เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1090 ข้าจะใช้เหตุผลกับพวกมัน
ตอนที่ 1,090 ข้าจะใช้เหตุผลกับพวกมัน
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ?”
เมื่อซวีหวันได้ยินคำพูดของหลินเป่ยเฉิน นางก็รีบส่ายศีรษะและกล่าวต่อ “ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษพวกมัน… อีกอย่าง ข้าน้อยจะปล่อยให้พี่หลินไปขอโทษพวกมันได้อย่างไร”
“แต่ข้าจะทนให้เจ้าถูกดูหมิ่นได้อย่างไรเล่า?”
หลินเป่ยเฉินยกโทรศัพท์มือถือขึ้นสแกนกลุ่มมนุษย์ปักษาและกล่าวเร่งเร้าอีกครั้งว่า “เร็วเข้า บอกให้คู่อริของเจ้าก้าวออกมา ข้ารับปากว่าจะใช้เหตุผลพูดกับมัน และทำให้มันสำนึกผิดจนไม่กล้ามาก่อกวนเจ้าอีก”
ซวีหวันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกไปข้างหน้าและพูดภาษาอะไรบางอย่างที่หลินเป่ยเฉินฟังไม่เข้าใจ
เหยียนหรู่อี้หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความประหลาดใจ
ผู้คนจากเผ่ามนุษย์ปักษาขนแดงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
การรู้ภาษาต่างชาติมันมีประโยชน์อย่างนี้นี่เองสินะ
หลินเป่ยเฉินแอบนึกเสียดายที่ตนเองฟังไม่ออก
เขาเห็นหัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาที่ยืนอยู่ด้านข้างเมื่อรับฟังคำพูดของซวีหวัน มันก็แสยะยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ ก่อนกวักมือเรียกมนุษย์ปักษาอีกตัวหนึ่งที่มีความสูงไม่แพ้กันให้ก้าวออกมาข้างหน้า
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มมนุษย์ปักษา
ตัวประหลาดเผ่าพันธุ์นี้มีความพิสดาร หน้าตาทุกตัวแทบเหมือนกันหมด หลินเป่ยเฉินมองไม่ออกเลยว่าตัวไหนเป็นตัวไหนบ้าง
แต่พิจารณาจากใบหน้าของมนุษย์ปักษาตัวที่ก้าวออกมาข้างหน้า มันยังอายุน้อย แววตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามและถือดีในตนเอง อีกอย่างบนแก้มยังปรากฏรอยกระบี่ปาดลึก แสดงว่านี่คงเป็นหนึ่งในบาดแผลที่ซวีหวันฝากเอาไว้ แต่ถึงกระนั้น มนุษย์ปักษาตัวนี้ก็ยังไม่ใช้พลังลมปราณเยียวยาบาดแผล มันเดินยิ้มเผล่ตรงเข้ามาหาพวกของเหยียนหรู่อี้และเชิดหน้าขึ้นสูง…
“คารา อี สปาวา”
มนุษย์ปักษาผู้มีบาดแผลอยู่บนแก้มจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาแปลกประหลาด
“มันพูดว่าอะไร?”
หลินเป่ยเฉินถาม
เหยียนหรู่อี้หัวเราะเยาะตอบว่า “มันบอกให้ท่านรีบคุกเข่าขอโทษมันเดี๋ยวนี้”
“คุกเข่าขอโทษ? แบบนี้จะไปแสดงให้เห็นถึงความจริงใจได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ทวงท่าสบายอกสบายใจ “ข้ามีวิธีที่แสดงได้ถึงความจริงใจมากกว่านั้น”
เขาชักกระบี่ออกมาเล่มหนึ่ง
คมกระบี่สาดประกายวูบ
มนุษย์ปักษาหนุ่มตัวนั้นเห็นเพียงแสงสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้า ก่อนที่ลำคอจะรู้สึกเย็นเฉียบ
หลังจากนั้น สายตาของมันก็พร่าเลือน
กลุ่มมนุษย์ปักษาส่งเสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนก
พวกมันเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของตนเองศีรษะขาดกระเด็น โลหิตฉีดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า…
ก่อนที่หัวมนุษย์ปักษาตัวนั้นจะร่วงตกกระทบพื้นดิน
ถึงแก่ความตายโดยไม่มีสัญญาณเตือน
ห้วงความคิดสุดท้ายในชีวิต มนุษย์ปักษาตัวนั้นมองเห็นสีหน้าตกตะลึงของซวีหวัน ก่อนที่ความเศร้าจะถาโถมกลืนกินจิตใจ มันรู้แล้วว่าตนเองไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีตัวแทนจากสำนักคฤหาสน์กำยานเลย…
ผลั่ก!
