เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 120 ไม่อยากเล่นกับข้าแล้วหรือไง
บทที่ 120 ไม่อยากเล่นกับข้าแล้วหรือไง
“นี่มันอะไรกัน?”
เฉาพั่วเถียนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
“ทำไมมันยังขยับตัวได้อีก? หลินเป่ยเฉินสมควรได้รับบาดเจ็บแล้วไม่ใช่หรือ?”
เพราะถูกความประหลาดใจเล่นงาน ท่าร่างของเฉาพั่วเถียนจึงเชื่องช้ามากกว่าปกติ
เขารีบยกกระบี่ในมือขึ้นปัดป้อง
ครืน!
เสียงคลื่นน้ำปะทะกัน
แรงกดดันมหาศาลถาโถม
ทำให้เฉาพั่วเถียนเซถอยหลัง จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าโดยไม่รู้ตัว
โชคดีที่ในตอนนี้ เขายังควบคุมมือของตนเองได้อยู่ จึงไม่ได้เผลอทำผิดกติกา เพราะถ้าเขาเกิดใช้วิชากระบี่อื่นนอกจากวิชากระบี่สายน้ำไหลแล้วล่ะก็ เฉาพั่วเถียนจะต้องถูกปรับแพ้โดยทันที
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
เงากระบี่โดรานครอบคลุมใส่ร่างกายเฉาพั่วเถียน
เฉาพั่วเถียนถอยไปพลางยกกระบี่ขึ้นปัดป้องไปพลาง
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เป็นไปไม่ได้ หลินเป่ยเฉิน ยังไงวันนี้เจ้าก็ต้องพ่ายแพ้…กระบวนท่ากระบี่สายน้ำเย็น!”
เด็กหนุ่มใช้กระบวนท่าไม้ตายออกมาอีกครั้ง
เขาไม่ลืมจับด้ามกระบี่ด้วยสองมือ ในอากาศเกิดเสียงคลื่นทะเลดังสนั่นหู พลังลมปราณจำนวนมหาศาลของเฉาพั่วเถียนถาโถมเข้าไปพร้อมกับคมกระบี่ใส่หลินเป่ยเฉิน
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงคำรามออกมาว่า “กระบวนท่าขั้นสูงสุด…กระบี่สลายสายน้ำ”
กระบี่โดรานในมือของเขาพลันห่อหุ้มด้วยพลังลมปราณ แทรกซึมเข้าไปในอักขระอาคมบนตัวกระบี่ หลังจากนั้น กระบี่ของเขาก็มีเปลวไฟลุกโชติช่วงจากอักขระอาคมเหล่านั้น เช่นเดียวกับพลังคลื่นน้ำที่โหมซัดใส่อากาศธาตุ
กระบี่นี้เปรียบเสมือนมังกรไฟที่บินฝ่าสายน้ำและพายุหิมะ
“นี่มันอะไรกัน?”
“นอกจากท่าไม้ตายแล้ว วิชากระบี่สายน้ำไหลยังมีกระบวนท่าขั้นสูงสุดอยู่อีกหรือ?”
“แล้วกระบวนท่าไหนแข็งแกร่งมากกว่ากัน?”
