เจ้าสาวร้อยเล่ห์ - ตอนที่ 199 กล่าวทิ้งท้าย
“นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” ทั่วป๋าเชียนเย่าต้องการจะสงบอารมณ์ แต่…เขามองสภาพซั่งกวนอวี่ไข่ที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงยุ่งเหยิง และสวมกางเกงตัวในขายาวของหญิงสาวแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ทำให้ทั่วป๋าเชียนเย่าตกใจ พอได้ลองนึกดูก็รู้ แต่คิดจะสงบสติอารมณ์ก็ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก…เขาถูกซั่งกวนจิ่นตะล่อมจนหลงผิดโดยคิดทุกอย่างไปในทิศทางที่ดี คิดว่าซั่งกวนฮ่าวจะปล่อยให้ฉินซินแต่งงานกับซั่งกวนเจวี๋ยในฐานะภรรยารอง ทั้งแต่งภรรยาและงานแต่งมงคลสมรส
…นั่นล้วนเป็นฐานะภรรยาหลักถึงจะคิดการณ์นั้นได้!
ซั่งกวนเจวี๋ยกลายเป็นซั่งกวนอวี่ไข่ ซึ่งเทียบเท่ากับหยกงามกลายเป็นหินแข็ง ช่องโหว่ขนาดใหญ่เช่นนี้ทำให้เขาไม่สามารถยอมรับได้ในทันทีจริงๆ
“น้องจิ่น!” ซั่งกวนฮ่าวใบหน้าคล้ำลง มองซั่งกวนจิ่นที่อยู่ข้างๆ ทั่วป๋าเชียนเย่าแล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่ได้บอกพี่เชียนเย่าอย่างชัดเจนหรอกหรือ?”
“นายท่าน…” ซั่งกวนจิ่นประสานมือคำนับพูดว่า “ระหว่างทางมาที่นี่ผู้น้อยได้พูดคุยกับนายท่านทั่วป๋าอย่างชัดเจนแล้ว แต่ไม่ทราบว่านายท่านทั่วป๋ามีความคิดอุปาทานอะไรทำนองนั้นหรือไม่ ดังนั้นจึงเข้าใจบางอย่างผิดเพี้ยนไป”
ทั่วป๋าเชียนเย่าพูดไม่ออก เขาครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ใช่แล้ว ซั่งกวนจิ่นมักจะพูดว่า ‘นายน้อยของข้า’ หรือ ‘นายน้อย’ ไม่เคยพูดว่า ‘คุณชายใหญ่’ สักครั้ง แต่เขามีความคิดแบบอุปาทาน แน่นอนจึงคิดเองว่าเขาหมายถึงซั่งกวนเจวี๋ยเท่านั้น มิน่าเล่าที่ซั่งกวนฮ่าวจะตกลงให้ฉินซินแต่งเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนี้ การแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ยก็คือแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน การแต่งกับซั่งกวนอวี่ไข่ก็เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลซั่งกวนด้วยเหมือนกัน ในชั่วขณะนั้นเขาไม่ได้คิดไตร่ตรอง จึงโดนพวกเขาตะล่อมให้คิดไปอย่างนั้น
“เข้าใจผิดอะไร?” ซั่งกวนฮ่าวดุว่า “ต้องเป็นเจ้าแน่ๆ ที่ไม่ได้พูดเรื่องราวให้ชัดเจน ข้าว่าเชิญพี่เชียนเย่าไปนั่งในเรือนของหอสาลี่หิมะก่อน ให้ข้าอธิบายอย่างละเอียดกับเจ้าเถิด ถ้าพี่เชียนเย่ามีคำถาม แม่ของข้า เจ้าสารเลวอวี่ไข่ และฉินซินยังอยู่ที่นี่ ซักถามพวกเขาได้”
เขาจะพูดปฏิเสธได้หรือ? ทั่วป๋าเชียนเย่าลอบถอนหายใจในใจ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นตรงไหน แต่ ณ ตอนนี้ มีเพียงสองทางเลือกที่จะจัดการเรื่องนี้ คือให้ทั่วป๋าฉินซินแต่งกับซั่งกวนอวี่ไข่ หรือจะสละชีวิตลูกสาว ทำให้เรื่องราวใหญ่โต อนิจจา…ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการเลย!
ทั่วป๋าเชียนเย่าเข้าไปในเรือนของหอสาลี่หิมะ (ซั่งกวนอวี่ไข่ตามมาด้วย คุกเข่าในมุมที่ลับตาโดยไม่พูดอะไรสักคำ) เห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยที่ใบหน้าซีดเซียวนอนกึ่งเอนอยู่บนเตียงนุ่ม อินหงหลันที่สนใจใคร่รู้รออยู่ข้างๆ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็มีสีหน้าไร้สี ซั่งกวนเจวี๋ยถือกาจื่อซาเล่นไปมา ใบหน้าไร้อารมณ์ ซั่งกวนอวี่ฮ่าวมีท่าทางค่อนข้างเงอะงะ และแม่นมสาวใช้ซึ่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม (ล้วนเป็นคนที่รับใช้อยู่ข้างกายทั่วป๋าซู่เยวี่ย) เขาทอดถอนใจ ไม่ว่าเรื่องราวจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร เขาก็ยังคงโค้งคารวะทั่วป๋าซู่เยวี่ยก่อนโดยกล่าวว่า “หลานน้อมทักทายท่านป้า!”
“เชียนเย่ามาด้วยหรือนี่!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพูดเย็นชาอย่างยิ่ง ในยามนี้สิ่งที่นางอยากทำคือสลัดคนออกไปทีละคน แต่ตัวเอง ฉินซิน อวี่ไข่ ทั้งคนรับใช้ข้างกายล้วนสลัดไม่พ้นอีกแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ จะลากคนอื่นๆ ในตระกูลทั่วป๋ามาพัวพันอีกไม่ได้ นางจึงพูดอย่างเฉยเมยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ว่า “ทำไมเจ้ามาที่นี่แต่เช้า?”
“หลานมามอบของขวัญงานแต่งงานของหลิงหลง” ทั่วป๋าเชียนเย่าตอบ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้าว่า “ก็จะแวะรับยัยฉินซินที่ไม่รู้ประสากลับไปด้วย ไม่อยากให้นางอยู่ในลี่โจวและสร้างปัญหาให้กับท่านป้า แต่ไม่คาดคิดว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรได้น่าประหลาดใจเช่นนี้!”
“ข้าก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นอย่างนี้!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกระวนกระวายใจ ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นจนถึงป่านนี้ นางไม่มีเวลาและโอกาสจะได้ขบคิด ซั่งกวนฮ่าวมองนางอย่างเย็นเยียบ ถามซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไร้เมตตาต่อหน้าบ่าวไพร่ อวี่ไข่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเปลี่ยนชุดให้สะอาดและเหมาะสมก็ถูกลงโทษให้คุกเข่าอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา ทุกสิ่งทุกอย่างยุ่งเหยิง นางอยากจะเป็นลม หลังจากเป็นลมก็จะกลับไปพักผ่อนได้แน่นอน อยากจะหาทางแจ้งทั่วป๋าเชียนเย่าว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น แต่…
เมื่ออินหงหลันอยู่ข้างๆ การเป็นลมจึงเป็นเรื่องเพ้อเจ้ออย่างหนึ่ง นับประสาอะไรกับการแสร้งทำ ต่อให้จะเป็นลมจริง เขาจะฝังเข็มได้อย่างง่ายดาย แล้วก็ตื่นขึ้นมาได้ หลังจากแสร้งทำเป็นลมสองครั้ง ก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาสองครั้งอย่างไร้ความปรานีเพราะเจ้าหมอสมควรตายผู้นี้ ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ไม่กล้าแสร้งทำเป็นเป็นลมอีกต่อไป…รสชาติของเข็มที่แทงนั้นสุดจะทานทนได้จริงๆ…
ตั้งแต่ต้นจนจบซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวมาคำหนึ่ง “นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของท่านย่าหรือ? อวี่ไข่เป็นหลานชายที่ท่านรักดั่งแก้วตาดวงใจที่สุด ฉินซินเป็นหลานสะใภ้ที่ท่านอยากได้มาตลอด การที่ทั้งสองคนตกแต่งเป็นสามีภรรยากันได้ ช่างสมบูรณ์แบบแค่ไหน ท่านย่าควรจะมีความสุขต่างหาก”
คำพูดนั้นทิ่มแทงหัวใจของนางราวกับเข็มพิษอย่างรุนแรง! อวี่ไข่ต้องการแต่งงานกับลูกสาวสูงศักดิ์ของตระกูลชนชั้นสูง แต่จะต้องไม่ใช่ทั่วป๋าฉินซินเด็ดขาด เขารู้จักด้านที่น่าสะพรึงกลัวและน่าชิงชังที่สุดของฉินซิน แต่ไม่เคยสมผัสได้ถึงข้อดีที่น่ารักและน่าเอ็นดูของฉินซิน ยกเว้นเมื่อจำเป็น เขากลัวฉินซินจนขอหลีกเลี่ยงอยู่ห่างๆ ไม่ต้องเอ่ยว่าจะให้เขาแต่งงานกับฉินซินเลย มันเป็นการทรมานสำหรับเขาที่จะให้ทั้งคู่มาอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน
ฉินซินต้องการแต่งเข้าตระกูลซั่งกวน ทว่าตั้งแต่ต้นมานางต้องการแต่งกับซั่งกวนเจวี๋ยซึ่งเป็นลูกชายคนโตเพียงเท่านั้น ในสายตาของนาง อวี่ไข่เป็นเพียงสิ่งที่ต้องหลอกใช้ ลูกนอกสมรสคนหนึ่งที่มีเชื้อสายต่ำต้อย ให้นางแต่งกับอวี่ไข่ นั่นเป็นชีวิตที่ทรมานยิ่งกว่าตายด้วยซ้ำ!
“เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว ข้ายังคงพูดแบบนั้น!” ซั่งกวนฮ่าวถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ลูกหลานก็ย่อมมีความสุขของเขาเอง เราแค่ทำให้พวกเขาสมหวังได้เท่านั้น! พี่เชียนเย่า เรามาหารือฤกษ์ยามกัน ตกลงให้เป็นมั่นเป็นเหมาะเร็วที่สุดเถอะ!”
ทั่วป๋าเชียนเย่ากระแอมไอเบาๆ ก่อนที่เขาจะออกปากพูด ซั่งกวนอวี่ฮ่าวกลับก้าวไปข้างหน้าแล้วโค้งคำนับซั่งกวนฮ่าว
อย่างเคารพสูงสุดว่า “ท่านพ่อ ถ้าจู่ๆ ก็มาคุยกับตระกูลทั่วป๋าเรื่องงานแต่งของพี่ชายกับคุณหนูทั่วป๋าเลยดูเหมือนจะวู่วามเล็กน้อย คนหนึ่งเป็นคุณหนูลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลทั่วป๋า ส่วนอีกคนเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่เป็นที่รู้จักของตระกูลซั่งกวน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้ย่อมคิดไม่ดีเป็นแน่ ท่านพ่อโปรดระมัดระวังด้วย!”
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” ทั่วป๋าเชียนเย่าพูดตามถ้อยคำของซั่งกวนอวี่ฮ่าวว่า “ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ไม่สลักสำคัญ แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกสาวตระกูลสูงส่งจะแต่งงานกับลูกนอกสมรสของตระกูลชนชั้นสูง แต่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือโคมลอยต่างๆ มากมายวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วบ้านทั่วเมือง ประจวบเหมาะตรงกับงานแต่งของหลานสาวหลิงหลง ข้าว่าควรจะวางเรื่องนี้ไว้สักพัก พูดคุยกันอย่างค่อยเป็นค่อยไปก็ยังไม่สายเกินไป!”
แม้เรื่องนี้จะมาถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ก็อาจล่าช้าไปสักหน่อยได้ เพื่อที่เขาจะได้สงบสติอารมณ์ลง ทำความเข้าใจกับฉินซินว่าทำไมจึงกลายเป็นเช่นนี้ จากนั้นจึงคิดหาวิธีแก้ปัญหาที่รอบคอบเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านลุงเข้าใจความหมายของหลานผิดไป” อวี่ฮ่าวยิ้มอย่างจริงใจพลางกล่าวว่า “หากจะพูดคุยกันตามลำพังเรื่องการแต่งงานระหว่างพี่ชายกับคุณหนูทั่วป๋านั้นดูจะไม่เหมาะสม ขอเพียงท่านพ่อเสนอเรื่องการแต่งงานของข้ากับชิงหวั่นในที่ประชุมด้วย แล้วทุกคนจะสนใจไขว้เขว เดาว่าไม่เพียงจะไม่มีข่าวลือที่ไม่ดีในเวลานั้น แต่ในทางกลับกัน ทุกฝ่ายจะอิจฉาท่านพ่อ ลูกนอกสมรสที่ไม่เป็นที่รู้จักทั้งสอง ล้วนแต่งงานกับลูกสาวของชนชั้นสูงได้ นั่นพิสูจน์ได้ว่าพ่อสอนลูกดีเพียงใด”
เขากับมู่หรงชิงหวั่น? ทั่วป๋าเชียนเย่าอดสูดลมหายใจเย็นดังเฮือกไม่ได้ ถ้าเขาจำไม่ผิดล่ะก็ เด็กคนนี้อายุน้อยกว่าชิงหวั่นสี่ปีเชียวนะ!
“ออกไป!” ซั่งกวนฮ่าวเตะอวี่ฮ่าวที่อยากแต่งงานจนเนื้อเต้นออกไปอย่างไม่ไยดี หันไปหาทั่วป๋าเชียนเย่าด้วยรอยยิ้มเจื่อนแล้วพูดว่า “แม้เด็กคนนี้จะพล่ามเพ้อเจ้อไปบ้าง แต่ก็เป็นความคิดที่ดีเช่นกัน ชิงหวั่นก็อยู่ในบ้านของข้า พี่ฉวีกุยจะมาถึงลี่โจวเร็วๆ นี้ เพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งงานระหว่างเด็กคนนี้กับชิงหวั่น ในเวลานั้นเราอาจลองนั่งคุยด้วยกัน ถ้าหาฤกษ์วันแต่งงานของเด็กทั้งสี่ได้ลงตัวในคราวเดียว คงดีไม่น้อย!”
มู่หรงชิงหวั่นอยู่ที่ตระกูลซั่งกวน? ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่ความปรารถนาของซั่งกวนอวี่ฮ่าวเพียงฝ่ายเดียว? บางทีมู่หรงชิงหวั่นก็รู้ต้นสายปลายเหตุของเหตุการณ์นี้แล้ว ยามนี้ทั่วป๋าเชียนเย่าเป็นคนใบ้น้ำท่วมปากพูดไม่ออก บัดนี้เขารู้จริงๆ แล้วว่าทำได้เพียงเลือกยอมอ่อนข้อให้เรื่องราวสงบลง ยกฉินซินให้แต่งงานกับซั่งกวนอวี่ไข่ ไม่เช่นนั้นไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้จะมีจุดจบเป็นอย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลทั่วป๋าก็คงซักล้างไม่สะอาดแม้จะกระโดดลงไปในแม่น้ำเหลืองก็ตาม!
“ขอบคุณท่านพ่อที่ช่วยอนุเคราะห์!” ซั่งกวนอวี่ฮ่าวคุกเข่าลงโขกศีรษะคำนับซั่งกวนฮ่าวด้วยความยินดี ก่อนที่ซั่งกวนฮ่าวจะเรียกเขาก็ยืนขึ้นอย่างอิ่มเอมใจ ยิ้มจนตาหยีมองเห็นไรฟันแล้วพูดว่า “ข้าจะแจ้งให้ชิงหวั่นทราบ นางคงดีอกดีใจเช่นกัน!”
ครั้นเห็นซั่งกวนอวี่ฮ่าวออกไปหายวับไปกับตา จากนั้นมองซั่งกวนอวี่ไข่ที่เดินตามเขากลับไปที่หอสาลี่หิมะและคุกเข่าลงกับพื้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทั่วป๋าเชียนเย่าถอนหายใจอีกครั้ง เขารู้ได้จากปฏิสัมพันธ์ระหว่างซั่งกวนอวี่ฮ่าวกับซั่งกวนฮ่าว แม้ซั่งกวนอวี่ฮ่าวจะไม่ใช่ลูกชายจากภรรยาเอก แต่มีในใจของซั่งกวนฮ่าวนั้น ซั่งกวนอวี่ฮ่าวอยู่สูงกว่าซั่งกวนอวี่ไข่มาก กล่าว คือฉินซินกลับได้แต่งงานกับคนที่มีสถานะน้อยที่สุดในตระกูลซั่งกวน…
“ท่านลุง หลานยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ไปกับท่านลุงไม่ได้ โปรดอภัยให้ข้าด้วย” ซั่งกวนเจวี๋ยเห็นว่าละครเกือบจะแสดงเสร็จแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงหยัดกายขึ้นและกล่าวอำลาออกไป
ทั่วป๋าเชียนเย่าฝืนยิ้ม แม้ซั่งกวนเจวี๋ยจะไม่เคยสุงสิงกับเขา แต่ก็ไม่เคยเฉยเมยเยี่ยงนี้ ดูท่าเขาจะไม่พอใจตระกูลทั่ว ป๋าอยู่ลึกๆ อย่างมาก…แต่จะว่าไป หากใครก็ตามได้เจอกับสถานการณ์ที่ยากจะแก้ไขก็คงจะมีท่าทางเช่นนี้!
“พี่เชียนเย่า โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” ซั่งกวนฮ่าวหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “เจวี๋ยเอ๋อร์ดูหงุดหงิดสะเทือนจิตใจ เจ้าควรไปดูฉินซินก่อนเถอะ ป่านนี้นางยังคงพึมพำอยู่…หรือพี่เชียนเย่าจะไปดูด้วยตัวเอง?”
“นั่นสิ!” อินหงหลันมองทั่วป๋าเชียนเย่าด้วยความไม่พอใจแล้วบ่นตัดพ้อว่า “ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะพูดอะไร แต่นางถือทิฐิดื้อรั้นจริงๆ นางวางยาที่แสงมองไม่เห็นกับอวี่ไข่ ทำให้อวี่ไข่ผู้น่าสงสารมีสภาพแบบนี้ แถมไม่ยอมรับเสียด้วย ยังบอกว่าเป็นลูกผู้พี่ชัดๆ จู่ๆ จะเปลี่ยนเป็นคนอื่นได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าที่อวี่ไข่ไม่ใช่ลูกผู้พี่ของนาง? หรือจะบอกว่าคนที่นางจะปั้นเรื่องใส่ร้ายไม่ใช่อวี่ไข่ แต่เป็นคนอื่น อวี่ไข่ผู้น่าเวทนาจึงได้รับบาดเจ็บโดยไม่ได้ตั้งใจ? อีกอย่าง นางยังกล้าชี้ว่าต่อหน้าข้าว่ายามีปัญหา ข้าจึงไม่ได้ให้ยาใดๆ กับนาง ถึงแม้จะให้ แต่ด้วยฐานะอย่างข้า จะให้ยามีปัญหาได้หรือ? ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”
“ฉินซินต้องสะเทือนใจมากแน่ๆ เจ้าเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างก็อย่าถือสานางเลย” ถ้าจัดอันดับคนที่ล่วงเกินไม่ได้เด็ดขาดในใต้หล้า อินหงหลันจะต้องอยู่ในอันดับต้นๆ แน่นอน ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ จะไม่เลือกทำให้เขาขุ่นเคืองใจ ทั่วป๋าเชียนเย่าก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ข้าไม่คิดจะเซ้าซี้กับเด็กคนหนึ่งอย่างนางหรอก” อินหงหลันโบกมือพลางกล่าวว่า “ข้าแค่โกรธที่อวี่ไข่ถูกทำร้ายเช่นนี้ พี่ใหญ่เชียนเย่า แต่ไหนแต่ไรข้าไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ครั้งนี้…หึ ข้าจะดื่มเหล้ามงคลของอวี่ไข่และลูกสาวของเจ้า พี่ใหญ่เชียน เย่าอย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ!”
ทั่วป๋าเชียนเย่ายิ้มเฝื่อน (จู่ๆ เขาก็พบว่าเขาไม่สามารถแสดงออกอย่างอื่นได้อีกแล้วนอกจากรอยยิ้มที่ขมขื่น) จึงกล่าวยืนยันว่า “เจ้าจะได้ดื่มเหล้ามงคลแน่นอน เจ้าวางใจได้!”
“ดียิ่งนัก!” อินหงหลันพอใจ มันไม่ได้ไร้ประโยชน์ที่พวกเขาทุ่มเททำงานหนักมานานพักใหญ่ จากนั้นก็หาวหวอดๆ อย่างอ่อนแรงแล้วพูดว่า “ข้าจะกลับไปนอนเอาแรง! ยังไม่ตื่นก็ถูกจับมาในฐานะกุลี พี่ฮ่าว ช่วยสั่งการทีว่าไม่อนุญาตให้คนอื่นมารบกวนข้า…”
เมื่อมองอินหงหลันที่เดินออกไปข้างนอกในขณะที่ง่วงหาวตลอดคืน ทั่วป๋าเชียนเย่าและซั่งกวนฮ่าวต่างส่ายหัวพร้อมเพรียงกัน แล้วคิดทบทวนไปมา แต่ทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจว่า ด้วยคำพูดทีเล่นทีจริงเพียงไม่กี่คำของอินหงหลันนั้น ได้กำหนดงานแต่งนี้เรียบร้อยแล้ว…
——————-