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปถีบร่างไร้ศีรษะของมนุษย์ปักษาหนุ่มให้ล้มลงไปบนพื้นดิน
“คิดมาลวนลามสหายของข้าอย่างนั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มพูดเหยียดหยาม “เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วกระมัง”
ซวีหวันมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึง
เขาพูดไม่ใช่หรือว่าจะใช้เหตุใช้ผลในการเจรจาครั้งนี้ และหลินเป่ยเฉินก็พูดออกมาอีกด้วยว่าจะทำให้อีกฝ่ายไม่กล้ามาก่อกวนนางอีก… เอ่อ บัดนี้ เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น กลุ่มมนุษย์ปักษาก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
พวกมันไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
ซวีหวันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหลินเป่ยเฉินจะชักกระบี่ฆ่าคนด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้
เหยียนหรู่อี้ก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงันไม่แพ้กัน
หูเหม่ยเอ๋อร์ผู้เป็นศิษย์น้องเล็กเมื่อหายตกตะลึงแล้ว นางก็ส่งเสียงตะโกนด้วยความคึกคักว่า “สังหารได้ดี ตัวประหลาดหน้าตาอัปลักษณ์เช่นนี้ ตายไปก็นับว่าประเสริฐแล้ว”
หลินเป่ยเฉินเริ่มรู้สึกสงสารมนุษย์ปักษาขึ้นมาเล็กน้อย
เกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์นับว่าเป็นเคราะห์กรรมชนิดหนึ่งจริง ๆ
อย่างน้อยก็เป็นเช่นนั้นในสายตาของหูเหม่ยเอ๋อร์
ดูเหมือนนางจะหลงใหลความหล่อเหลาของหลินเป่ยเฉินไม่มีเสื่อมคลาย
ในขณะนี้
บรรดามือกระบี่จากเผ่ามนุษย์ปักษาขนแดงก็ยังไม่ทันได้มีกิริยาตอบรับใด ๆ
พวกมันไม่เคยคิดฝันเลยว่าตัวแทนจากสำนักคฤหาสน์กำยานจะกล้าชักกระบี่ฆ่าคนสำนักใหญ่รวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้น ต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามนุษย์ปักษาก็ยังคงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี
แต่ตอนที่หลินเป่ยเฉินยกเท้าถีบศพให้ล้มคว่ำ พวกมันหลายตัวก็ได้สติขึ้นมาแล้ว
“กอด้า คาราบาเก้!”
หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาแผดเสียงคำราม ดวงตาของมันเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น ขนนกสีแดงถูกยิงออกมาจากแขนขวาของมันสามเส้น ที่น่ากลัวก็คือขนนกเหล่านั้นเมื่อถูกยิงออกมาแล้ว พวกมันก็แปรเปลี่ยนเป็นมีดสั้นพุ่งเข้าหาหว่างคิ้ว ลำคอและหัวใจของหลินเป่ยเฉินอย่างละหนึ่ง
“ระวังตัว…”
เหยียนหรู่อี้ร้องเตือนด้วยความตกใจ
หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวตั้งรับอยู่นานแล้ว เขาตวัดกระบี่ฟันออกไป
“กำแพงวายุ”
แล้วกำแพงแห่งสายลมก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
วูบ! วูบ! วูบ!
สายลมม้วนตัวทำมวลอากาศปั่นป่วน
มีดสั้นเหล่านั้นเมื่อปะทะเข้ากับกำแพงสายลม พวกมันก็หายวับไปในอากาศ
และในเวลาเดียวกันนี้ กระบี่ในมือของหลินเป่ยเฉินก็โจมตีออกมาอีกครั้ง
ผลการสแกนหาจุดอ่อนของกลุ่มมนุษย์ปักษาเหล่านี้ออกมาว่า ไม่มีพวกมันตัวใดสามารถต่อกรกับเขาได้เลย เพราะฉะนั้นหลินเป่ยเฉินจึงลงมือด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง
หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษามีสีหน้าตกตะลึง มันสะบัดแขนของตนเอง ขนนกที่อยู่บนแขนเปล่งประกายสีแดงสว่างวูบ
และลมหายใจต่อมา แขนทั้งสองข้างของมันก็กลับกลายเป็นกระบี่ยาวสีแดงราวกับโลหิตสองเล่ม
เพียงสะบัดแขนเท่านั้น รังสีกระบี่ก็พุ่งออกมา
นับเป็นการโจมตีที่ชาญฉลาดมาก
แต่อย่างไรก็ตาม…
เคล้ง!
