เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1098 เขากำลังท้าทายข้า
ตอนที่ 1,098 เขากำลังท้าทายข้า
“พี่เหยียน ทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งคืออะไรหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินหันไปถามเหยียนหรู่อี้
เหยียนหรู่อี้เริ่มเคยชินกับการที่หลินเป่ยเฉินเรียกนางว่าพี่เหยียนแล้ว และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือนางคร้านที่จะคอยปฏิเสธอีกต่อไป
“ทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งคือรายชื่อที่จะประกาศออกมาจากวิหารเทพพงไพรในทุก ๆ ปี มีแต่เพียงยอดฝีมือที่อายุต่ำกว่า 50 ปีจำนวน 200 คนเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติไปปรากฏนามอยู่ในทำเนียบผู้กล้า… เป็นเวลานานมากแล้วที่ยอดฝีมือทุกคนที่ได้ปรากฏนามในทำเนียบผู้กล้า มักจะสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วแผ่นดินตงเต้า อย่างน้อยก็เป็นเวลาอีกไม่ต่ำกว่า 50 ปีหลังจากนี้”
เหยียนหรู่อี้อธิบายด้วยความอดทน
นี่ไงล่ะ
ในที่สุดก็ได้พบเจอแล้ว
หลินเป่ยเฉินได้แต่ลอบอุทานอยู่ในใจ
ในที่สุด เขาก็ได้พบเจอรายชื่อทำเนียบยอดฝีมือแล้ว
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเพียงพบเจอแต่ทำเนียบยอดโฉมงาม
ทำเนียบยอดศาสตราวุธ
ทำเนียบยอดสัตว์อสูร
ทำเนียบเทพเจ้า
ทำเนียบนักหลอมโอสถ
และบัดนี้ เขาก็ได้พบเจอกับทำเนียบยอดฝีมือ
เป็นไปตามคาด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการจัดลำดับชั้นเสมอ
ไม่ต่างจากชีวิตสมัยเรียนมัธยมเลยสักนิด
แต่เดี๋ยวก่อน พี่เหยียนเพิ่งบอกว่าอะไรนะ?
ผู้ที่จะมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งได้ต้องมีอายุต่ำกว่า 50 ปีอย่างนั้นหรือ?
อายุ 50 ยังจะถือว่าเป็นดาวรุ่งอยู่อีกหรือไง?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
หมายความว่าในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ ต่อให้เขามีอายุ 30 ปี ก็ยังถือว่าเป็นวัยรุ่นอยู่ดีสินะ?
ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
“ว่าแต่รายชื่อที่ประกาศโดยวิหารเทพพงไพรได้รับการยอมรับระดับสูงถึงเพียงนี้เชียวหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความไม่เข้าใจ
“พวกเขาถือเป็นวิหารแรกที่ก่อตั้งในแผ่นดินใหญ่ และประเทศมหาอำนาจสองแห่งในแผ่นดินตงเต้าอย่างจักรวรรดิเจิ้งหลงและจักรวรรดิต้าเกี๋ยนต่างก็เป็นสาวกของวิหารเทพพงไพร คุณชายหลินคิดว่าอย่างไรเล่า?”
เหยียนหรู่อี้ถามกลับมา
หลินเป่ยเฉินได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ตอบกลับไป
ให้ตายสิ!
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินค่าความยิ่งใหญ่ของวิหารเทพพงไพรต่ำเกินไปซะแล้ว
ขนาดวิหารที่อยู่บนโลกมนุษย์ยังมีอำนาจถึงเพียงนี้ หลินเป่ยเฉินจึงไม่อยากจะนึกถึงเลยว่าแล้วเผ่าพันธุ์เทพพงไพรที่อยู่บนดินแดนทวยเทพนั้นจะมีความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามขนาดไหน
น่ากลัว
น่ากลัวมากเกินไป
หลินเป่ยเฉินสาบานว่าเขาต้องรีบหาทางถอนรากถอนโคนวิหารเทพพงไพรให้จงได้
“มือกระบี่เม่ยหลินผู้นี้มีรายชื่ออยู่ในอันดับที่ 96 แสดงว่าเขาเก่งมากใช่ไหมขอรับ?”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ “พี่เหยียน ไม่ทราบว่าข้าน้อยอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่? เกรงว่าคงมีอันดับสูงกว่าเม่ยหลินผู้นั้นแล้วกระมัง?”
เหยียนหรู่อี้หันมามองหน้าเขาและยิ้มอย่างปลอบใจ “นั่นก็อาจเป็นไปได้… หากคุณชายหลินสามารถทำให้ตนเองมีชื่ออยู่ในทำเนียบได้หลังจากนี้น่ะนะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าหลินเป่ยเฉินสลายหายไปทันที
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
เขาไม่ติดอยู่ในรายชื่อได้อย่างไร?
เฮอะ
แล้วนี่ยังจะนับว่าเป็นรายชื่อทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งที่ควรค่าต่อการเชื่อถือได้อย่างไร?
