนหน้ายังคงมัวหมอง หลังจากผ่านการพิจารณาเช่นนี้ เมื่อบังคับให้นางต้องเลือก ในที่สุดนางก็เผชิญหน้ากับความรู้สึกของตัวเอง ยอมรับว่านางตกหลุมรักบุรุษหนุ่มผู้นั้นจริงๆ
มู่หรงปั๋วเย่อยากจะร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหล ตอนนี้เขาควรทำอย่างไร? ถ้ายามนี้เขาใช้ไม้แข็งกับคู่รักนี้ ไม่เพียงชิงหวั่นจะเกลียดตัวเขาเอง อวี่ฮ่าวก็พานจะเกลียดตัวเองด้วยเช่นกัน หากเขาทั้งคู่มีปัญหากัน เขาก็ไม่รู้ว่าจะสารภาพกับคนในสองตระกูลอย่างไร
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดคุยกับซั่งกวนเจวี๋ยอีก นับประสาอะไรจะขอให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ออกความคิดนี้อีก หลังจากที่พูดจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่อาจทำให้ชิงหวั่นเปลี่ยนใจได้ เขาก็เปิดโปงเรื่องนี้กับซั่งกวนฮ่าวโดยตรง แล้วเขาก็ระดมความคิดไปถาม ‘น้องสาวของข้าถูกเด็กหนุ่มในตระกูลซั่งกวนของพวกเจ้าทำให้สับสน ตอนนี้ข้าหมดหนทาง ในเมื่อท่านเป็นผู้อาวุโสอาบน้ำร้อนมาก่อน มีความรู้มากมาย คิดว่าจะทำประการใดดี!’
ซั่งกวนฮ่าวรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน แต่ก็พูดอย่างสบายใจมาคำหนึ่งว่า ‘นี่เป็นเรื่องมงคล ได้เกี่ยวดองกับตระกูลมู่หรง พวกเด็กๆ ก็ชอบพอกัน เรื่องนี้ก็พูดง่ายมาก! ส่วนจะจัดการอย่างไร ต้องจัดการอย่างไรใช่ไหม? ไหนๆ พวกเราก็จะไปเซิ่งจิง ไปพบอาจารย์เฉาและเยี่ยมพวกหลิงหลงทั้งสามสาว ชิงหวั่นก็เป็นศิษย์ของอาจารย์เฉาด้วย ให้นางตามพวกเราไปก็ได้ เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าพี่ฉวีกุยมีปัญหาอะไรก็ให้เขามาหาข้าได้!’
เดิมทีมู่หรงปั๋วเย่ต้องการให้ซั่งกวนฮ่าวเป็นคน ‘ใช้ไม้แข็ง’ แต่คนผู้นั้นยิ่งกระตือรือร้นจะเป็นกามเทพ ทว่าผู้อาวุโสพูดไปแล้ว ผู้น้อยอย่างเขาควรเชื่อฟังด้วยความเคารพสินะ! แน่นอนว่าหัวใจไม่ท้อแท้และไม่ได้ตื่นตระหนก แต่ก็ยังคงถามไปคำหนึ่งโดยไม่รู้ตัวเหมือนถูกผีอำ ‘ชิงหวั่นแก่กว่าอวี่ฮ่าวสี่ปี จะไม่ดีกระมัง!’
ซั่งกวนฮ่าวเบิกตากว้าง แก่กว่าสี่ปีแล้วอย่างไร? ตอนนี้คนหนึ่งยี่สิบ อีกคนหนึ่งสิบหกย่อมมีคนซุบซิบนินทาอยู่แล้ว แต่พวกเขาจะต้องรอถึงปีหน้าแล้วแต่งงานกันได้อย่างไรสินะ เมื่อถึงในเวลานั้นจะแอบอ้างเพิ่มอายุอีกหนึ่งปี บอกว่าอวี่ฮ่าวสิบแปด คนหนึ่งยี่สิบเอ็ด อีกคนหนึ่งสิบแปดก็ไม่มีอะไรผิด ภรรยาแก่กว่าหน่อยหนึ่งก็ไม่มีอะไรผิดเช่นกัน!
ดังนั้น มู่หรงปั๋วเย่จึงรู้สึกตะขิดตะขวง แต่ก็กลับมาอย่างสบายใจ ครั้นได้พบซั่งกวนเจวี๋ยบนท้องถนน ก็เล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ ตบบ่าซั่งกวนเจวี๋ยที่มีท่าทีเหลือเชื่อ แล้วไปเป็นวิหคประกาศข่าวมงคลให้น้องสาว หลังจากที่ซั่งกวนเจวี๋ยยืนอย่างโง่งม อยู่พักใหญ่ ก็ไปหาซั่งกวนฮ่าวเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น กลับถูกซั่งกวนฮ่าวด่าทอครู่หนึ่งและไล่ตะเพิดออกมา
แน่นอนว่าซั่งกวนฮ่าวพูดมีเหตุผลเข้าท่ามาก อวี่ฮ่าวเป็นลูกนอกสมรส ชิงหวั่นเป็นบุตรสาวคนโต ทั้งเป็นหญิงงามและมากความสามารถที่หาได้ยากยิ่ง ย่อมเป็นเรื่องดีที่ทั้งสองจะสมัครรักใคร่กัน ไม่ต้องคิดจะใช้ไม้แข็งกับคู่รักนี้เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ดังนั้น ซั่งกวนเจวี๋ยจึงหน้าม่อยคอตกกลับเรือนมีคู่ด้วยความงุนงง แล้วเล่าเรื่องดังกล่าว เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทั้งประหลาดใจและตกใจระคนดีใจ หากเป็นดังที่ซั่งกวนฮ่าวกล่าว นี่เป็นเรื่องมงคล ก่อนหน้านี้กังวลว่าอวี่ฮ่าวจะถูกมองว่าเป็นที่พึ่งฟางเส้นสุดท้ายของชิงหวั่น หรือพอใช้เสร็จก็จะทิ้งไป ยามนี้ไม่ได้วิตกเรื่องนี้แล้ว จึงอยากจะอวยพรพวกเขา
จากนั้น ซั่งกวนเจวี๋ยก็ได้เปิดหูเปิดตามองเห็นด้านที่ฉลาดพูดของผู้หญิง ภรรยาตัวน้อยผู้มีปฏิภาณไหวพริบของเขาก็ไม่มีข้อยกเว้น
ต่อจากนั้น ชิงหวั่นได้รับการเห็นชอบจากซั่งกวนฮ่าวอย่างราบรื่น ทั้งยังมีโอกาสไปเซิ่งจิงด้วยกัน ก่อนที่นางจะส่งเสียงไชโยและเฉลิมฉลอง อวี่ฮ่าวรีบเข้ามาด้วยใบหน้าแปลกใจและปลื้มปิติ ดูเหมือนทั้งสองคนจะกอดกันไปตลอดชีวิตร่วมกันหลังฝ่ามรสุมมาได้
แน่นอนว่าเรื่องนี้จำกัดเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องและทั้งสี่คนที่รู้ ส่วนทั่วป๋าฉินซินยังอยู่ในตระกูลซั่งกวน ถ้านางล่วงรู้เรื่องนี้เข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะพลิกผันไปอย่างไร!
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาซั่งกวนฮ่าวได้ตัดสินใจเรื่องที่ไม่คาดคิด นั่นคือปล่อยตัวอนุภรรยาอู๋ที่ถูกกักบริเวณออกมา เปลี่ยนไปขังยังสถานที่อื่น…คือวัดประจำตระกูลซั่งกวนในเขาอวี้ฉิง ให้นางบำเพ็ญตนฝึกฝนจิตใจสองเดือน เมื่อหลิงหลงแต่งงานแล้วค่อยออกมา
ยกเว้นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อแล้ว ทุกคนต่างประหลาดใจ…นี่เป็นผลของการพูดกรอกหูข้างหมอนของฝ่ายภรรยา นางพูดมีเหตุผลน่าฟังในครั้งนี้ แม้เรื่องที่เรือนโม่โฉวจะเป็นความผิดของคนตระกูลอู๋ แต่มี่เอ๋อร์เป็นคนจับได้และจัดการกับมือ เมื่อพวกเขาจะไปเซิ่งจิง เจวี๋ยเอ๋อร์ต้องตระเวนสังเกตการณ์ทรัพย์สินที่ดิน ถ้าฮูหยินใหญ่ถือโอกาสกลั่นแกล้ง อนุภรรยาอู๋ลอบคิดทำร้ายลับหลังอีกล่ะก็ มี่เอ๋อร์จะลำบากแค่ไหน! ดังนั้นซั่งกวนฮ่าวจึงขบคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วตัดสินใจทำเช่นนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มี่เอ๋อร์โดนศัตรูขนาบทั้งหน้าหลัง แน่นอนว่าไม่ได้มีความหมายจะเคาะภูเขาเขย่าพยัคฆ์ส่งสัญญาณให้โจมตี
“มี่เอ๋อร์ เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะ” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่รู้พูดแบบนี้กี่ครั้ง พลางกล่าวอย่างเป็นห่วงว่า “ถ้าฮูหยินใหญ่กลั่นแกล้งเจ้าล่ะก็ เจ้าต้องให้คนแจ้งน้องจิ่นกับอิงเอ๋อร์ อย่าดึงดันเข้าปะทะด้วยตัวเองเด็ดขาดเชียว!”