ได้ยินเสียงคมกระบี่ถูกตัดขาด
“อ๊าก…”
หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาร้องเสียงหลงขณะล่าถอยอย่างลนลาน
แขนซ้ายของมันถูกตัดขาด
ถูกตัดขาดอย่างง่ายดาย
มันจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
เหตุผลที่เผ่ามนุษย์ปักษาขนแดงขึ้นชื่อเป็นหนึ่งในสำนักยุทธ์ชื่อดังของแผ่นดินตงเต้า ก็เพราะพวกมันมีแขนที่สามารถเปลี่ยนเป็นกระบี่ได้ตามใจปรารถนา
แขนกระบี่ของมันนอกจากมีความแหลมคมและทนทานยิ่งกว่าทองคำผสมเหล็กกล้า ยังสามารถโจมตีใส่เป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และมนุษย์ปักษาก็ผนวกวิชากระบี่เข้ากับอาวุธบนแขนของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งนัก
กล่าวได้ว่ามนุษย์ปักษาขนแดงเกิดมาพร้อมกับกระบี่คู่กายตั้งแต่กำเนิด
และเนื่องจากพวกมันมีกระบี่เป็นแขนของตนเอง มนุษย์ปักษาจึงสามารถควบคุมกระบี่ได้อย่างยืดหยุ่นมากกว่ามือกระบี่ทั่วไป การโจมตีจึงมีความน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ
ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดเลยว่าแขนของมนุษย์ปักษาจะถูกตัดขาดง่ายดายถึงเพียงนี้
“กระบี่เล่มนั้น…”
หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาร่ำร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ข่าวลือเรื่องเหตุการณ์ในหอเจ็ดดาราที่โด่งดังเมื่อสามวันก่อนพลันหวนฉายในหัวสมองของมัน และในทันใดนั้น หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาก็ตระหนักชัดว่าเด็กหนุ่มที่ตนกำลังเผชิญหน้าอยู่ก็คือหลินเป่ยเฉินจอมปีศาจน้อยปล้นศพ และกระบี่ที่อยู่ในมือของเขาก็เป็นกระบี่เล่มสุดท้ายที่ผู้อาวุโสเฉินหลอมขึ้นมา
ไม่น่าเลย
หากมันรู้ว่าเป็นเขา มันก็คงไม่…
ความเศร้ากลืนกินจิตใจหัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษา
แต่คมกระบี่ก็สาดประกายขึ้นเบื้องหน้าของมันแล้ว
“ชีวิตของข้าคงจบสิ้นแต่เพียงเท่านี้”
หัวหน้ากลุ่มมนุษย์ปักษาล่าถอยจนไม่อาจถอยได้อีก มันไม่อาจรอดพ้นกระบี่นี้ได้อีกต่อไป
แต่ในทันใดนั้น…
เคล้ง!
ประกายไฟสาดกระจายออกมาจากปลายกระบี่ของหลินเป่ยเฉิน
ข้อมือของเด็กหนุ่มสะท้านวูบ รู้สึกได้ถึงมวลพลังที่ต้านทานเข้ามา กระบี่หยุดยั้งลง ตัวเขาถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว
“เด็กน้อย งานประลองกำลังจะเริ่ม ได้โปรดหยุดมือก่อน”
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
ปรากฏว่าเป็นเสียงของผู้อาวุโสฉี ผู้สวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาด ผมยุ่งเป็นรังนก ชายชรากำลังยืนอยู่บนแท่นหินที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบวา และกำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยแววตาเคร่งขรึม
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ก่อนตอบว่า “ที่แท้ก็เป็นท่านผู้อาวุโสนี่เอง ฮ่า ๆๆ ผู้เยาว์จะเชื่อฟังท่านก็แล้วกัน… ผู้เยาว์จะไม่พูดคุยกับพวกมันแล้ว”
เด็กหนุ่มเก็บกระบี่
และอดแปลกประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้
ผู้อาวุโสฉีมีฝีมือที่น่าตกตะลึงจริง ๆ
ตัวคนยังยืนอยู่ห่างไกลหลายสิบวา แต่กลับสามารถหยุดยั้งกระบี่ของหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ
เป็นบุคคลที่ไม่สมควรไปมีเรื่องด้วยเด็ดขาด
แต่ว่า…
ผู้อาวุโสฉีมาทำอะไรที่นี่กันนะ?
หลินเป่ยเฉินหรี่ตามองและพบว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างกายผู้อาวุโสฉีนั้น ล้วนแต่เป็นบุคคลที่เขาคุ้นหน้าดีทั้งสิ้น
“พวกนั้นก็มาที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินถึงกับตกตะลึงเล็กน้อย