เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1130 การนองเลือด
ตอนที่ 1,130 การนองเลือด
เสียงกรีดร้องดังก้องที่หน้าประตู
เมื่อยอดฝีมือขั้นเซียนลงมือ รังสีกระบี่ก็พุ่งเป็นประกาย การสังหารเกิดขึ้นด้วยความอำมหิต
ผู้คุ้มกันประตูทางเข้าจวนท่านเจ้าเมืองล้มลงตายหลายสิบคนในเวลาเพียงพริบตาเดียว
เลือดไหลนองเต็มพื้นดิน
“พวกเราบุกเข้าไป”
ผู้มีพลังขั้นเซียนคนหนึ่งนามลั่วเซวียนมาจากสำนักมหากระบี่ นางมีรูปร่างหน้าตาเป็นหญิงสาววัยสามสิบปีเศษ แต่อายุที่แท้จริงนั้นมากกว่าร้อยปีแล้ว กระบี่ในมือหญิงสาวตวัดฟาดฟันด้วยความอำมหิตยิ่ง ทุกครั้งที่คมกระบี่สาดประกาย ผู้คุ้มกันจวนท่านเจ้าเมืองจะต้องล้มลงเสียชีวิต
ผู้คนที่ติดตามทางด้านหลังลั่วเซวียนก็ลงมือด้วยความรุนแรงไม่แพ้กัน
เปรี้ยง!
ม่านพลังที่คุ้มครองประตูทางเข้าจวนท่านเจ้าเมืองถูกสลายลงไป
เมื่อม่านพลังที่ประตูถูกสลายลง บรรดาผู้รักษาความปลอดภัยของจวนท่านเจ้าเมืองก็ถูกมวลพลังจากผู้บุกรุกเล่นงาน ร่างของพวกเขาลอยกระเด็น กระอักโลหิตออกมาจากปาก เมื่อคนตกกระแทกพื้น ร่างกายก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวดทรมาน…
“ฆ่าให้หมด”
“อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
คมกระบี่สาดประกายวูบวาบ
บรรดาคนของจวนท่านเจ้าเมืองที่นอนชักกระตุกอยู่บนพื้นถูกกระบี่ทิ่มแทงซ้ำจนถึงแก่ความตาย
“ปิดล้อมคฤหาสน์หลังนี้เอาไว้ อย่าให้มีผู้ใดหนีรอดไปได้เด็ดขาด…”
“แม้แต่เป็ดไก่สักตัวก็อย่าให้เหลือ”
“อย่าให้มีผู้ใดรอดชีวิตออกไปได้”
เงาร่างของผู้คนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อพวกเขาลอยตัวอยู่ในอากาศ กลุ่มคนเหล่านั้นก็ผนึกกำลังสร้างค่ายอาคมขึ้นมาครอบคลุมพื้นที่ของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง เกิดเป็นมวลพลังกดดันผู้คนที่อยู่ด้านในอย่างหนักหน่วง
ผู้อาวุโสลั่วเซวียนจากสำนักมหากระบี่นำกลุ่มคนพุ่งตรงไปที่ประตูทางเข้าคฤหาสน์ด้วยความโกรธแค้น
บรรดาองครักษ์ของจวนท่านเจ้าเมืองที่พบเจอระหว่างทางล้วนถูกฆ่าตายหมดสิ้น
“กรี๊ด พวกท่าน…”
สาวรับใช้กลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ที่เฉลียงทางเดินด้านนอก และเมื่อพบเห็นฉากการฆาตกรรมอันโหดเหี้ยม พวกนางก็ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“ฆ่าให้หมด”
ลั่วเซวียนออกคำสั่งเสียงเข้ม
และคมกระบี่ก็สาดประกายวูบวาบอีกครั้ง
“พวกเจ้ารีบกลับไปข้างใน”
องครักษ์ผู้หนึ่งร้องตะโกนเสียงดัง ชักกระบี่ออกมายืนคุ้มครองกลุ่มสาวรับใช้ให้ล่าถอยกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์
การต่อสู้เกิดขึ้น แต่ก็จบลงอย่างรวดเร็ว
ในงานประลองกระบี่ประจำปีนี้ ลู่กวนไห่กับฉู่อวิ๋นซุนสามารถแสดงฝีมือได้อย่างน่าทึ่ง แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเพียงความสามารถเฉพาะตัวของคู่สามีภรรยา ความสามารถโดยรวมของมือกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนยังอยู่ในระดับธรรมดาสามัญ เมื่อถูกโจมตีจากมือกระบี่ระดับยอดฝีมือย่อมไม่มีทางสู้ได้
เวลาเพียงพริบตาเดียว คนจากสำนักกระบี่เริงรมย์ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“บัดซบ พวกเจ้าคิดทำอะไร?”
จังหวะนั้น เสี่ยวหรานเจ้าสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วได้นำลูกศิษย์ของตนเองปรากฏตัวออกมา เมื่อเห็นบรรดาองครักษ์นอนจมกองเลือด เสี่ยวหรานก็ใบหน้ากระตุกแผดเสียงคำรามว่า “เมืองไป๋หยุนอยู่ภายใต้การดูแลของกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง พวกเจ้าประพฤติตนไร้เหตุผล บุกรุกจวนท่านเจ้าเมืองโดยมิชอบ อีกทั้งยังสังหารองครักษ์ของพวกเรา ความผิดครั้งนี้ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด”
ลั่วเซวียนผู้อาวุโสหญิงจากสำนักมหากระบี่หัวเราะเยาะตอบกลับไป “ให้อภัยไม่ได้ แล้วพวกเจ้ามีปัญญาทำอะไรหรือไม่?… ตายซะเถอะ”
หญิงสาวควงกระบี่พุ่งเข้าไป
รังสีกระบี่หนาแน่น
จิตสังหารหนาแน่น
“รีบไปแจ้งท่านเจ้าเมือง”
เสี่ยวหรานออกคำสั่งเสียงดังกับหนึ่งในลูกศิษย์ของตนเอง ก่อนจะชักกระบี่ออกมาพุ่งเข้าหาลั่วเซวียน
คมกระบี่ของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน
พวกเขาต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า
บัดซบ!
โลหิตพุ่งกระฉูด
เสี่ยวหรานชวนเซถอยหลัง
มือข้างที่ใช้จับกระบี่มีเลือดไหลซึมออกมาอย่างน่ากลัว
ตัวเขาเองมีระดับพลังแข็งแกร่งพอสมควร แต่ก็ยังตกเป็นรองผู้อาวุโสหญิงจากสำนักมหากระบี่ผู้นี้
หากนี่เป็นการต่อสู้บนสังเวียนประลอง เสี่ยวหรานก็นับว่าพ่ายแพ้แล้ว
“ท่านพ่อ…”
เสี่ยวเฉินเยวียนบุตรชายคนโตของเสี่ยวหรานรีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองผู้เป็นบิดา
“หนีไป”
เสี่ยวหรานใบหน้าซีดเซียวขณะร้องตะโกนบอกให้กลุ่มลูกศิษย์ของตนเองที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบหนีไป
“ตายซะเถอะ”
ลั่วเซวียนผู้อาวุโสหญิงจากสำนักมหากระบี่ควงอาวุธในมือของตนเอง ตระเตรียมใช้กระบวนท่าสังหาร
“รบกวนพาท่านพ่อหลบหนีไปด้วย”
เสี่ยวเฉินเยวียนส่งตัวบิดาให้แก่ศิษย์พี่ในสำนัก ก่อนที่ตนเองจะชักกระบี่ออกมาและกระโดดเข้าไปเผชิญหน้ากับลั่วเซวียน
วูบ!
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
แล้วกระบี่ในมือลั่วเซวียนก็เสียบทะลุหัวใจของเสี่ยวเฉินเยวียนอย่างไม่ลังเล
“ไม่นะ เยวียนเอ๋อร์ลูกพ่อ”
เสี่ยวหรานเบิกตาโตก่อนจะเป็นลมหมดสติไป
เมื่อเห็นบุตรชายคนโตซึ่งเป็นความหวังของตนเองต้องถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา เสี่ยวหรานก็ถึงกับกระอักเลือดออกมาคำใหญ่…
“อาจารย์ขอรับ”
“เร็วเข้า พวกเรารีบถอยก่อน”
กลุ่มคนของสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วรีบล่าถอยอย่างรวดเร็ว
“อย่าคิดว่าจะหนีรอด”
ลั่วเซวียนผู้อาวุโสหญิงจากสำนักมหากระบี่สะบัดข้อมือเล็กน้อย แล้วซากศพของเสี่ยวเฉินเยวียนก็ระเบิดกระจายเป็นม่านหมอกเลือด หลังจากนั้นนางก็บุกตะลุยฆ่าฟันผู้คนต่อไป
“คุ้มครองท่านอาจารย์”
บรรดาลูกศิษย์ส่วนหนึ่งของสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วดวงตาแดงก่ำ พวกเขาชักกระบี่โถมเข้าใส่ลั่วเซวียนด้วยความเกลียดชัง
“รีบกลับมา…”
เสี่ยวหรานฟื้นคืนสติขึ้นมาร้องตะโกนด้วยความโกรธแค้น
แต่ก็ช้าเกินไป
คมกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
บรรยากาศหนาแน่นด้วยจิตสังหาร เวลาเพียงลมหายใจเดียว ศิษย์หกคนของสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วก็ล้มลงสิ้นใจตายอย่างน่าอนาถ
ส่วนบรรดาศิษย์ที่เหลืออยู่ก็รีบพยุงเสี่ยวหรานหลบหนีไปด้วยความหมดหวัง
ทันใดนั้น ลั่วเซวียนระเบิดพลังลมปราณ เส้นผมปลิวไสว ดวงตาเย็นเยียบด้วยความอำมหิต นางก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ร่างกายแผ่พลังกดดันออกมาหนักหน่วงไม่ต่างจากคลื่นสึนามิโถมเข้าใส่ชายฝั่ง
“ฆ่าให้หมด”
เมื่อได้ยินคำสั่งจากหญิงสาว ลูกสมุนของนางที่ติดตามมาทางด้านหลังก็ชักกระบี่ออกจากฝัก พุ่งตัวเป็นลำแสงเข้าไปหาพวกของเสี่ยวหรานและลูกศิษย์โดยตรง
“คุ้มครองท่านอาจารย์”
ลูกศิษย์จากสำนักกระบี่เมฆาพลิ้วอีกสองคนถลันกายออกมาข้างหน้าอย่างไม่กลัวตาย
ในมือจับกระบี่ด้วยความมุ่งมั่น
พวกเขาย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตนเองคงไม่รอด
แต่อย่างน้อย ความตายของตนเองก็สามารถช่วยซื้อเวลาให้พรรคพวกพาท่านเจ้าสำนักหลบหนีได้สำเร็จ
เพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
จังหวะนั้น…
“ฝันไปเถอะ”
น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้น
ชายเสื้อสีขาวโบกสะบัดตามสายลม
ลำแสงกระบี่พุ่งออกมาจากทางด้านหลัง
วูบ!