กลุ่มมือกระบี่ดาวรุ่งรู้สึกได้ว่ามีมวลพลังงานที่มองไม่เห็น แผ่ปะทะเข้ากับใบหน้า พวกเขารู้สึกหายใจไม่ออก ต้องถอยหลังไปอีกหลายก้าว ดวงตาเบิกกว้าง อยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ยิ่งทุกคนได้เฝ้าดูมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของวิชากระบี่สายน้ำไหลมากขึ้นเท่านั้น
ถึงมือกระบี่ดาวรุ่งทุกคนจะได้รับการขนานนามให้เป็นอัจฉริยะ แต่ก็ไม่มีใครสามารถใช้วิชากระบี่สายน้ำไหลได้ยอดเยี่ยมเท่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น กระบวนท่าไม้ตายและกระบวนท่าขั้นสูงสุด ย่อมมีความน่าสนใจมากกว่ากระบวนท่าธรรมดา ควรค่าต่อการเสี่ยงตายรับชมเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อสักครู่นี้ ที่เฉาพั่วเถียนแสดงกระบวนท่า ‘กระบี่สายน้ำเย็น’ ออกมาก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว
บัดนี้ อีกหนึ่งกระบวนท่าขั้นสูงสุดจากหลินเป่ยเฉิน ก็มีความยอดเยี่ยมไม่แพ้กระบวนท่าของเฉาพั่วเถียนเช่นกัน
“เจ้าเด็กสองคนนี้ ทำไมถึงได้มีฝีมือน่ากลัวขนาดนี้นะ? ต่างก็ใช้กระบวนท่าไม้ตายในคัมภีร์ได้อย่างคล่องแคล่วทั้งสิ้น”
ขณะนี้ ไม่เพียงมือกระบี่อาวุโสจะตกตะลึงเท่านั้น แม้แต่ไป๋ไห่ชินกับติงซานฉือก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาแล้ว ทั้งสองคนลุกขึ้นจากที่นั่ง จ้องมองการต่อสู้ด้วยแววตาเคร่งเครียด
ครืน!
พลันบังเกิดแรงสั่นสะเทือนเหมือนมีการปะทะกันของคลื่นน้ำขนาดใหญ่
เสียงกระแทกดังสนั่นปานฟ้าผ่า
ทันใดนั้นเอง
“อ๊าก…”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
เงาร่างของคนผู้หนึ่งลอยกระเด็นจากเวทีประลองไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่ข้างทางอย่างแรง ต้นไม้ต้นนั้นหักโค่นลง ตัวคนก็ดีดสะท้อนกลิ้งกลับมานอนหมอบอยู่บนพื้นดินในสภาพที่น่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
“เป็นใครกัน…?”
สายตาทุกคู่จับจ้องไปยังร่างของบุคคลผู้นั้น
“เป็นใครกันแน่?”
หัวใจของทุกคนแทบกระดอนออกมานอกหน้าอกด้วยความลุ้นระทึกแล้ว
“เฉาพั่วเถียน!”
ปรากฏว่าเป็นเฉาพั่วเถียน
มือกระบี่ดาวรุ่งอัจฉริยะจากเมืองไป๋หยุนนอนหมอบอยู่บนพื้นดิน เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกปาก ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทรมาน
บนแก้มของเขาปรากฏรอยแผลจากคมกระบี่ แผลเปิดจนเห็นกระดูกด้านใน เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่นด้วยคมกระบี่เช่นกัน แขนขาหักงอผิดรูป พยายามจะลุกขึ้นยืนหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องล้มลงไปทุกครั้ง
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ทิ้งตัวลงมาบนพื้นดินอย่างแช่มช้า แผ่วเบานิ่มนวลเหมือนขนนกในสายลม
ผลแพ้ชนะถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว
บัดนี้ แม้แต่เด็กทารกก็บอกได้ว่าใครคือผู้ชนะและใครคือผู้แพ้
เกิดความเงียบงันในสนามหญ้าด้านหลังสวนดอกไม้
มือกระบี่อาวุโสหลายคนแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา เพราะผลของการประลองในครั้งนี้ แตกต่างจากที่พวกเขาคิดเอาไว้ในตอนแรก