วิหารเทพพงไพรไม่เห็นมีดีอะไรเลย
ก็แค่พวกเศษสวะตาต่ำเท่านั้น
“พี่เป่ยเฉินไม่ต้องท้อใจไปนะเจ้าคะ”
เพียงในเวลาไม่นาน หูเหม่ยเอ๋อร์ก็ทำหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนให้กำลังใจหลินเป่ยเฉินได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อเห็นสีหน้าของเด็กหนุ่มไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่ นางจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ถึงพี่เป่ยเฉินจะไม่มีชื่อติดอยู่ในอันดับทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่ง แต่พี่เป่ยเฉินก็ติดอันดับผู้กล้าหมายเลขหนึ่งในใจของข้าน้อยนะเจ้าคะ สำหรับในหัวใจของข้าน้อยแล้ว ไม่มีใครจะมาสู้พี่เป่ยเฉินได้ทั้งนั้น”
หลินเป่ยเฉินฟังดังนั้นก็รู้สึกจักจี้ขึ้นมาชอบกล หากไม่ได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของหูเหม่ยเอ๋อร์ เขาคงนึกว่านางมีเจตนาล้อเล่นด้วยซ้ำ
“แล้วมีรายชื่อสำหรับผู้กล้าที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้งด้วยความสงสัยไม่เปลี่ยนแปลง
เหยียนหรู่อี้ตอบว่า “ย่อมต้องมี นั่นเรียกว่าทำเนียบผู้กล้ามังกรเร้นกาย ซึ่งจะเป็นการคัดรายชื่อยอดฝีมือจำนวน 50 คนจากทั่วแผ่นดินตงเต้า และผู้ที่จะมาอยู่ในรายชื่อทำเนียบนี้ได้นั้น ต้องเป็นสุดยอดของสุดยอดผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง และต้องมีความแข็งแกร่งในชนิดที่ว่าเพียงตัวคนเดียวก็สามารถระเบิดภูเขาคว่ำสมุทรได้อย่างไม่มีปัญหา”
“ฮื่อ”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนยิ้มประจบพลางว่า “ขอเสียมารยาทสอบถามพี่เหยียน ไม่ทราบว่าท่านอยู่ลำดับที่เท่าไหร่ในทำเนียบผู้กล้ามังกรเร้นกายหรือขอรับ?”
“ในสายตาของเจ้า ข้าแก่ชราถึงเพียงนั้นเชียวรึ?”
เหยียนหรู่อี้ถลึงตาจ้องมองหลินเป่ยเฉิน
อ้าว?
ปฏิกิริยาแรกของนางไม่ใช่อับอายที่ตนเองไม่มีรายชื่ออยู่ในทำเนียบ แต่กลับเป็นขุ่นเคืองใจเรื่องอายุอย่างนั้นหรือ?
ชักน่าสนใจแล้วสิ
“กราบเรียนตามตรง ในสายตาของข้าน้อยนั้น พี่เหยียนถือเป็นสตรีที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์มากสำหรับผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วง 50 – 60 ปีขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“เฮอะ”
เหยียนหรู่อี้พ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา มองหน้าเด็กหนุ่มด้วยแววตาแง่งอน ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น ไม่พูดคุยอะไรกับเขาอีก
หลินเป่ยเฉินเองก็ไม่ได้หยอกล้อนางต่อไป อีกอย่างนางก็เป็นอาจารย์ของซวีหวันกับหูเหม่ยเอ๋อร์ เขาจะเที่ยวหยอดคำหวานเรี่ยราดก็คงดูไม่ดีสักเท่าไหร่
ทันใดนั้น…
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าเจ้าสุนัขดำตัวนั้นกำลังท้าทายข้าอยู่ใช่หรือไม่?”
เซียวปิงพูดพร้อมกับชี้มือไปที่สังเวียนประลอง
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักและหันมองตามนิ้วมือของน้องชายร่วมสาบาน
และเขาก็ได้เห็นยอดมือกระบี่อัจฉริยะเม่ยหลิน ผู้มีชื่ออยู่ในอันดับที่ 96 ของทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งกำลังชี้นิ้วตรงมาทางที่นั่งของสำนักคฤหาสน์กำยาน หลังจากนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือขึ้นและกระดิกนิ้วชี้เหมือนจะเรียกให้พวกเขาลงไปหา
“ข้าอยู่ที่นี่ รอคอยเจ้าอยู่ตรงนี้”
เสียงที่เย็นชาดังกังวานไปทั่วยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิง
แววตาของเม่ยหลินเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตอบออกไปด้วยความภาคภูมิใจว่า “ไม่ใช่เจ้า แต่เขากำลังท้าทายข้าอยู่ต่างหาก…”
หลินเป่ยเฉินยังคงพึมพำต่อไปด้วยสีหน้าสบายใจ “หึหึ คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มีอันดับ 96 ของทำเนียบผู้กล้าดาวรุ่งจะมีสายตาเฉียบแหลมถึงเพียงนี้ เขารู้ว่าข้าคือผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงในงานประลองประจำปีนี้ เขาคงอยากจะสู้กับข้าจนตัวสั่นแล้วล่ะสิ? ฮ่า ๆๆ ประเสริฐ นับว่าเป็นคนหนุ่มวิสัยทัศน์กว้างไกล เมื่อถึงเวลาที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากันจริง ๆ ข้าจะยั้งมือไว้ไมตรีให้เขาสักเล็กน้อย…”
จังหวะนั้น ได้ยินเสียงของเม่ยหลินดังขึ้นอีกครั้ง…
“ข้าหวังว่าวิชากระบี่ลำแสงของเจ้าจะมีความแข็งแกร่งมากพอที่ข้าจะต้องใช้กระบี่สายฟ้าพิโรธของข้าบ้าง”
“เซียวปิง อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน”
พูดจบ เม่ยหลินก็เหินร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปจากสังเวียนประลอง
กล้ามเนื้อบนใบหน้าหลินเป่ยเฉินกระตุกระริก
รอยยิ้มแห่งความสบายใจค่อย ๆ เลือนหาย
ชิชะ
เม่ยหลินผู้นี้นับว่าเป็นตัวโง่งมแล้ว!!
คอยดูเถอะ หากเขากับหมอนั่นได้เจอกันบนสังเวียนเมื่อไหร่ ถ้าหลินเป่ยเฉินไม่ฆ่าเม่ยหลินให้ตายคามือ เขาไม่ขอใช้แซ่หลินอีกต่อไป!!!