เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 168 ยังไม่เป็นศัตรูกัน
“ฉินซิน ข้าต้องการฟังคำอธิบายจากเจ้า!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั่วป๋าฉินซินที่ใบหน้าบึ้งตึงด้วยท่าทางเย็นชา มีเพียงพวกนางและอวี่ไข่รวมสามคนในห้องโถงนี้ ส่วนคนอื่นๆ โดนทั่วป๋าซู่เยวี่ยขับออกไปแล้ว
“คำอธิบายอะไร?” ทั่วป๋าฉินซินมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเยียบเย็น ในตอนนี้นางรู้สึกขุ่นข้องหมองใจ ไหนยังต้องพะวักพะวนดูแลอารมณ์ของทั่วป๋าซู่เยวี่ยอีก ยิ่งไม่มีกะจิตกะใจจะรู้ว่านางต้องการถามอะไรกันแน่
“เมื่อวานเจ้าออกไปไหนตอนเที่ยง และไม่ได้กลับมาเลยทั้งคืน? ไปทำเรื่องสกปรกอะไรพรรค์นั้นมาอีกใช่ไหม?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่เคยพูดกับทั่วป๋าฉินซินด้วยน้ำเสียงเช่นนี้ ต่อให้จะไม่พอใจและคับแค้นใจมาก่อนก็ตาม จะเพียงแค่เหินห่างและเข้มงวดกับนางบ้างเท่านั้น แต่ยามนี้นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากเลยทีเดียว
“ท่านย่าไม่ทราบว่าข้าไปไหนมาหรือ? ไปทำอะไรมาใช่ไหมเจ้าคะ?” ทั่วป๋าฉินซินรู้สึกกระปรี้กระเปร่าตาต่อตาฟันต่อฟันไม่ยอมลดราวาศอกแม้แต่น้อย ถ้าไม่ใช่เพราะนางหวาดกลัว ไม่ยอมฆ่าหญิงสาวอย่างเยี่ยนมี่เอ๋อร์โดยตรง ยังมอบโอกาสให้นางต่อลมหายใจ ให้นางหลบหนีจากตระกูลซั่งกวนได้ นางจึงต้องระดมพละกำลังที่ซ่อนอยู่ของตระกูลทั่วป๋าในลี่โจว ให้พวกเขาบุกเข้าไปฆ่าคนในเรือนสดับวายุโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมทั้งนั้นใช่หรือไม่? ถ้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกฆ่าจริง อย่างมากท่านลุงกับลูกผู้พี่จะบ่นตัดพ้อถึงความโหดร้ายของท่านย่า พวกเขาเป็นผู้น้อยไม่น่าจะให้นางชดใช้ด้วยชีวิตได้หรอกใช่ไหม? ไม่เต็มใจเสียสละนิดหน่อย แล้วลงมือบังคับให้นางหมดหนทาง ผลจะเกิดอะไรขึ้น? คนตายไปแล้วไม่มีทางหวนกลับมาอีก รายชื่อทั้งสี่สิบหกราย แม้จะไม่ใช่จำนวนมาก แต่พวกเขาล้วนได้รับการปลูกฝังจากตระกูลทั่วป๋าในลี่โจวมาไม่ง่ายเลย ถ้าบิดาและพี่ชายรู้เรื่องนี้ ยังไม่รู้ว่าจะลงโทษตนอย่างไร! ทำไมนางถึงออกไป? หนึ่งคือเพื่อยืนยันข่าว และอีกประการหนึ่งคือต้องไปปลอบใจคนกว่ายี่สิบคนที่ถูกส่งไปเรือนโม่โฉวซึ่งโชคดีรอดจากหายนะ ท่านย่าไม่ทราบหรือ? และสิ่งที่นางกังวลมากที่สุดในยามนี้คือคนเหล่านั้นไม่ได้เสียชีวิตทั้งหมด แต่กลับมีชีวิตลอยนวลอยู่ หากตระกูลซั่งกวนใช้คนเหล่านั้นมาคุยกับตระกูลทั่วป๋า นางจะต้องถูกทอดทิ้งแน่นอน
“เจ้าดูหมิ่นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เชียนเย่าสอนเจ้ามาหรือนี่?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนได้ทำมาถึงขั้นนี้เพื่อนาง เพื่อตระกูลทั่วป๋าแล้ว ไม่นึกเลยว่านางยังกล้าจะใช้น้ำเสียงหยาบคายเช่นนี้พูดกับตัวเองด้วยซ้ำ
ดูหมิ่นผู้ใหญ่? นางน่านับถือสักนิดหรือเปล่า? ทั่วป๋าฉินซินมองนางอย่างชิงชังแล้วพูดอย่างเมินเฉยว่า “การสั่งสอนอบรมทางบ้านของข้าไม่จำเป็นต้องให้ท่านย่าใส่ใจ เวลานี้ข้ายังเป็นแค่คุณหนูจากตระกูลทั่วป๋า ไม่ใช่หลานสะใภ้ของตระกูลซั่งกวนเสียหน่อย ท่านย่ามีอันใดก็พูดตามตรงก็ได้ ข้ายังไม่ได้นอนทั้งคืน เหนื่อยมาก ต้องการพักผ่อนอย่างเต็มที่เจ้าค่ะ!”