บรรดามือกระบี่ดาวรุ่งจ้องมองหลินเป่ยเฉินเป็นตาเดียวกัน
พวกเขาอยากจะดูว่าเจ้าแกะดำมีร่องรอยอาการบาดเจ็บ ความตื่นกลัว หรือความทุกข์ทรมานใดบ้างหรือไม่
ปรากฏว่าไม่มี
แสงสว่างจากโคมไฟประดับสวนส่องต้องลงมายังร่างของเด็กหนุ่ม ส่งเสริมให้หลินเป่ยเฉินดูมีสง่าราศีและหล่อเหลามากยิ่งขึ้น
เขาสวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาว เส้นผมสีดำปลิวไสว สีหน้าเยือกเย็น ในมือถือกระบี่ ร่างกายยืนตรงโดดเด่น เหมือนเทพกระบี่ที่จุติลงมาจากสวรรค์ก็ไม่ปาน
เฉาพั่วเถียนในสภาพที่น่าอนาถใจ นอนหมอบอยู่แทบเท้าของเขา ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกแล้ว
ภาพนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนหยุดหายใจ
เหล่ามือกระบี่อาวุโสอ้าปากค้าง
พวกเขาเข้าใจดีว่างานประลองกระบี่ในค่ำคืนนี้จัดขึ้นมาเพื่อเหตุอันใด
มันเป็นเพราะว่าไป๋ไห่ชินอาศัยชื่อเสียงของเมืองไป๋หยุน หวังจะทำลายภาพลักษณ์ของศิษย์พี่ให้ย่อยยับจนไม่เหลือความเป็นอาจารย์ในสถานศึกษาอีกต่อไป มือกระบี่อาวุโสส่วนใหญ่เข้าร่วมงานครั้งนี้เพื่อมารับชมความสนุกสนาน พวกเขามาเพราะเห็นแก่หน้าของไป๋ไห่ชิน และพร้อมที่จะสนับสนุนมือกระบี่หน้าโหดเต็มที่
ในอดีต ติงเล่ยอาจเป็นที่น่ายำเกรงก็จริง
แต่ปัจจุบันนี้ เขากลายเป็นเพียงอาจารย์ที่มีนามว่าติงซานฉือ มีค่าไม่ต่างไปจากผ้าเช็ดเท้าให้ทุกคนเหยียบย่ำ
การปรากฏตัวของหลินเป่ยเฉินในงานค่ำคืนนี้ ก็เพื่อที่จะหักหน้าติงซานฉือเช่นเดียวกัน
หลินเป่ยเฉินควรจะต้องพ่ายแพ้ย่อยยับ ทำให้ติงซานฉืออับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี
แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งจะมีฝีมือน่ากลัวปานนี้
จึงกลับกลายเป็นว่าเฉาพั่วเถียนทำให้ไป๋ไห่ชินต้องอับอายขายหน้ามากแล้ว
บางคนหันไปมองหน้าไป๋ไห่ชินโดยไม่รู้ตัว
มือกระบี่หน้าโหดในขณะนี้ ยังคงมีสีหน้าเย็นยะเยียบ มิหนำซ้ำ ยังยิ้มออกมาเล็กน้อย
แต่มันเป็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขากระตุกอยู่ตลอดเวลา หมายความว่าไป๋ไห่ชินต้องพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เสียภาพลักษณ์ต่อหน้าทุกคน
เขารีบถลันกายเข้าไปช่วยประคองเฉาพั่วเถียนลุกขึ้น
เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว มือกระบี่หน้าโหดก็พบว่าลูกศิษย์ของตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงถูกพลังลมปราณกระแทกอย่างแรงเท่านั้นเอง เมื่อถ่ายทอดพลังลมปราณเข้าไปเพียงเล็กน้อย เฉาพั่วเถียนก็กลับมาหายใจในระดับปกติอีกครั้ง เด็กหนุ่มกระอักเลือดออกมาอีกรอบ ก็สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นปกติ
“เจ้าลูกเต่า แบบนี้เล่นแรงเกินไปหน่อยแล้วกระมัง”
ไป๋ไห่ชินหันไปมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาดุร้าย
บัดนี้ มือกระบี่หน้าโหดต้องยอมรับว่า ศิษย์พี่ติงของเขาได้ค้นพบมือกระบี่ดาวรุ่งผู้มีพรสวรรค์อีกคนหนึ่งแล้ว
ความสามารถและความเข้าใจในการศึกษาคัมภีร์กระบี่ของหลินเป่ยเฉิน มีความเหนือล้ำมากกว่าเฉาพั่วเถียนอยู่ถึง 3 เท่า
นี่คือความเป็นจริงที่ไป๋ไห่ชินรับไม่ได้
เมื่อถูกมือกระบี่ชื่อดังจากเมืองไป๋หยุนจ้องมองด้วยสายตาอาฆาตแค้น หลินเป่ยเฉินก็พลันรู้สึกหายใจไม่ออก เหมือนมีภูเขาขนาดใหญ่กดทับลงมาที่หน้าอก ทั่วร่างกายเกิดความรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาทันที แล้วใบหน้าของเขาก็กลายเป็นขาวซีดยิ่งกว่าแผ่นกระดาษ
ห่างออกไปไม่ไกล
หลิงเฉินซึ่งปลอมตัวเป็นบุรุษมีแววตาเป็นประกายโกรธแค้นอย่างยิ่ง
นางกำลังจะลงมือเข้าช่วยเหลือ แต่มือของใครบางคนก็กดไว้ที่หัวไหล่ของนางเสียก่อน
หลิงอู๋ส่ายศีรษะ กล่าวว่า “ดูนั่นก่อน”
ในสนามหญ้าขณะนี้
เมื่อหลิงเฉินหันกลับไปมองอีกครั้ง นางก็ได้พบว่าติงซานฉือไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉินเรียบร้อยแล้ว
อาจารย์ชราไม่พูดอะไรออกมาสักคำเดียว
ไม่แม้แต่จะแผ่พลังลมปราณออกมาด้วยซ้ำ
เหมือนกับว่าเขาไม่มีตัวตนอย่างไรอย่างนั้น
แต่พลังคุกคามจากไป๋ไห่ชินก็สลายหายไปทันที เหมือนมีสายลมพัดพาหายไปในพริบตา
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าพลังงานกดดันบนร่างกายของเขาสลายหายไปสิ้น
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หันไปหาเฉาพั่วเถียน และยื่นมือออกมาข้างหน้า
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เฉาพั่วเถียนกัดฟันกรอด
“กระบี่” หลินเป่ยเฉินคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ด้วยความช่วยเหลือของผู้ช่วยอัจฉริยะเวอร์ชั่นปรับปรุงใหม่ เด็กหนุ่มได้สั่งให้โทรศัพท์เปิดแอป ‘วิชากระบี่สายน้ำไหล’ เต็มรูปแบบ แม้มันจะกินแบตเตอรี่มากกว่าปกติถึงสี่เท่าก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง การศึกษาคัมภีร์ของเขาจึงสามารถใช้กระบวนท่าสูงสุดอย่าง ‘กระบี่สลายสายน้ำ’ ได้แล้วนั่นเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองจะไม่แพ้
“เจ้า…”
เฉาพั่วเถียนหัวใจอัดแน่นด้วยความเกลียดชัง เขากัดฟันกรอด สีหน้าแสดงความข่มขู่อาฆาต “หลินเป่ยเฉิน ข้าขอแนะนำให้เจ้าลองคิดทบทวนดูใหม่ อย่าทำอะไรที่มันเกินตัวมากไป เจ้าไม่ควรมีเรื่องกับคนที่เจ้าสู้ไม่ได้”
“เจ้าเพิ่งแพ้มาหมาดๆ ยังจะกล้าพูดอวดดีอีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินแสยะยิ้มด้วยความเหยียดหยาม “ไม่อยากเล่นกับข้าแล้วหรือไง?”
เฉาพั่วเถียนพูดด้วยความเจ็บแค้นใจว่า “เจ้า…หลินเป่ยเฉิน ที่เจ้าชนะการประลองครั้งนี้ได้ ก็เพราะมีกฎไม่ให้พวกเราใช้กระบวนท่าจากวิชาอื่นต่างหาก ลองเปิดโอกาสให้ข้าได้ใช้กระบวนท่าจากทุกวิชาที่ข้าทำได้สิ รับรองว่าข้ามีหมื่นวิธีทำให้เจ้าได้ตกตายโดยไม่มีที่กลบฝัง”
หลินเป่ยเฉินขี้เกียจเกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้ว เขายื่นมือออกไปข้างหน้าอีกครั้ง พูดว่า “กระบี่”
เมื่อเห็นเฉาพั่วเถียนยังไม่ยอมทำตามคำสั่ง เด็กหนุ่มจึงเน้นเสียงหนักแน่น
“เลิกพูดมาก แล้วส่งกระบี่พิฆาตสวรรค์ของเจ้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”