เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ - บทที่ 386 นายทั้งคู่สมควรที่จะได้รับมัน
- Home
- เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์
- บทที่ 386 นายทั้งคู่สมควรที่จะได้รับมัน
เจ้าสาว ผู้แสนเลอค่า ผู้น่าสงสาร ของ ท่านเทรมอนต์ บทที่ 386 นายทั้งคู่สมควรที่จะได้รับมัน!
ในสายตาเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก หลังจากที่เขาเงียบสักพักเขาก็พูดว่า “ฉันคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะบอกทิฟฟานี่ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับอีธาน เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เธอไม่เข้าใจการกระทำของเขา อย่างไรก็ตาม เธอเลือกที่จะเชื่อใจเขา “ก็ได้ ได้โปรดพยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขสิ่งเหล่านี้ ฉันไม่อยากให้ทิฟฟ์ต้องเผชิญกับความยากลำบากอีกรอบ ได้โปรด?”
เขาพยักหน้าอย่างแข็ง ๆ ก่อนที่จะคืนโทรศัพธ์ให้กับแอเรียน “จำไว้นะ อย่าบอกเรื่องนี้กับทิฟฟานี่ ปล่อยให้ฉันจัดการเรื่องนี้เถอะ”
เธอตกลง “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างงั้นคุณก็ไปจัดการมันสะ ฉันกลับบ้านละ”
มาร์คทำเสียงยอมรับขณะที่เขายืนอยู่ที่เดิม ในตอนนี้เขาไม่มีตั้งใจที่จะส่งเธอออกไป
แอเรียนไม่ได้คิดมากและออกจากห้องทำงานอย่างเชื่อฟัง เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในมาร์คหลังจากที่เขารับสายนั้นแล้ว
…
ระหว่างพักเที่ยง มาร์คขับรถไปที่โรงพยาบาลที่อีธานรักษาตัวอยู่ ด้วยความแปลกใจ อีธานไม่ได้หลีกหนีแต่รอเขาอยู่อย่างใจเย็น
อีธานดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เลย นอกจากผ้าพันแผลบนหัวแล้วเขาก็ดูเหมือนคนแข็งแรงดีระหว่างที่เขายืนอยู่ที่หน้าต่างและมองลงไปที่วิวด้านล่างพร้อมกับแสงแดดที่กระทบตัวเขา
อีธานไม่แม้แต่จะหันมามองตอนที่เขาได้ยินเสียงเท้าเดินเข้าหาเขา “ดูเหมือนว่าคุณจะรู้เนื้อหาในจดหมายนั้นไม่หมดสินะ…”
มาร์คไม่ได้มองอีธานตอนที่เขาถามว่า “จดหมายอยู่ที่ไหน?”
อีธานหยิบจดหมายออกมา เห็นได้ชัดว่าฉบับนี้เป็นเพียงสำเนาไม่ใช่ฉบับจริง “ดูสิ ฉบับจริงอยู่กับผม ผมว่าคุณคงจะรู้นะว่าผมไม่ให้ฉบับจริงคุณหรอก ตอนแรกผมคิดว่าผมคงไม่มีอะไรไปสู้คุณได้เพราะคุณไม่มีจุดอ่อนเลย ใครจะไปรู้ว่าผมมากับโชค?”
มาร์คหยิบจดหมายนั้นมาและเหลือบมองมันก่อนที่จะโยนมันทิ้งลงถังขยะ “นายต้องการอะไร!?”