‘กึก!’ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยวางถ้วยชาในมืออย่างแรงจนนางแทบจะระเบิดอารมณ์ฉุนเฉียว มองทั่วป๋าฉินซินโดยไม่พูดอะไรสักคำ อยากดูว่านางเป็นหลานสาวที่ตนรักดั่งดวงใจมาตลอดหรือไม่ สาวคนนั้นที่มุ่งหวังอยากเป็นหลานสาวของตนเสมอมา
“ท่านย่า…” อวี่ไข่ลูบหลังทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นห่วงจริงๆ ว่านางจะถูกทั่วป๋าฉินซินยั่วโมโหจนมีอันเป็นไป ดังคำกล่าวที่ว่าง้างคันธนูแล้วไม่มีลูกศรย้อนกลับ ตอนนี้สิ่งต่างๆ ได้บานปลายมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่ว่าอะไรจะอยู่ตรงหน้าก็ตาม พวกเขาต้องเผชิญและต้องก้าวต่อไป
“ข้าถามเจ้า เจ้าส่งคนไปทำข่าวลือเกี่ยวกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เยี่ยงนั้นหรือไม่?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยหายใจติดขัดเลยทีเดียวเมื่อรู้ข่าวลือดังกล่าว แล้วก็เป็นลมล้มพับ ข่าวลือดังกล่าวดูมีประโยชน์มากสำหรับพวกนาง ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ถูกทำลายตัวตนและชื่อเสียงได้เพราะเหตุนี้ แต่ในความเป็นจริงล่ะ? ต่อให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะเป็นนางวันทองสองใจพรรค์นั้นจริง แต่ตระกูลซั่งกวนก็จะออกมาปฏิเสธข่าวลือเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง และจะติดตามไล่เบี้ยเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด โดยไม่ต้องพูดถึงว่านางถูกปรักปรำ และเมื่อเรื่องนี้หนักข้อมาถึงขั้นนี้ ตระกูลซั่งกวนต้องควานหาผู้บงการและผู้แพร่กระจายข่าวลือที่อยู่เบื้องหลังออกมา และลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นตัวอย่าง ทั้งตน อวี่ไข่ หนิงซินและผิงถิงไม่สามารถหลบหนีได้ คนเดียวที่หลบหนีจากพายุเช่นนี้ไปได้อย่างราบรื่นคือทั่วป๋าฉินซิน แม้จะไม่ดีสำหรับนางที่จะทำเช่นนั้น แต่นางก็ไม่ได้กลับมาในชั่วข้ามคืน ทั้งประจวบเหมาะที่เรือนสดับวายุเกิดจุดจบที่หดหู่ เป็นไปได้มากที่จะสูญเสียสติสัมปชัญญะจนก่อเรื่องไร้สมองเช่นนี้ขึ้นมา
“ไม่ใช่ข้า!” ทั่วป๋าฉินซินปฏิเสธโดยตรงพลางกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะท่านย่าที่ส่งคนไปทำหรอกหรือเจ้าคะ?”
“ข้าจะทำแบบนั้นได้อย่างไร!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยรู้สึกว่ามีควันลอยขึ้นเหนือหัว นางเหมือนคนโง่เง่าเต่าตุ่นขนาดนั้นเลยหรือ? จะทำอะไรเยี่ยงนั้นไหม?