ลูกสมุนของลั่วเซวียนได้แต่ร้องอุทานก่อนที่ตัวคนจะลอยกระเด็นออกไป
เงาร่างสีขาวทิ้งตัวลงมายืนอยู่เบื้องหน้าเสี่ยวหรานและลูกศิษย์
เมื่อเจ้าของร่างนี้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า พลังกดดันที่ถาโถมเข้าใส่พวกของเสี่ยวหรานก็เบาบางลง แม้บุคคลตรงหน้าจะมีร่างกายผอมบาง แต่สำหรับพวกเขาแล้ว นางกลับมีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากภูผาหิน แม้แต่พลังกดดันจากลั่วเซวียนก็ทำอะไรนางไม่ได้
“ฮูหยิน”
เสี่ยวหรานอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงและโล่งอกในเวลาเดียวกัน
ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือย่อมต้องเป็นลู่กวนไห่
เสี่ยวหรานย่อมรู้ว่าลู่กวนไห่มีระดับพลังสูงส่ง เพราะฉะนั้น เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
แต่เพียงไม่นาน ชายฉกรรจ์ก็ต้องกลับมาวิตกกังวลอีกครั้ง
ครั้งนี้มียอดฝีมือจากหลายสำนักมารวมตัวกันมากเกินไป
แล้วฮูหยินกับท่านเจ้าเมืองจะต้านทานไหวหรือไม่?
“เจ้าคือ… อั่ก…”
ลูกสมุนของลั่วเซวียนที่ลอยกระเด็นออกไปพยายามยันกายลุกขึ้นยืน มันจ้องมองใบหน้าลู่กวนไห่ด้วยความโกรธแค้น อ้าปากกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วโลหิตก็พุ่งกระฉูดออกมาจากบริเวณหัวใจราวกับน้ำพุ และล้มลงสิ้นใจตายตรงนั้นเอง
“ถึงกับกล้าสังหารคนของเรา ช่างบังอาจนัก”
สีหน้าของลั่วเซวียนแปรเปลี่ยนไปแล้ว
ลู่กวนไห่ไม่พูดอะไรสักคำ กระบี่ในมือตวัดออกจู่โจมอีกครั้ง
รังสีกระบี่พุ่งเป็นแสงสว่างเจิดจ้า
ตรงเข้าไปหาลั่วเซวียน
…
“ที่นี่เองสินะ สำนักกระบี่มนตรา”
หลินเป่ยเฉินเดินตามลูกศรสีแดงมาถึงด้านนอกป่าหินรกร้างแห่งหนึ่งตามการนำทางของแอปไป่ตู้แมป ก่อนจะหยุดชะงักฝีเท้า
ด้านในป่าหินแห่งนี้ ปรากฏสิ่งก่อสร้างจำนวนไม่น้อย
พิจารณาจากตำแหน่งที่ตั้ง น่าจะเป็นตึกที่ทำการของสำนักกระบี่มนตรา ซึ่งเป็นที่เลื่องลือไปทั่วเมืองไป๋หยุนว่าปัจจุบันมีสถานะตกต่ำมากที่สุด
ถนนทางเข้าป่าหินปกคลุมด้วยวัชพืช ราวกับว่าไม่มีผู้คนเข้าออกมานานแล้ว
หลินเป่ยเฉินเดินไปตามถนนที่ปกคลุมด้วยวัชพืช และแล้ว เขาก็มาถึงหน้ากำแพงหินสูงใหญ่แห่งหนึ่ง