มาร์คเป็นคนที่แทบจะไม่พูดคำหยาบเลย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาเสียการคววบคุมต่ออารมณ์ของเขาไปแล้วเพราะเขาไม่ชอบโดนขู่
อีธานหัวเราะตอนที่เขาหันหลังไปมองมาร์ค “ผมมั่นใจว่าคุณยังจำได้ว่า จอร์จ สโลน ถูกจ้างให้เป็นคนขับของพ่อคุณ เขาเป็นคนที่ขับรถให้พ่อคุณทุกครั้งที่เขามาหาแม่ผม จอร์จเป็นพยานได้ ผมกับแม่ต้องใช้ชีวิตในความมืดในห้องนั้นมาเป็นสิบ ๆ ปี เธอต้องดูแลผมคนเดียวตลอดเมื่อผมไม่สบาย เธอไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะโทรหาไอ้คนสารเลวนั่น เธอทำได้เพียงร้องไห้ทุกครั้งที่เธอรู้สึกแย่เพราะไม่ต้องการไปรบกวนครอบครัวคุณ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นสำหรับคุณ คุณมีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณไปที่ไหนก็มีแต่คนรัก…”
มาร์คไม่ได้คิดว่าอีธานและแม่ของเขาสมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจ เขากำหมัดแน่นเมื่อพูดว่า “ทำไมนายถึงทำตัวเหมือนเป็นเหยื่อทั้ง ๆ นายกับแม่ของนายต่างหากที่เป็นคนนอกและทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น? นายทั้งคุ่สมควรที่จะได้รับมัน! สำหรับสิ่งที่นายต้องเจอมา นายควรที่จะโทษแม่ของนายในความไม่มียางอายของเธอ เธอไม่เพียงไม่อายที่ทำลายครอบครัวคนอื่น แต่เธอยังมีหน้าให้กำเนิดนายอีก แม่ของนายเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด”
สายตาของอีธานแสดงให้เห็นถึงความโกรธแวบนึง แต่เขาซ่อนมันด้วยความเร็ว “ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก คุณโทษแม่ผมคนเดียวได้อย่างไร?! คุณช่างไร้ปรานีเสียจริงนะมาร์ค ผมทึ่งมาก ขนาดแม่ผมไม่สบายหนักพ่อคุณยังไม่สนใจที่จะมาเยี่ยมเลย ผมขอร้องเขาผ่านโทรศัพธ์แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะมาเจอพวกเรา จอร์จ คนขับรถ เป็นคนเดียวที่คอยช่วยเรายามที่เราลำบาก ตอนนั้นผมสาบานว่าผมจะไม่ปล่อยครอบครัวคุณไปแน่ ๆ ผมจึงวางแผนทำให้เครื่องบินตกเมื่อผมรู้ว่าครอบครัวของคุณกำลังจะไปเที่ยวกัน หลังจากนั้น โลกใบนี้ก็มองดูยุติธรรมขึ้นสำหรับผม”
“ผมคิดเสมอว่าจอร์จวางยานักบิน ซาคารี่ วินน์ ซึ่งเป็นพ่อของ แอเรียน วินน์ อย่างไรก็ตาม ผมตกใจที่จอร์จปกปิดเรื่องนี้กับผมมานหลายปี สุดท้ายแล้วเขารู้สึกผิดจึงไม่ได้วางยาซาคารี่ แต่เครื่องบินก็ยังตกอยูดี ได้ยังไง? ผมแน่ใจว่าคุณคงได้รับคำตอบของคุณในจดหมายนั้น ครอบครัวของคุณเหี้ยมโหดมาก คนหนึ่งแย่กว่าอีกคน คุณสามารถทำลายแม้กระทั่งครอบครัวตนเองเพื่อบรรลุเป้าหมายของคุณ น่าประทับใจมาก!”
ในขณะนี้ มือของมาร์คสั่นเล็กน้อย แต่อีธานไม่ได้สงสัย แม้ว่าข้างในใจของมาร์คจะสับสนวุ่นวาย แต่เขาก็พยายามที่จะสงบสติอารมณ์ในภายนอก “นายก็ทำได้ไม่เลวเช่นกัน นายคงจะใช้ความรักที่จอร์จมีให้แม่ของนายเพื่อที่จะให้เขาวางยาซาคารี่ ถูกไหม? หลังจากที่เครื่องบินตกเขาก็ลาออกจากครอบครัวเทรมอนต์และพานายกับแม่ของนายหนีไป เขารับบทเป็นพ่อให้นายหลังจากที่แม่นายเสีย แต่แล้วนายทำอะไรกับเขา? นายถึงขั้นไล่เขาออกจากบ้านของเขาหลังจากที่นายรู้ว่าเขาพยายามติดต่อแอเรียนเพื่อบอกว่าพ่อของเธอบริสุทธิ์ ตอนนั้นเขาเป็นมะเร็งระยะเริ่มต้น เวลานั้นนายกำลังคบกับทิฟฟานี่อยู่ นายน่าจะช่วยให้เขาได้รับการรักษาที่ดีกว่านั้น ถึงแม้ว่านายไม่ได้ฆ่าเขาโดยตรง แต่การจากไปของเขาก็ยังเป็นความผิดของนาย เขาคงนับวันถอยหลังจนกว่าเขาจะเสียชีวิตในศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพนั้น นายรู้สึกสำนึกผิดบ้างไหมที่ปล่อยให้เขาต้องทนทุกข์ทรมานมานานขนาดนั้น?”