“ตอนที่ข้าได้ยินยังนึกว่าท่านย่าส่งคนไปทำเสียอีกนะเจ้าคะ!” ทั่วป๋าฉินซินมองนางอย่างเรียบเฉยแล้วพูดว่า “ท่านย่าสามารถแพร่กระจายข่าวลือเช่นนี้ในจวนได้ ก็ย่อมจะกระจายข่าวลือที่คล้ายกันออกไปข้างนอกได้เช่นกัน แต่คราวนี้ท่านย่าคิดได้รอบคอบมากขึ้น บอกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นปีศาจจิ้งจอก ข้าคิดว่าครั้งนี้ท่านทำสำเร็จที่ขับไล่หรือบีบนางให้ตายอย่างจนตรอกได้แน่เจ้าค่ะ!”
นางก็เคยได้ยินข่าวลือโคมลอย ปฏิกิริยาแรกคือทั่วป๋าซู่เยวี่ยเลอะเลือนทำผิดอีกแล้ว! ทุกคนรู้เรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกันเล่า? ถ้าให้คนในตระกูลซั่งกวนตรวจสอบจริงๆ มันจะไม่ดีกับทุกคน เพียงแต่ยามนี้นางไม่มีกะจิตกะใจจะคิดสิ่งเหล่านี้
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ได้ทำ!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเอื้อมมือไปคว้าถ้วยน้ำชา เหวี่ยงไปที่ทั่วป๋าฉินซินอย่างบันดาลโทสะ ทั่วป๋าฉินซินหลบได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วหลีกออกไป พร้อมกับสีหน้าขายผ้าเอาหน้ารอดไปทีก็อันตรธานหายไปด้วย
“ท่านย่าหมายความว่ากระไร? พอโดนพูดแทงใจดำก็เลยหงุดหงิดหรือเจ้าคะ?” ทั่วป๋าฉินซินมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยด้วยสายตาคมกริบแล้วพูดอย่างดุดันว่า “ต่อไปท่านย่าจะให้ข้าทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“ข้าคิดเผื่อถึงเจ้ามาตลอดหลายปีขนาดนี้แล้ว เพื่อเห็นแก่ตระกูลทั่วป๋า เจ้าตอบแทนข้าด้วยวิธีเช่นนี้หรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองทั่วป๋าฉินซินด้วยความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด จับที่เท้าแขนของเก้าอี้ไว้แน่น เผยให้เห็นเส้นเลือดปูดโปนเต้นตุบๆ
“ข้ารู้ว่าท่านย่าทำหลายอย่างเพื่อข้า เพื่อตระกูลทั่วป๋าเจ้าค่ะ!” คำพูดของทั่วป๋าฉินซินทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยคลายอารมณ์ลงเล็กน้อย ซึ่งไม่เลวเลย นางยังรู้ด้วยว่าตนทำเพื่อตระกูลทั่วป๋าต้องเสียสละแบบไหน แต่ถ้อยวจีถัดไปของทั่วป๋าฉินซินทำให้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยสะดุ้งอีกครั้ง “ทว่า การที่ท่านย่าทำสิ่งเหล่านี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างใดๆ และก็ไม่ได้ทำให้ข้าหรือตระกูลทั่วป๋าได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ที่ได้ก็แค่เสียแรงเปล่าป่วยการเจ้าค่ะ!”
“ทั่วป๋าฉินซิน เจ้าอย่าลามปามเกินไป!” อวี่ไข่เตือนอย่างเยือกเย็นขณะที่ทั่วป๋าซู่เยวี่ยหวิดจะเป็นลมอีกรอบ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาคิดว่าซั่งกวนเจวี๋ยฉลาด อย่างน้อยตั้งแต่แรกเริ่มซั่งกวนเจวี๋ยก็แสดงออกชัดเจนว่าเขาไม่ได้มีความรักแบบชายหญิงต่อทั่วป๋าฉินซินแต่อย่างใด นับประสาอะไรกับความชอบเลย เป็นเพียงมารยาทแบบขอไปทีเท่านั้นเอง ในทางกลับกันเขายังเคยประทับใจนางอยู่บ้าง แต่มันก็สลายหายไปจากการดูแคลนของนาง
“เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดที่นี่!” ทั่วป๋าฉินซินมองอวี่ไข่อย่างบูดบึ้ง วาจาเฉียบคมประหนึ่งมีดพร้าแล้วพูดว่า “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นตัวอะไร ก็แค่เวลาที่ท่านลุงเบื่อถึงได้ไปชอบสาวใช้ต่ำต้อยแล้วคลอดตัวอ่อนโสมมออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่านย่า เจ้านึกหรือว่าข้าจะยอมลดเกียรติไปคุยกับเจ้า?”