“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ฝืนยิ้ม ในใจนอกจากความสุขอันเปี่ยมล้นแล้วก็ยังรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จึงมองซั่งกวนฮ่าวและซั่งกวนเจวี๋ยที่ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ต่างมองตากันด้วยหัวอกเดียวกัน
“ท่านแม่…” อวี่ฮ่าวถูกชิงหวั่นเอ็ดด้วยสายตา ชิงหวั่นกลับชมชอบและชื่นชมเยี่ยนมี่เอ๋อร์มากยิ่งขึ้น ต่อให้จะรู้ว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์วิพากษ์วิจารณ์ตัวเองแล้วก็ตาม (เพื่อให้ชิงหวั่นล้มเลิกความคิดที่จะอยู่กับอวี่ฮ่าว มู่หรงปั๋วเย่มีน้ำใจจึงไม่ขายเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้อับอาย ต้องการให้นางรู้ว่าอวี่ฮ่าวมีพี่สะใภ้คนโตที่มีอำนาจขนาดนี้ซึ่งรู้สึกไม่ดีกับนาง ถ้าแต่งงานกับอวี่ฮ่าวได้สำเร็จจริง วันเวลาที่ยากลำบากจะตามมาภายหลัง) นางไม่เพียงไม่ได้แค้นเคืองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ กลับกัน นางคิดว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เก่งมาก เดาจิตใจของตัวเองได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้ต้องถูกเอาใจแน่นอน (ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาดีมีประโยชน์ ไม่ต้องพูดถึงนางก็รู้ดี แม้แต่คนที่ร้ายกาจก็ยังชอบการปกป้องเข้าข้าง ถ้าตนกลายเป็นเป้าหมายที่นางถือหางจะดีมากเพียงใด) อวี่ฮ่าวจึงเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“ผู้ใหญ่พูดคุยกัน พวกเด็กๆ หลบไปก่อน” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจ้องอวี่ฮ่าวเขม็งปราดหนึ่ง รำคาญที่เขามาเกะกะสายตา
“ท่านแม่น่ะ ถ้าฮูหยินใหญ่รู้ว่าท่านพูดพิรี้พิไรอยู่ที่นี่ตั้งนานสองนานก็จะไม่วางใจคำพูดของนาง นางน่าจะโกรธอีกครั้ง ท่านรู้อยู่เต็มอกว่าจิตใจของนางคับแคบแค่ไหน!” อวี่ฮ่าวกระซิบใส่ร้ายทั่วป๋าซู่เยวี่ย ซั่งกวนฮ่าวจ้องมองเขาอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง ต่อให้จะจิตใจคับแคบก็ไม่ใช่ว่าเขาจะพูดได้ ช่างไม่มีสัมมาคารวะ!
“ข้าเกือบลืมไปเลย!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อนึกขึ้นได้ มองไปรอบๆ ทันที โชคดีที่ไม่มีคนของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอยู่ด้วย เสียงของตัวเองไม่ดังเกินไป ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับจะไม่ได้ยิน
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ไปจริงๆ สิ” คำพูดของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยฟังแล้วปวดฟัน นางพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว? อย่างไรก็ตามคราวนี้ยังพอรับได้ เมื่อนางพูดเช่นนี้ อวี่ฮ่าวก็ทำตัวเลียแข้งเลียขานาง แล้วพูดกลั้วหัวเราะว่า “ท่านแม่ ข้าจะช่วยประคองท่านขึ้นรถม้า!”