อวี่ไข่ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง เขารู้มาตลอดว่าทั่วป๋าฉินซินดูเบาตัวเอง ผิงถิงและแม้แต่อนุภรรยาหนิง แต่เพราะสายสัมพันธ์ของทั่วป๋าซู่เยวี่ย จึงไว้หน้าพอสมควร เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งทั่วป๋าฉินซินจะพูดถ้อยคำทำนองนี้กับตัวเองโดยตรง
“ฉินซิน เจ้ามันน่าผิดหวังเสียจริง!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยมองนางอย่างอ่อนล้า
“ทำไมท่านจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังล่ะ!” ทั่วป๋าฉินซินมองทั่วป๋าซู่เยวี่ยอย่างเฉยเมยแล้วพูดอย่างไม่แยแสว่า “ถ้าท่านย่าไม่ลังเลและตรงฆ่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เลย ก็จะไม่มีปัญหาหอกข้างแคร่ตามมาและตระกูลทั่วป๋าจะไม่ต้องสูญเสียถึงสี่สิบหกชีวิต ท่านย่า ท่านรู้ไหมว่า คนที่เราส่งไปยังเรือนสดับวายุไม่มีใครกลับมาเลยสักคนเดียว พวกเขาตายเพราะท่านนะเจ้าคะ!”
“สามหาว!” อวี่ไข่ทำเสียงดุ จ้องเขม็งทั่วป๋าฉินซินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พวกเขาไม่ได้ตายเพราะท่านย่า แต่เพื่อเจ้าต่างหาก คุณหนูจากตระกูลทั่วป๋า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า คิดจะกำจัดหนามยอกอกให้เจ้า พวกเขาจะตายได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ท่านย่าจะจัดการกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้อย่างไร และจะตกอยู่ในจุดที่ทำคุณบูชาโทษหนำซ้ำยังถูกแว้งกัดกลับได้อย่างไร?”
“ถ้าท่านย่าฆ่าผู้หญิงคนนั้นโดยตรงก็คงไม่มีอะไรมากมายขนาดนี้!” ทั่วป๋าฉินซินไม่เต็มใจจะแบกรับความผิดดังกล่าว นางจึงต้องโยนความผิดให้กับทั่วป๋าซู่เยวี่ย
“จากนั้นล่ะ? บรรดาผู้อาวุโสจะมองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ต่างออกไป ถ้าพวกเขารู้ว่าท่านย่าจะฆ่าสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวนโดยไม่มีการตรวจสอบใดๆ ท่านย่าอาจถูกส่งไปที่วิหารประจำตระกูล และความฝันของเจ้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่านย่าพิจารณาภาพรวมถึงได้ตัดสินใจทำเช่นนี้” อวี่ไข่มองนางอย่างไม่สะทกสะท้าน หากทั่วป๋าซู่เยวี่ยลงเอยเช่นนั้นจริง ทั้งเขาและคนอื่นๆ ก็จะขาดที่พึ่งพาอย่างท่านย่าไป จะไม่จบลงด้วยดี แม้นางจะไม่อาจสมหวังอันหรูหราได้ แต่ก็ยังถอยหนีได้ นางไม่เคยคิดแทนคนอื่นเลยสักนิด ออกจะเห็นแก่ตัวเกินไปเสียด้วยซ้ำ
“ภาพรวม ภาพรวม มีภาพรวมมากมายขนาดนั้นเลยหรือ?” ทั่วป๋าฉินซินกรีดร้องอย่างบ้าระห่ำแล้วลั่นว่า “แล้วเจ้าเคยคิดบ้างไหม ในกรณีที่คนเหล่านั้นยังไม่ตาย แต่ให้คนจากเรือนสดับวายุที่รอดชีวิตอยู่เป็นพยานจะเกิดอะไรขึ้น? ตอนนั้นมันก็ไม่ใช่ธุระของเรา แต่เป็นความขัดแย้งระหว่างตระกูลซั่งกวนกับตระกูลทั่วป๋า! พวกเจ้าล้วนเป็นสมองหมู เหตุใดไม่คิดถึงเรื่องนี้!”
“เจ้าไม่ส่งทหารไปตายแล้วหรือ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยตกตะลึงจากนั้นก็พูดเนือยๆ ว่า “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีพยานเด็ดขาด ซั่งกวนจิ่นจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ขยายออกไป จนกลายเป็นว่าสองครอบครัวขัดแย้งกันแน่”
“แต่กว่าสี่สิบชีวิต ไม่มีแม้แต่น้ำกระเซ็นแพร่งพรายออกมา!” ในที่สุดสิ่งที่ทั่วป๋าฉินซินกังวลที่สุดก็คิดปลงตก ท่าทีจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ถ้าเจ้าฟังท่านย่าในเวลานั้น ส่งทุกคนไปที่เรือนสดับวายุอาจสำเร็จไปแล้ว!” อวี่ไข่พูดเสียดแทงหัวใจของทั่วป๋าฉินซิน อย่างเยือกเย็น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทั่วป๋าฉินซินชีช้ำเสียใจทั้งวันทั้งคืน ถ้าในตอนนั้นตนไม่กระจายกำลัง แต่บีบใส่กำปั้นตรง บางทีผลอาจจะไม่เป็นเช่นนี้
“เอาล่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้วไม่ต้องพูดถึงอีก เรามาคิดกันว่าควรจะจัดการอย่างไรดีกว่า!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่าทุกคนต้องการทำสิ่งเดียวกัน และต้องการให้เกิดผลลัพธ์เดียวกันด้วย เหตุใดจึงมีความเห็นแก่ตัวมากมายเช่นนั้นเล่า!
“ยามนี้ข้ามีเรื่องวุ่นวายในใจ คิดอะไรไม่ออก!” ทั่วป๋าฉินซินไม่เคยเจอเรื่องยุ่งยากแบบนี้มาก่อน รู้สึกประหม่ามานานแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ปวดหัวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ นางต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพูดอย่างทำอะไรไม่ถูก นางพูดไปในสภาพนี้ก็ป่วยการเปล่า รอให้นางพักผ่อนหายดี ขจัดความผูกอาฆาตแค้นในอกของตนแล้วค่อยคุยกันเถอะ
“อวี่ไข่ เจ้าว่านางเป็นคนปล่อยข่าวลือหรือไม่?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเอ่ยถามขึ้นอย่างเฉยชา คล้อยหลังที่ทั่วป๋าฉินซินออกไป
“ท่านย่า ข่าวลือเหล่านี้จัดทำขึ้นโดยผ่านการปรึกษาหารือจากพวกเราหลายคน มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ แต่โอกาสที่จะทำให้ทุกคนล่วงรู้ ก็มีเพียงนางเท่านั้นขอรับ!” อวี่ไข่พูดอย่างหมดหนทาง ยามนี้เขาไม่รู้ว่าหลังจากรอซั่งกวนฮ่าวกลับมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา
“จริงด้วย มีเพียงนางเท่านั้นที่มีเวลาและความสามารถทำสิ่งนี้ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ถ้าก่อเรื่องนี้ให้ยุ่งมันจะไม่ดีกับนางเลยแม้แต่น้อย!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยส่ายหัว
“ท่านย่า ข้าคิดว่านางพะวักพะวนว่าคนในตระกูลทั่วป๋าจะตกอยู่ในเงื้อมมือของพ่อบ้านจิ่น จึงได้ทำวิธีการที่บ้องตื้นครั้งนี้ขอรับ” อวี่ไข่เองก็ไม่อยากจะเชื่อในตอนแรก แต่เมื่อนึกถึงคำว่าต่อสู้กันจนตกตายไปด้วยกันทั้งสองฝ่ายก็คลายความสงสัยไปสิ้น”
“เจ้ากลับไปพักผ่อนให้สบายสักหน่อยเถิด ข้ายังต้องพิจารณาให้รอบคอบมากกว่านี้!” ทั่วป๋าซู่เยว่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาก กายเหนื่อย จิตล้า ใจก็หนาวสะท้าน…
“ขอรับ! ท่านย่าก็พักผ่อนให้สบายนะขอรับ!” อวี่ไข่พยักหน้า เขาครุ่นคิดอยู่ว่าจะต้องออกไปหลบมรสุมก่อนที่พี่ชายคนโตจะกลับมาดีหรือไม่…
—————–