ดังนั้น หวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่ไม่เต็มใจจึงถูก ‘บีบบังคับ’ ให้จากไป ทั้งสามคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซั่งกวนฮ่าวส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นสั่งกำชับว่า “ก่อนที่เจวี๋ยเอ๋อร์จะออกไปจะต้องทิ้งคนสนิทไว้ให้มี่เอ๋อร์สองสามคน อย่าทำให้มี่เอ๋อร์ต้องน้อยเนื้อต่ำใจ ยังมีอีก มี่เอ๋อร์ หากตัดสินใจงานในบ้านไม่ได้ก็ทิ้งไว้ชั่วคราว อย่าให้ใครจับจุดอ่อนได้ ถ้าจำเป็นต้องจัดการ ก็ให้น้องจิ่นออกหน้าโดยตรง เจ้าจะตกเป็นเป้าไม่ได้!”
“มี่เอ๋อร์เข้าใจแล้ว ท่านพ่อ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์สัมผัสได้ถึงความรักความเอ็นดูของซั่งกวนฮ่าว แม้จะไม่ได้มาอย่างเอ่อล้นเหมือนอย่างหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แต่ก็จริงใจมากขึ้น ทำให้นางรู้สึกถึงความรักของบิดาที่ไม่แตกต่างกัน
“พวกเราไปแล้ว!” ซั่งกวนฮ่าวพลิกกายขึ้นม้า ในที่สุดก็ส่งเสร็จสิ้น! เยี่ยนมี่เอ๋อร์กับซั่งกวนเจวี๋ยมองหน้ากันและหัวเราะออกมา เป็นเพราะหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่งอแง ไม่มีความเศร้าของการอำลาแม้แต่น้อย มีแค่ ‘ในที่สุดก็ไปแล้ว’ อย่างโล่งอก
“พี่ใหญ่มู่หรงไม่ทันไรก็จะไปแล้ว เขาจะส่งน้องสาวอีกสามคนของตระกูลมู่หรงกลับโยวโจวก่อนจะรีบกลับมา เจ้าไม่ต้องกังวลว่าเขาจะรบกวนเจ้า!” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดกลั้วหัวเราะ เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่ามู่หรงปั๋วเย่หลังจากเล่าคำวิจารณ์ชิงหวั่นของตนกับคนที่เกี่ยวข้องแล้ว ก็ดุด่าทออย่างรุนแรง ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยฟังแล้วรู้สึกสะใจมาก…เขาก็อยากจะก่นด่าเช่นกัน แต่ก็ยังข่มกลั้นไว้ ตอนนี้มีคนสบถแทนเขา ช่างยอดเยี่ยมทีเดียว!
ในเช้าตรู่วันที่สี่ที่ซั่งกวนฮ่าวและคนอื่นๆ จากไป ซั่งกวนเจวี๋ยก็ออกไปอย่างเงียบเชียบก่อนจะรุ่งสาง ฝืนอาการเมื่อยล้าหลังจากที่ปั่นป่วนมาทั้งคืน มี่เออร์สวมเสื้อผ้าแล้วยืนอยู่ที่หน้าต่างมองตามหลังเฝ้าดูเขาจากไป รอยยิ้มยังประดับบนใบหน้า ทว่าน้ำตากลับร่วงโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาแยกจากกันหลังแต่งงาน นางอาลัยอาวรณ์มาก แต่นางรู้ว่าสิ่งที่นางควรทำในเวลานี้คือส่งเขาไปด้วยรอยยิ้ม ดูแลกิจการในครอบครัวให้เรียบร้อย แล้วรอเขากลับมาด้วยรอยยิ้ม นี่คือความรับผิดชอบและภาระหน้าที่ของนางในฐานะภรรยา
แต่…นางวางทาบมือลงบนท้องน้อยอย่างระมัดระวัง ทั้งสองสามคนนี้ค่อนข้างเอาแต่ใจ หลังจากมีอาการปั่นป่วนมาทั้งคืน เมื่อนางนั่งสมาธิปรับลมหายใจก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างเล็กน้อย ขณะเพิ่งมาถึงเรือนสดับวายุ ระดูของนางเพิ่งมาพอดี นับวันแล้วก็ถูกต้อง นางอาจมีชีวิตเล็กๆ ในท้องที่เริ่มตั้งครรภ์แล้ว แต่มี่เอ๋อร์ยังไม่ได้บอกการคาดเดาของนางออกมา นางไม่อยากให้เจวี๋ยวิตกกังวล และไม่อยากกวนใจเขา…
———————-